เรื่องการเสียชีวิตเนื่องจากการเข้าไปในที่อับอากาศ
ที่อาจมีออกซิเจนไม่เพียงพอต่อการหายใจ
หรือมีแก๊สพิษที่ความเข้มข้นที่สูงพอที่สามารถทำให้เสียชีวิตได้
ปรากฏเป็นข่าวบ่อยครั้งในบ้านเรา
โดยมักเป็นข่าวเกี่ยวกับคนที่ลงไปซ่อมแซมบ่อน้ำต่าง
ๆ และหลายครั้งก็มีผู้เสียชีวิตมากกว่า
๑ รายเนื่องจากผู้ที่มาพบเห็นรีบลงไปช่วยโดยไม่ฉุกคิดอะไร
แต่เรื่องแบบนี้ในกรณีที่เกิดกับชาวบ้านทั่วไป
จะไปว่าเขาก็ไม่น่าจะได้
เพราะเขาไม่เคยเรียนรู้มาก่อนว่าการเข้าไปทำงานในสถานที่แบบนี้ต้องใช้ความระมัดระวัง
ต่างจากผู้ที่ทำงานอยู่ตามโรงงานต่าง
ๆ ที่มักจะได้รับการสอน
การฝึกอบรม ให้ตระหนักถึงเรื่องเหล่านี้
แต่กระนั้นก็ตามก็มักจะมีเหตุเกิดให้เห็นอยู่ได้เรื่อย
ๆ อาจเป็นเพราะไม่คาดคิดว่าสถานที่นั้นจะเป็นอันตราย
หรือการที่ใจจดใจจ่อกับงานหนึ่งอยู่
แล้วบังเอิญมีสถานการณ์ที่เบี่ยงเบนสมาธิ
ทำให้พาตัวเข้าไปในสถานที่อันตรายโดยไม่ทันคาดคิด
ดังเช่นเรื่องที่จะนำมาเล่าสู่กันฟังในวันนี้
๓ เรื่องด้วยกัน
เรื่องที่
๑ ถังเก็บน้ำที่ทำจากเหล็ก
เรื่องแรกนี้นำมาจาก
ICI Safety
Newsletter ฉบับเดือนธันวาคม
ค.ศ.
๑๙๗๑ (พ.ศ.
๒๕๑๔)
ฉบับที่ ๓๕ เรื่องที่
๔ เป็นกรณีของการเข้าไปตรวจในถังเก็บน้ำ
และเนื่องจากถังเก็บน้ำนี้ไม่ได้มีการต่ออยู่กับถังอื่น
ดังนั้นการเข้าไปในถังจึงไม่ได้มีการปฏิบัติตามขั้นตอนทั่วไปเวลาที่ต้องเข้าไปในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการขาดอากาศ
และไม่ได้มีการตรวจวัดสภาพอากาศที่อยู่ในถัง
๓ คนที่เข้าไปในถังนั้นหมดสติแต่กู้ชีพกลับมาได้
๒ เสียชีวิต ๑ ราย
การตรวจสอบสภาพอากาศในถังพบว่ามีความเข้มข้นออกซิเจนต่ำ
รูปที่ ๑
คน ๓ คนที่เข้าไปในถังเก็บน้ำ
เสียชีวิต ๑ ราย
เนื่องจากอากาศในถังเก็บน้ำมีออกซิเจนต่ำ
ทำไมออกซิเจนจึงหายไป
Newsletter ฉบับที่
๓๕ บอกแต่เพียงว่าไม่มีใครรู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร
แต่อีก ๒ เดือนถัดมา ใน
Newsletter ฉบับที่
๓๗ ประจำเดือนกุมภาพันธ์
ค.ศ.
๑๙๗๒ (พ.ศ.
๒๕๑๕)
ผู้อ่านรายหนึ่งให้คำอธิบายว่าเป็นเพราะสนิมเหล็กที่เกิดขึ้นอาจเป็นตัวทำให้ออกซิเจนหายไป
(รูปที่
๒)
ตรงนี้เรามาลองคำนวณเล่น
ๆ กันดีกว่า
สมมุติว่าถังน้ำมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง
4 m สูง
5 m
ก็จะมีความจุประมาณ
63 m3
อากาศประกอบด้วยไนโตรเจน
79% และออกซิเจน
21%
ดังนั้นปริมาตรส่วนที่เป็นแก๊สออกซิเจนในถังก็ประมาณ
13.2 m3
ถ้าออกซิเจนส่วนนี้ทำปฏิกิริยาเกิดสนิมเหล็กไป
2 ใน
3 คือหายไป
8.8 m3
ดังนั้นเพื่อไม่ให้ความดันในถังลดลง
ก็ต้องมีอากาศปริมาตร 8.8
m3 นี้เข้ามาแทนที่ออกซิเจนที่หายไปนี้ในปริมาตรเดียวกัน
รูปที่ ๒
เหตุการณ์นี้มีผู้ให้คำอธิบายในอีก
๒ เดือนต่อมา
ว่าอาจเป็นเพราะสนิมเหล็กทำให้ความเข้มข้นออกซิเจนลดลง
ถ้าให้อากาศในถังมีการผสมกันอย่างสม่ำเสมอ
ความเข้มข้นออกซิเจนในถังหลังการเกิดสนิมก็จะเป็น
((13.2 - 8.8) + 0.21
x 8.8)/63 x 100 = 9.92%
สมมุติว่าอุณหภูมิของอากาศคือ
25ºC
ดังนั้นจำนวนโมลของแก๊สออกซิเจน
(8.8 m3)
ที่ทำปฏิกิริยาไปก็ประมาณ
360 โมล
(คำนวณจากสูตร
PV = nRT)
ซึ่งออกซิเจนจำนวนนี้จะทำปฏิกิริยากับเหล็ก
720 mol
ในการเกิดสารประกอบ
FeO
หรือคิดเป็นน้ำหนักอะตอมเหล็กประมาณ
40.32 kg
ความหนาแน่นของ
carbon steel ประมาณ
7.85 g/cm3
ดังนั้นเหล็กน้ำหนักดังกล่าวก็จะมีปริมาตร
5136 cm3
จากขนาดของถัง
พื้นที่ผนังถังด้านในก็ประมาณ
63 m2
หรือ 630000
cm2 (ยังไม่รวมพื้นที่ส่วนที่เป็นพื้นและหลังคาอีก
25 m2)
ดังนั้นเหล็กที่มีปริมาตร
5136 cm3
ก็ต้องมีความลึกลงไปจากพื้นผิว
5136/630000 = 0.0081
cm หรือ 0.81
mm
ออกซิเจนเข้มข้น
8-10%
ไม่ได้ทำให้คนหมดสติทันที
แต่สามารถหมดสติได้ในเวลาอันสั้น
และถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือทันท่วงที
ก็อาจเสียชีวิตได้ สนิมเหล็ก
(สารประกอบเหล็กออกไซด์หรือ
FeO)
ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดเป็นชั้นฟิล์มเคลือบผิวโลหะ
ทำให้สนิมเหล็กเกิดลึกลงไปในเนื้อเหล็กได้
จากผลการคำนวณข้างต้นผมเห็นว่าเหตุผลที่มีผู้อธิบายว่าสนิมเหล็กเป็นตัวทำให้ความเข้มข้นออกซิเจนในถังลดต่ำลงนั้น
ก็มีความสมเหตุสมผลอยู่
เรื่องที่
๒
แค่เข้าไปครึ่งตัวคงไม่เป็นอะไร
เรื่องที่สองนี้นำมาจาก
ICI Safety
Newsletter ฉบับเดือนกรกฎาคม
ค.ศ.
๑๙๗๙ (พ.ศ.
๒๕๒๒)
ฉบับที่ ๑๒๕ เรื่องที่
1(a) (รูปที่
๓)
เป็นกรณีของการยื่นตัวเพียงแค่ครึ่งตัวเพื่อเข้าไปเก็บของที่หล่นไปใน
vessel
รูปที่ ๓
เหตุการณ์ที่ช่างประกอบท่อยื่นตัวเพียงแค่ครึ่งตัวเข้าเพื่อเข้าไปเก็บของที่ตกเข้าไปใน
vessel
โดยลืมนึกไปว่าใน vessel
นั้นไม่มีอากาศ
