ในขณะที่ตำราเคมีอินทรีย์มักจะกล่าวเพียงแค่สารตั้งต้นตัวหนึ่งเมื่อทำปฏิกิริยาแล้วจะได้ผลิตภัณฑ์อะไร
 แต่สำหรับวิศวกรเคมีผู้ทำหน้าที่ออกแบบกระบวนการผลิตแล้ว
 จำเป็นต้องพิจารณาด้วยว่าสารตั้งต้นนั้นจะได้มาอย่างไร
 โดยจะพิจารณาไปจนถึงแหล่งที่มาต้นทาง
 ซึ่งมักจะเป็นจากน้ำมันหรือแก๊สธรรมชาติ
ถ่านหิน หรือผลผลิตทางการเกษตรต่าง
ๆ
  
 ไนลอน
(Nylon)
เป็นเส้นใยสังเคราะห์ชนิดหนึ่งในตระกูลพอลิเอไมด์
(polyamide)
มีคุณสมบัติเด่นคือรับแรงดึงได้สูง
ให้ความรู้สึกเมื่อสัมผัสที่ดี
และมีความลื่น 
ด้วยเหตุนี้มันจึงถูกนำมาใช้งานที่ต้องการคุณสมบัติดังกล่าว
เช่น เส้นใยเพื่อผลิตเป็นถุงน่องของสุภาพสตรี
เชือก ลูกล้อและลูกรอก เป็นต้น
 
  
 ไนลอนมีหลายประเภท
 การเรียกชื่อนั้นมักจะเรียกเป็น
ไนลอนและมีตัวเลขต่อท้าย
 ซึ่งหมายถึงจำนวนอะตอม C
ของโมโนเมอร์ที่ใช้เป็นสารตั้งต้น
 เช่น Nylon
6 คือไนลอนที่สังเคราะห์ขึ้นจากโนโมเนอร์เพียงชนิดเดียว
ที่มีจำนวนอะตอม C
6 อะตอม
(Caprolactam)
 Nylon 6,6 คือไนลอนที่สังเคราะห์ขึ้นจากโมโนเมอร์สองชนิด
 โดยโมโนเมอร์แต่ละชนิดมีจำนวนอะตอม
C
6 อะตอม
(Adipic
acid กับ
1,6
Hexanediamine)
  
 แผนผังในรูปที่
๑ เป็นรูปที่ผมวาดขึ้น
(ใช้โปรแกรม
ACD/ChemSketch)
เพื่อต้องการแสดงให้เห็นว่ากว่าจะมาเป็นไนลอนนั้น
 สารตั้งต้นแต่ละตัวถ้าเราสืบที่มาที่ไปของมันย้อนหลังไปเรื่อย
ๆ มันจะไปสิ้นสุดที่ไหน 
ในกรณีของ Nylon
6 และ
Nylon
6,6 นั้นพบว่าจะไปสิ้นสุดที่สารเริ่มต้นเดียวกันคือ
Hexane
(C6H14) 
  
 ขอให้พิจารณารูปที่
๑ ที่เริ่มต้นจากการนำเอา
hexane
ผ่านเข้าสู่กระบวนการ
Platforming
(ย่อมาจาก
Platinum
reforming ซึ่งเป็นปฏิกิริยา
dehydrogenation
(ดึงอะตอม
H
ออก)
ที่หลายตำแหน่ง
 จนในที่สุดปลายทั้งสองข้างของสายโซ่ก็บิดงอจนอะตอม
C
ที่ปลายแต่ละด้านสามารถสร้างพันธะเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน
 กลายเป็น benzene
 ซึ่งเมื่อนำ
benzene
ไปเข้ากระบวนการเติมไฮโดรเจน
(hydrogenation)
ก็จะได้
cyclohexane
  
 เมื่อทำการออกซิไดซ์
cyclohexane
ด้วย
O2
จากอากาศและมีตัวเร่งปฏิกิริยาช่วย
(เป็นการออกซิไดซ์ในเฟสของเหลวโดยมีการพ่นฟองอากาศให้ลอยผ่าน
cyclohexane
ที่เป็นของเหลวในถังปฏิกรณ์)
จะได้
cyclohexanol
(แอลกอฮอล์ที่โครงสร้างหมู่อัลคิลมีลักษณะเป็นวงแหวน)
ที่ถูกออกซิไดซ์ต่อไปกลายเป็น
cyclohexanone
(คีโตนที่มีโครงสร้างเป็นวงแหวนเช่นกัน)
 และเมื่อได้
cyclohexanone
มาแล้วก็ขึ้นอยู่กับว่าจะเอาสารตัวนี้ทำปฏิกิริยาอะไรต่อไป
 ซึ่งนำไปสู่สารตั้งต้นที่แตกต่างกันสำหรับการผลิตไนลอน
 การออกซิไดซ์
cyclohexanone
ที่แรงพอจะทำให้วงแหวนถูกตัดตรงตำแหน่งอะตอม
C
ของหมู่คาร์บอนิล
(C=O)
กับอะตอม
C
ของหมู่เมทิลีน
(-CH2)
ที่อยู่ข้างเคียง
 เกิดเป็นหมู่คาร์บอกซิลที่ปลายสายโซ่ทั้งสองข้าง
 ผลิตภัณฑ์ที่ได้คือ adipic
acid
  
