ฉบับนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ
Equipment
schedule ของ
Heat
exchanger หรือเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน
นิยามของเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนตรงนี้จะเป็นกรณีที่มี
fluid
สองชนิดมาแลกเปลี่ยนความร้อนกัน
(คือไม่เอาพวก
fire
process heater หรือหม้อน้ำ
(boiler)
มารวม)
ตารางที่
๔ (นับต่อจากตอนที่
๑)
เป็นตัวอย่างรายละเอียด
Equipment
schedule สำหรับ
heat
exchanger และเช่นเคย
เราลองมาไล่ดูทีละหัวข้อไปเรื่อย
ๆ ก็แล้วกัน
"Item
no." คือรหัสชื่อ
heat
exchanger ถ้าตกลงว่าจะเรียกว่า
E
(คือย่อมาจาก
exchanger)
ก็อาจใช้ตัวย่อว่า
E
เช่น
E-202
แต่ถ้าตกลงว่าจะเรียกว่า
HE
(คือย่อมาจาก
heat
exchanger) ก็อาจใช้ตัวย่อว่า
HE
เช่น
HE-202
ซึ่งตรงนี้ก็ไปตกลงกันเอาเองในหน่วยงาน
"Service
name" คือให้ระบุว่า
heat
exchanger ดังกล่าวทำหน้าที่อะไร
เช่นเป็น steam
condenser, overhead condenser, off-gas cooler, economizer, air
coolerเป็นต้น
"No.
required" ให้ระบุจำนวนที่มี
"Type
& Installation" ตัว
Type
ให้ระบุว่าเป็น
heat
exchanger แบบไหน
เช่น shell
& tube, double pipe, plate, fin tube (ที่ใช้กับ
air
cooler) เป็นต้น
ส่วน Installation
ให้ระบุรูปแบบการวาง
ว่าเป็นในแนวตั้ง (vertical)
หรือแนวนอนhorizontal)
"Duty/Heat
transfer area"
คือให้ระบุปริมาณความร้อนที่ต้องการแลกเปลี่ยนหรือพื้นที่ผิวของการแลกเปลี่ยนความร้อน
ช่อง
"Dimension"
ให้ระบุมิติคือขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกของส่วน
Shell/Channel
(ส่วน
tube
ไม่ต้องระบุเพราะมันถูกส่วน
shell
หุ้มเอาไว้)
และความยาวรวม
(Total
length)
ช่อง
"Fluid"
คือให้ระบุของไหลที่ไหลผ่าน
SS
คือ
Shell
side ส่วน
TS
คือ
Tube
side
"Operating
condition" คือสภาวะการทำงานตามปรกติ
ให้ระบุแยกเป็นความดันในส่วนของ
shell
และ
tube
ส่วนอุณหภูมิให้ระบุทั้งอุณหภูมิด้านขาเข้าและขาออกของทั้งส่วน
shell
และส่วน
tube
"Design"
คือให้ระบุค่าที่ใช้ในการออกแบบไม่ว่าจะเป็นของส่วน
shell
และส่วน
tube
"Emergency
vacuum"
คือให้ระบุว่าจำเป็นต้องมีระบบฉุกเฉินป้องกันการเกิดสุญญากาศภายในหรือไม่
เช่นในกรณีที่มีไอน้ำเป็นของไหลแลกเปลี่ยนความร้อน
เมื่อไม่มีการไหลของไอน้ำหรือไอน้ำในระบบควบแน่น
จะทำให้เกิดสุญญากาศขึ้นภายใน
จนอาจทำให้ตัวอุปกรณ์เกิดความเสียหายได้จากแรงดันภายนอกที่กระทำ
ถัดไปคือการระบุวัสดุที่ใช้ทำ
ตัว "Tube
sheet" คือแผ่นที่ใช้สำหรับสอด
tube
ผ่านเพื่อรองรับน้ำหนักตัว
tube
และให้ตัว
tube
(ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก)
เรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ
(คือรักษาระยะห่างระหว่าง
tube
เอาไว้ตลอดทั้งช่วงความยาวของ
tube)
"Corrosion
allowance" คือระดับการกัดกร่อนที่ยอมรับได้
โดยแยกเป็นส่วน shell
(หรือช่องทางการไหลด้านนอก)
ส่วน
tube
และส่วน
tube
sheet
"Insulation"
คือจำเป็นต้องหุ้มฉนวนหรือไม่
ส่วนจะเป็นฉนวนร้อนหรือเย็นก็ไม่จำเป็นต้องระบุ
เพราะมันดูได้จากช่อง
operating
condition อยู่แล้ว
ตารางที่
๔ ตัวอย่าง Equipment
schedule สำหรับ
heat
exchanger
"Approx
weight" คือน้ำหนักโดยประมาณ
ในที่นี้แยกเป็นหนักหนักเปล่ารวมมัดท่อ
(ช่อง
"Empty
incl bundle")
หรือเรียกว่าเป็นน้ำหนักประกอบรวมทั้งชุดเมื่อไม่มีของเหลวบรรจุก็ได้
น้ำหนักของมัดท่อ (ช่อง
"Bundel")
ที่ใช้สำหรับกรณีของเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนชนิด
shell
& tube ที่สามารถถอดส่วน
tube
ทั้งชุดออกมาจากตัว
shell
ได้
(เอาไว้เผื่อตอนซ่อมบำรุง)
และน้ำหนักเมื่อมีน้ำบรรจุเต็ม
(ช่อง
"Full
of water") เพื่อเอาไว้สำหรับการออกแบบฐานรองรับ
"Supplier"
คือผู้ผลิตถังนั้น
"Remarks"
คือหมายเหตุ
คือมีอะไรเป็นพิเศษที่ไม่ตรงกับช่องที่มีอยู่
ก็ให้มาเขียนไว้ที่นี่
เช่นอาจเป็นเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนที่จำเป็นต้องติดตั้งในระดับที่อยู่เหนือหรือต่ำกว่าระดับของบาง
vessel
เสร็จจาก
Memoir
ฉบับนี้ก็จะหายหน้าหายตาไปพักนึง
ด้วยว่าต้องไปสัมมนาต่างจังหวัดกับภาควิชา
จะกลับมาเขียนอะไรอีกทีก็คงเป็นสัปดาห์หน้า
(เว้นแต่ว่าระหว่างสัมมนาจะมีเรื่องอะไรน่าสนใจ
หรืองานสัมมนามันน่าเบื่อ
ก็อาจมีบทความเพิ่มเติมในระหว่างนั้นก็ได้)
และปิดท้ายที่ว่างของหน้าด้วยภาพบรรยากาศภายในมหาวิทยาลัยที่เพิ่งจะถ่ายเมื่อตอนเดินกลับจากทานข้าวเที่ยงวันนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น