วันอาทิตย์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ข้อสี่ ซึ่งสำคัญที่สุด MO Memoir : Sunday 1 October 2560

วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๓๑  หอประชุมใหญ่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


ตอนที่ผมเรียนอยู่นั้น ทางมหาวิทยาลัยมีงานรับพระราชทานปริญญาบัตรในช่วงเดือนกรกฎาคมของทุกปี โดยจัดในวันพฤหัสบดี วันศุกร์ และวันเสาร์ ในช่วงบ่าย ช่วงตอนเช้าจะเป็นช่วงเวลาของการถ่ายรูปหมู่ของคณะต่าง ๆ ที่เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรในวันนั้น ช่วงที่ผมยังเป็นนิสิตอยู่นั้น จำได้ว่าคณะวิศวกรรมศาสตร์จะรับในวันเสาร์ มาเปลี่ยนเอาตอนที่ปีที่ผมรับปริญญาพอดี ที่มารับในวันพฤหัสบดี ต้องลางานหนึ่งวัน กว่าจะเสร็จงานรับปริญาและเลี้ยงน้อง ๆ คณะก็ปาเข้าไปร่วมเที่ยงคืนแล้ว เช้าวันรุ่งขึ้นยังต้องรีบตื่นไปทำงานให้ทันที่บริษัทตอนเจ็ดโมงครึ่งอีก
 
ดูเหมือนว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทางมหาวิทยาลัยได้นำเอาเทปบันทึกภาพและเสียง พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร แก่บัณฑิตของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประจำปีการศึกษาต่าง ๆ ของแต่ละวัน มาเผยแพร่ให้ชมทั่วกันทาง YouTube ผมเองก็ได้พบกับเทปบันทึกภาพและเสียง พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ปีการศึกษา ๒๕๓๐ วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๓๑ ซึ่งเป็นวันที่ผมเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร จึงขอถอดข้อความกระแสพระบรมราโชวาทมาบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อไว้เตือนความทรงจำของตนเองดังนี้
 
(URL คลิปวิดิทัศน์ต้นฉบับ https://www.youtube.com/watch?v=md4TGzw0eFc)
 
"ข้าพเจ้ามีความยินดี ที่ได้มาทำพิธีมอบปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในวาระนี้
และได้ทราบรายงานว่ากิจการทุกด้านของมหาวิทยาลัย ดำเนินก้าวหน้ามาเป็นอย่างดี 
  
ขอแสดงความชื่นชมกับผู้ทรงคุณวุฒิ พร้อมทั้งบัณฑิตทุกระดับทุกคน ที่ได้รับเกียรติและความสำเร็จในการศึกษา
 
ขอขอบใจทุกคน ที่ตั้งใจให้พรในโอกาสรัชมังคลาภิเษก 
  
และขอบใจสภามหาวิทยาลัยที่มอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ให้อีกปริญญาหนึ่ง

บัณฑิตผู้ใดรับความสำเร็จอย่างสำคัญในด้านการศึกษามาแล้ว ย่อมมุ่งหมายที่จะใช้ความรู้ประกอบการงานเพื่อความสำเร็จที่สูงขึ้นไป คือการสร้างความเจริญมั่นคงในชีวิตและฐานะหน้าที่ 
  
ความสำเร็จดังนี้ ถึงหากจะเป็นที่พึงปราถนาอย่างยิ่ง แต่ก็มิใช่สิ่งที่ทุกคนจะได้มาโดยง่าย เพราะการสร้างอนาคตที่รุ่งเรืองและมั่นคงนั้น นอกจากต้องมีความรู้ดี ทุกคนยังต้องอาศัยคุณสมบัติพิเศษในตนเองอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความฉลาดสามารถ ในการปฏิบัติงาน ปฏิบัติตัว วันนี้จึงใคร่เสนอข้อปฏิบัติที่เห็นว่าสำคัญให้พิจารณาศึกษา

ข้อแรก ท่านจะต้องทำงานทุกอย่าง อย่างมีหลักการ มีระเบียบ มีเหตุผล และมึความพอเหมาะพอดี
 
ข้อสอง จะต้องมีความอุตสาหะพากเพียร อย่างสม่ำเสมอ ทั้งในการทำงานและการทำความดี แม้ต้องเหนี่อยยาก หรือมีอุปสรรคขัดขวาง อย่างใด ก็จะต้องไม่ย่อท้อถอยหลัง
 
ข้อสาม จะต้องเอาใจใส่ศึกษาวิชาการ พร้อมกับแสวงหาความรอบรู้ในเรื่องต่าง ๆ โดยรอบด้านให้ก้าวหน้าอยู่ตลอดเวลา ไว้สำหรับใช้ประกอบการและเทียบเคียงพิจารณาตัดสินปัญหาต่าง ๆ
 
ข้อสี่ ซึ่งสำคัญที่สุด จะต้องควบคุม ความคิด จิตใจ ให้สงบ หนักแน่น และให้มั่นคงแน่วแน่ ในเหตุผล ในความเป็นกลางอยู่เป็นปรกติ แม้ในเวลาที่มีเหตุชวนให้วุ่นวายสับสน ก็สามารถควบคุมไว้ได้ ความคิดจิตใจที่สงบหนักแน่น และเป็นกลางห่างจากอคตินี้ จะช่วยให้มีสติ ความระลึก รู้ถึงเหตุ ถึงผล ถึงข้อเท็จจริง ถึงความถูกผิดของเรื่องทั้งปวง และช่วยให้มองเห็นปัญหาได้กระจ่างแจ่มชัด สามารถวินิจฉัย ชี้ขาด ได้ถูกต้อง เที่ยงตรง เป็นประโยชน์เสมอ ไม่มีอับจน

จึงใคร่ขอให้บัณฑิตนำข้อปฏิบัติเหล่านี้ ไปฝึกหัดปฏิบัติให้ครบ เชื่อว่าจะเกื้อกูลให้แต่ละคน ประกอบการงาน เป็นแก่นสาร เป็นประโยชน์ และประสบความสำเร็จอย่างสูง ขออวยพรให้ทุก ๆ คนมีความสุข ความสมหวัง พร้อมทั้งความเจริญรุ่งโรจน์ ในชีวิตทุกประการ"


-------------------------------



ขอน้อมรับเอาพระบรมราโชวาทของพระองค์ ไว้เป็นเครื่องเตือนใจ และหลักในการดำเนินชีวิต

เพื่อสร้างประโยชน์แก่ตนเอง และสังคมไทยสืบต่อไป



ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

ไม่มีความคิดเห็น: