หลายรายบอกให้ผมเอาเรื่องที่เขียนลง
blog
พิมพ์เป็นเล่มได้แล้ว
ผมก็ตอบกลับไปว่าเนื้อหาบางเรื่องมันก็ค่อนข้างเฉพาะทาง
และหลายต่อหลายเรื่องมันก็สะเปะสะปะไปหมด
ถ้าจะเอามารวมเล่มก็ไม่รู้ว่าจะให้ชื่อหนังสือว่าอะไร
และใครจะมาซื้ออ่าน
แต่ผมก็บอกเขาว่าถ้าจะพิมพ์ก็คงจะพิมพ์แจก
แต่คงเป็นเรื่อง "ผี"
ที่กะว่าจะเขียนให้ได้มากพอที่จะพิมพ์เป็นเล่มแจกวันเกษียณอายุ
แต่จะเขียนออกมาทำนองไหน
ก็ยังไม่รู้เหมือนกัน
เอาเป็นว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
บังเอิญไปโหลด app
แต่งภาพผีมาลงโทรศัพท์
ก็เลยเดินถ่ายรูปเล่นในภาควิชา
ไม่ว่าจะเป็นบริเวณรอบห้องทำงานของตัวเองหรือห้องทดลองวิทยาศาสตร์
แล้วทดลองแต่งภาพเล่นดู
พร้อมทั้งเขียนคำบรรยายภาพไว้สั้น
โดยเขียนขึ้นเองจากจินตนาการ
และบางส่วนก็มาจากประสบการณ์ในระหว่างการทำงานและที่ได้ฟังนิสิตเล่าให้ฟัง
เอาไว้เตือนความจำ
เผื่อว่ามีเวลาว่างเมื่อใดจะได้มาเขียนให้เป็นเรื่องเป็นราวสักที
รูปที่แต่งนั้นก็เอาลง
facebook
ไปเมื่อวาน
ก็ได้เสียงตอบรับกลับมา
วันนี้ก็เลยถือโอกาสเอาสิ่งที่โพสลง
facebook
มารวบรวมไว้ใน
memoir
ฉบับนี้
เผื่อว่าเมื่อเวลาผ่านไปจะได้ค้นย้อนหลังได้ง่ายหน่อยว่าเคยคิดอะไรไว้
ลองอ่านดูเล่น
ๆ อย่าคิดอะไรมากก็แล้วกันนะครับ
"ผู้อยู่อีกฟากด้านของบานประตู"
เสียงลูกบิดประตูขยับเหมือนมีใครสักคนพยายามจะเปิดประตู
อาจารย์เจ้าของห้องก็เลยเงยหน้าจากโต๊ะทำงานขึ้นมองดู
แล้วพอบานประตูห้องเขาเปิดออก
สิ่งที่เขาเห็นก็คือ .......
จะว่าไปอาคารที่ผมห้องทำงานของผมตั้งอยู่แต่ละชั้นมันก็ไม่ได้กว้างอะไรเท่าใดนัก
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่ามันแตกต่างไปจากอาคารสำนักงานทั่วไปคือที่นี่มีการกั้นห้องเป็นห้องส่วนตัว
แม้แต่ประตูก็ไม่ไม่กระจกให้มองเห็นคนเดินผ่านไปมาหน้าห้อง
จะมีก็แต่ได้ยินเสียง
มีเฉพาะบานกระจกที่อยู่เหนือประตูเท่านั้น
มีบ้างเหมือนกันบางครั้งที่มีงานที่ทำให้ต้องมานั่งทำงานอยู่เพียงคนเดียวทั้งชั้น
บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าเสียงที่ดังอยู่ภายนอกห้องนั้นมันเป็นเสียงอะไร
"ประธานในห้องประชุม"
แลปนี้มีห้องที่เป็นทั้งห้องสมุดและห้องประชุม
แถมตอนกลางคืนก็ยังมีนิสิตเข้ามาใช้เป็นห้องนอนอีก
เพราะมันมืดและแอร์เย็นดี
ว่าแต่เคยสงสัยบ้างไหมว่าทำไมพี่
ๆ ป.โท
ป.เอก
บางคน ยินดีที่จะนอนค้างในห้องอื่นที่มีแต่พัดลม
แทนที่จะมานอนตากแอร์เย็น
ๆ ในห้องนี้
ชีวิตนิสิตป.โท
ป.เอก
นี่บางทีมันต้องทำการทดลองกันข้ามวันข้ามคืน
ถึงแม้ว่าบางครั้งจะไม่ต้องมีการเก็บตัวอย่าง
แต่ก็ต้องมานอนเฝ้าเผื่อว่าการทดลองที่รอคอยเวลาอยู่นั้นจะเกิดปัญหา
ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้าดับ
น้ำไม่ไหล หรือด้วยสาเหตุใดก็ตาม
สถานที่จะปูที่นอนหรือกางเก้าอี้นอนต่างก็เลือกกันตามมุมสบายของตน
บางรายนั้นจะนอนที่ไหนก็ได้
ขอให้แอร์เย็น มืด
และไม่มียุงหรือหนูมารบกวนก็พอ
แต่ก็มีบางที่ที่แม้จะเข้าเกณฑ์ดังกล่าว
แต่ก็มีบางคนไม่อยากไปนอนพักในห้องนั้นตอนกลางคืน
"เพื่อนร่วมรุ่น"
นิสิตรายหนึ่งหันไปถามเพื่อนที่เดินมาด้วยกัน
"ยายนั่นทำแลปที่ตึกนี้ด้วยเหรอ
ทำซีเนียร์โปรเจคกับใครล่ะ"
"เฮ้ย
เธอตายไปแล้วตอนปิดเทอมปี
๒ ไม่ใช่เหรอ"
ด้วยจำนวนนิสิตในภาควิชาที่เพิ่มขึ้น
จนทำให้การเรียนแม้แต่วิชาบรรยายนั้นนิสิตถูกแบ่งออกเป็น
๒ กลุ่ม
ประกอบกับสภาพแวดล้อมของมหาวิทยาลัยที่นิสิตเองจะไปจับกลุ่มรู้จักกันเฉพาะกับผู้ที่อยู่ใน
group
เดียวกันเป็นหลัก
ทำให้แม้ว่าจะเรียนชั้นปีเดียวกัน
ภาควิชาเดียวกัน ก็ไม่รู้จักกัน
เพราะไม่มีโอกาสเรียนหนังสือในตอนเรียนเดียวกัน
ทำให้แม้แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเพื่อนร่วมรุ่นนั้น
ก็ไม่เป็นที่ทราบกัน
"พวกพี่
ๆ ป.โท
เขาทำงานกันไม่หลับไม่นอนนะ
ดึก ๆ อย่างนี้ยังแต่งชุดแลปออกมาเดินเล่นอีก"
แล้วพี่คนนั้นก็เดินหายเข้าไปในห้องสุดทางเดิน
โดยที่ประตูยังคงปิดอยู่
เรื่องแบบนี้จัดว่าเป็นเรื่องคลาสสิกเรื่องหนึ่งของภาควิชาเราก็ได้
เรื่องห้องสุดทางเดินนี่นิสิตป.โทของผมเคยโดนมา
ตอนราว ๆ ปี ๓๘ หรือ ๓๙
ที่ตึกแลปเคมีชั้น ๓
ตอนนี้มุมนั้นเขากั้นห้องกันใหม่
กลายเป็นแลปของป.โทกลุ่มอื่นไปแล้ว
ก็เลยไม่สามารถถ่ายรูปสถานที่จริงมาให้ได้
ได้แต่ถ่ายรูปห้องที่อยู่ใกล้กับห้องที่เกิดเหตุมาประกอบ
เหตุการณ์นี้เคยเล่าเอาไว้ใน
Memoir
ปีที่
๒ ฉบับที่ ๑๓๐ วันพฤหัสบดีที่
๙ มีนาคม ๒๕๕๓ เรื่อง
"เหตุเกิดตอนทำแลปกลางคืน"
"ห้องส้วมที่ว่างอยู่"
เวลาเข้าห้องน้ำ
เคยชำเลืองดูประตูห้องที่มันเปิดอยู่บ้างหรือเปล่าครับ
เรื่องนี้ไม่รู้ว่าจะเขียนอธิบายอย่างไรดี
แต่คิดว่าคงจะพอจินตนาการกันเองได้นะครับ
"น้ำเย็น
ๆ ที่สุดปลายระเบียง"
ยังดีที่ภาควิชาติดตั้งเครื่องทำน้ำเย็นสำหรับดื่มไว้ที่ห้องสุดปลายระเบียง
ว่าแต่คุณเคยเข้าไปกดน้ำเย็นในห้องดังกล่าวกินตอนกลางคืนบ้างไหม
ตึกทำงานตึกนี้ได้งบประมาณมาก่อสร้างแบบกระชั้นชิด
ทำให้การออกแบบกระทำไปโดยไม่สามารถระบุได้ว่าจะให้อาคารแต่ละชั้นเป็นห้องสำหรับกิจกรรมใด
ๆ สิ่งที่ตามมาก็คือการออกแบบระบบสาธารณูปโภค
โดยเฉพาะก๊อกน้ำและท่อรองรับน้ำทิ้ง
พอจะทำการติดตั้งเครื่องทำน้ำเย็นสำหรับดื่มก็เลยมีปัญหา
เพราะต้องหาสถานที่ที่มีทั้งท่อน้ำดีและสามารถระบายน้ำทิ้งได้
และสถานที่ดังกล่าวก็อยู่ในห้องเก็บของที่อยู่ปากทางเข้าห้องเครื่องปรับอากาศ
เป็นห้องที่อยู่ในซอกสุดทางของระเบึยง
"ตัวอย่างที่ต้องทิ้งไว้ข้ามคืน"
"นี่คุณ
ตัวอย่างตะกอนของคุณเพื่อนคุณเขาเอาไปชั่งน้ำหนักตั้งแต่ตอนเช้าแล้วนะ"
การสอนแลปนิสิตปี
๒ นี่ทำให้ได้รับรู้เรื่องราวอะไรต่อมิอะไรหลายอย่าง
รวมทั้งเหตุการณ์ที่นิสิตที่เข้าภาควิชามานั้นมาเรียนปี
๒ ได้เพียงปีเดียวก็เสียชีวิต
มีทั้งการเสียชีวิตในขณะที่อยู่ระหว่างภาคการศึกษา
(ประเภทที่เรียกว่าสัปดาห์นี้ยังสอนแลปกันอยู่
พอสัปดาห์หน้าต้องไปงานศพแทน)
และที่เสียชีวิตก่อนที่จะขึ้นปี
๓ (อาจารย์ที่ไม่ได้สอนนิสิตปี
๓ ก็เลยมักจะไม่รู้จักนิสิตที่ไม่ได้ขึ้นเรียนปี
๓)
การทดลองของนิสิตปี
๒ บางการทดลองนั้นก็ต้องทิ้งตัวอย่างไว้ข้ามคืน
เช่นการอบตัวอย่างให้แห้งก่อนนำไปชั่งน้ำหนักและบันทึกผลการทดลอง
เช่นการหาน้ำหนักตะกอน
แล้ววันรุ่งขึ้นค่อยมาเก็บผล
ตอนทำแลปก็ทำกันเป็นกลุ่ม
แต่ตอนชั่งน้ำหนักตัวอย่างนั้นส่งเฉพาะแค่ตัวแทนมาเพียงคนเดียวก็พอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น