ในการหยุดเดินเครื่องโรงงานนั้นจะมีการเปิดทั้งท่อและอุปกรณ์ต่าง
ๆ ตรวจสอบ
และเมื่อตรวจสอบและทำการซ่อมบำรุงเสร็จแล้วก็จะทำการประกอบกลับเข้าที่เดิม
หลังการประกอบกลับก็ต้องทำการทดสอบว่าแต่ละจุดรอยต่อมีการรั่วไหลหรือไม่
(leak test)
ปรกติโรงงานที่ทำงานเกี่ยวกับสารไวไฟหรือสารที่สัมผัสอากาศไม่ได้
ก่อนที่จะนำสารเข้าระบบก็ต้องทำการไล่อากาศในระบบออกก่อนด้วยการใช้แก๊สไนโตรเจน
(บางกรณีอาจใช้ไอน้ำ
ถ้าหากอุปกรณ์นั้นปรกติมีการใช้ไอน้ำอยู่แล้ว
หรือมีขนาดใหญ่และรับอุณหภูมิไอน้ำ
เช่นหอกลั่น
แต่เมื่อไล่เสร็จก็ต้องเอาไนโตรเจนเข้าไปแทนที่อยู่ดีเพื่อรักษาความดัน
เพราะเมื่อไอน้ำเย็นตัวลงมันจะเกิดสุญญากาศขึ้นภายใน)
การไล่ด้วยไนโตรเจนนี้มีทั้งการให้ไนโตรเจนไหลผ่านตลอดเวลา
หรือการอัดแก๊สไนโตรเจนเข้าไปจนระบบมีความดันระดับหนึ่ง
จากนั้นจึงระบายแก๊สผสมออก
ทำอย่างนี้ซ้ำกันหลายครั้งความเข้มข้นออกซิเจนก็จะลดลงเรื่อย
ๆ
วิธีการหลังนี้ก็มีข้อดีอย่างคือสามารถทำการตรวจสอบรอยรั่วไปพร้อมกัน
ในเหตุการณ์นี้มีการตรวจพบรอยรั่ว
(บทความไม่ได้บอกชัดเจนว่าที่ไหน
แต่มีการเปิด man-hole)
จึงได้ให้ช่างประกอบท่อมาทำการประกอบใหม่
ในระหว่างทำงานนั้นชิ้นส่วนหนึ่งตกลงไปใน
vessel
ช่างประกอบท่อก็เลยมุดตัวท่อนบนเข้าทาง
man-hole
เพื่อจะเข้าไปก้มเก็บชิ้นส่วนที่ตก
เพื่อนร่วมงานที่อยู่ด้วยเห็นช่างนั้นหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหวเลยรู้ว่าเกิดเรื่องแล้วก็รีบดึงเอาตัวช่างออกมา
งานนี้เรียกว่าโชคดีที่ไม่ตาย
เป็นเรื่องปรกติที่เมื่อเรากำลังใจจดใจจ่อกับงานหนึ่ง
แล้วมีเหตุทำให้งานที่เรากำลังใจจดใจจ่ออยู่นั้นหยุดชะงัก
เราก็เลยรีบทำการแก้ปัญหาโดยลืมไปว่าสภาพแวดล้อมการทำงานนั้นเป็นอย่างไร
อย่างเช่นในกรณีนี้อาจไม่ใช่เป็นเพราะว่าช่างไม่รู้ว่าภายใน
vessel
นั้นไม่มีอากาศ
แต่อาจเป็นเพราะว่าเขากำลังใจจดใจจ่อกับงานซ่อมอยู่ก็ได้
จนเมื่อมีชิ้นส่วนหลุดเข้าไปใน
vessel
ก็เลยจะรีบเข้าไปเก็บ
(เพื่อทำให้งานซ่อมมันเสร็จโดยไม่เสียเวลา)
ก็เลยเกิดเหตุขึ้น
พฤติกรรมแบบนี้ผมสอนแลปเคมีนิสิตก็เคยเจอเหมือนกัน
คือมีอยู่การทดลองหนึ่งต้องเอาถ้วยกระเบื้องไปเผาในเตาเผาที่อุณหภูมิ
800ºC
เผาเสร็จก็ต้องคีมคีบออกจากเตาเผามาวางบนแผ่นกระเบื้อง
บางครั้งนิสิตบางคนพลาดด้วยการทำถ้วยกระเบื้องหลุดจากคีมที่คีบอยู่
โดยสัณชาตญาณเขาก็พยายามเอามืออีกข้างไปคว้าถ้วยกระเบื้องที่กำลังตกลงพื้นนั้น
(อันนี้ผมว่าเป็นเรื่องปรกติที่ไม่ว่าใครต่อใครก็เป็น)
โชคดีที่คว้าไม่ทันไม่งั้นก็มือพองไปแล้ว
เรื่องที่
๓ คาอยู่ในท่ายืน
เรื่องที่สามนี้นำมาจาก
ICI Safety
Newsletter ฉบับเดือนกรกฎาคม
ค.ศ.
๑๙๗๙ (พ.ศ.