 ถ้านำเอา
adipic
acid ไปทำปฏิกิริยากับ
NH3
โดยมีตัวเร่งปฏิกิริยาช่วยในการกำจัดน้ำ
(เพื่อดึงเอาอะตอม
O
ออกจากหมู่
-COOH
ที่ปลายสายโซ่ทั้งสองข้าง)
จะได้สารประกอบ
adiponitrile
 และเมื่อนำเอา
adiponitril
นี้ไปทำการเติมไฮโดรเจนเข้าไปที่พันธะ
3
ระหว่างอะตอม
C
และ
N
ก็จะได้สารประกอบ
1,6
Hexanediamine
  
 หมู่
-COOH
และ
-NH2
สามารถทำปฏิกิริยาเชื่อมต่อกันเป็นพันธะ
-C(O)-NH-
โดยมีการคายโมเลกุล
H2O
ออกมา
 ดังนั้นถ้านำเอา adipic
acid มาทำปฏิกิริยากับ
1,6
Hexanediamine ก็จะได้สายโซ่พอลิเมอร์ที่มีชื่อเรียกว่า
Nylon
6,6  โดยเลข
6,6
หมายถึงมีโมโนเมอร์
2
ตัว
ที่ต่างมีจำนวนอะตอม C
6 อะตอม
 ในอีกเส้นทางหนึ่งนั้นถ้านำเอา
cyclohexanone
ไปทำปฏิกิริยากับ
NH2OH
ตามด้วยปฏิกิริยากับ
H2SO4
ก็จะได้สารประกอบที่เรียกว่า
caprolactam
 ตัว
caprolactam
นี้ถ้านำไปทำปฏิกิริยา
hydrolysis
(ใช้น้ำทำให้โมเลกุลแตกออก)
ก็จะได้สารประกอบ
6-aminohexanoic
acid ที่ตัวโมเลกุลนั้นมีหมู่
-COOH
อยู่ที่ปลายสายโซ่ด้านหนึ่ง
 และหมู่ -NH2
อยู่ที่ปลายสายโซ่อีกด้านหนึ่ง
 ดังนั้นตัวโมเลกุล 6-aminohexanoic
acid
เองสามารถเกิดการเชื่อมต่อโมเลกุลเข้าด้วยกันกลายเป็นสายโซ่พอลิเมอร์ได้ด้วยการที่มันเอาหมู่
-COOH
ของโมเลกุลหนึ่งไปเชื่อมต่อกับหมู่
-NH2
ของอีกโมเลกุลหนึ่งโดยมีการคายโมเลกุล
H2O
ออกมา
 ได้พอลิเมอร์ที่มีชื่อว่า
Nylon
6  โดยเลข
6
เพียงตัวเดียวในที่นี้หมายถึงมีการใช้โมโนเมอร์เพียงตัวเดียวที่มีจำนวนอะตอม
C
6 อะตอม
  
 แต่ในทางปฏิบัตินั้นเขาไม่ได้สังเคราะห์
Nylon
6 จาก
6-aminohexanoic
acid  แต่สังเคราะห์จาก
caprolactam
โดยตรง
 โดยทำให้วง caprolactam
แตกออกตรงพันธะระหว่างหมู่
C=O
กับ
NH
 เกิดการเชื่อมต่อระหว่างโมเลกุลเข้าด้วยกันกลายเป็น
Nylon
6  ข้อดีของวิธีการนี้คือไม่มีการคายน้ำออกมาจากปฏิกิริยา
  
 ปัญหาหนึ่งของการผลิต
Nylon
6 นั้นไปอยู่ที่การสังเคราะห์
caprolactam
ที่เกิด
(NH4)2SO4
เป็นผลิตภัณฑ์ร่วมที่ต้องหาทางจัดการ
ซึ่งปัญหานี้ก็ทำให้ในขณะนี้จึงยังมีการมองหาเส้นทางการสังเคราะห์ใหม่ที่
ไม่ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ร่วม
หรือเกิดน้อยที่สุด
หรือมีปัญหาในการจัดการน้อยที่สุด
 โดยอาจเป็นการสังเคราะห์จาก
cyclohexanone
โดยตรงหรือสารตั้งต้นตัวอื่นก็ได้
  
 รูปที่
๒ ข้างล่างไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด
ๆ กับเนื้อหา 
เพียงแค่เมื่อวานพบว่ามีการเข้ามาอ่านบนความเรื่อง
"ทำความรู้จัก
Piping
and Instrumentation Diagram (P&ID)" มากเป็นพิเศษ
 จำนวนกว่าหนึ่งพันครั้งในช่วงเช้า
 ซึ่งก็ไม่ทราบว่ามาจากไหนเหมือนกัน
 ก็เลยขอบันทึกเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึกซะหน่อยเท่านั้นเอง
:)
:) :)
  

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น