๒๕๒๒)
ฉบับที่ ๑๒๕ เช่นกัน
แต่เป็นเรื่องที่ 1(b)
(รูปที่ ๔)
เป็นกรณีของการยื่นตัวเพียงแค่ครึ่งตัวในท่ายืน
เพื่อเข้าไปถอดชิ้นส่วนที่ติดตั้งไว้ในชิ้นส่วนท่อที่ทำการเชื่อม
ในระหว่างการเชื่อมโลหะด้วยไฟฟ้านั้นโลหะ
ณ ตำแหน่งบริเวณรอยเชื่อมจะมีอุณหภูมิสูงจนหลอมเหลว
สภาพเช่นนี้โลหะสามารถทำปฏิกิริยากับออกซิเจนหรือแม้แต่ไนโตรเจนในอากาศได้
สารประกอบที่เกิดขึ้นจะทำให้ความแข็งแรงรอยเชื่อมต่ำ
ดังนั้นเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าวจึงจำเป็นต้องปิดคลุมบริเวณรอยเชื่อมไม่ให้สัมผัสกับอากาศ
การปิดคลุมนี้อาจทำโดยการใช้วัสดุที่เป็นของแข็งที่เรียกว่า
flux
ที่อาจหุ้มธูปเชื่อมอยู่
หรือเทลงไปตรงตำแหน่งที่ทำการเชื่อม
(เช่นในกรณีของเครื่องเชื่อมอัตโนมัติ)
ความร้อนจากการเชื่อมจะทำให้ตัว
flux
นี้หลอมละลายลอยและอยู่บนผิวโลหะหลอมเหลวและมีการเกิดแก๊สขึ้นด้วย
สิ่งเหล่านี้ช่วยป้องกันไม่ให้โลหะหลอมเหลวนั้นสัมผัสกับอากาศ
แต่ถ้าทำไม่ดี ตัว flux
เองก็อาจฝังอยู่ในรอยเชื่อม
ทำให้รอยเชื่อมมีปัญหาได้เช่นกัน
อีกวิธีการก็คือการใช้แก๊สที่เฉื่อยฉีดพ่นลงไปบริเวณตำแหน่งที่ทำการเชื่อมเพื่อไล่อากาศ
การทำแบบนี้มันมีข้อดีคือไม่ต้องกังวลว่าจะรอยเชื่อมจะมีปัญหามีสิ่งปนเปื้อนฝังอยู่อย่างเช่นในกรณีของการใช้
flux
แก๊สที่ใช้กันก็มักจะเป็นอาร์กอน
(Ar)
การเชื่อมแบบนี้บ้านเราเรียกเชื่อมอาร์กอน
มีบางงานบ้างเหมือนกันที่ใช้คาร์บอนไดออกไซด์
แต่ที่เคยเห็นกรณีของอะลูมิเนียมหรือเหล็กสแตนเลสจะเห็นใช้แต่อาร์กอน
รูปที่ ๔
ช่างเชื่อมเสียชีวิตจากการมุดเข้าไปในท่อเพื่อถอดชิ้นส่วนที่อุดไว้เพื่อประหยัดแก๊สอาร์กอน
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในโรงประกอบในขณะทำการประกอบชิ้นส่วนท่อ
(ที่เรียกว่า
spool piece)
เพื่อที่จะประหยัดแก๊สอาร์กอนจึงได้ทำการอุดภายในท่อด้วย
plug
หลังเสร็จสิ้นการเชื่อมช่างจึงมุดเข้าไปในท่อเพื่อตรวจสอบรอยเชื่อมและดึงเอา
plug ที่อุดไว้ออก
เลยประสบเหตุขาดอากาศ
(อาร์กอนแทนที่อากาศภายในท่อ)
หมดสติอยู่คาท่อในตำแหน่งนั้น
เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเดินผ่านมาเห็นเพื่อนยืนคาอยู่ตรงนั้นก็เลยเข้าไปตบหลังเล่นทักทาย
แต่สักพักพอเดินกลับมายังเห็นคนดังกล่าวยังอยู่ในท่าเดิม
ก็เลยรู้ว่ามีอะไรผิดปรกติแล้ว
ปรกติในการเชื่อมต่อชิ้นส่วนท่อนั้นไม่ได้นำเอาปลายท่อทั้งสองด้านมาต่อชนกัน
แต่จะมีการเจียรตรงบริเวณที่จะทำการเชื่อมให้พื้นผิวด้านบนเป็นร่องรูปตัว
V
โดยที่ยังคงบริเวณใกล้ผนังด้านในให้เป็นเป็นขอบที่ตั้งฉากกันอยู่
และจะนำมาจ่อเข้าใกล้กัน
(ห่างกันประมาณไม่เกินขนาดลวดเชื่อมที่ใช้)
ก่อนทำการเชื่อม
การทำแบบนี้ทำให้มั่นใจว่ารอยเชื่อมจะซึมลึกตลอดทั้งความหนาของชิ้นงาน
และช่องว่างนั้นก็เป็นช่องทางสำหรับให้แก๊สอาร์กอนที่พ่นลงจากทางด้านบนนั้นไหลไปทางด้านหลังของรอยเชื่อมเพื่อปกป้องรอยเชื่อมจากทางด้านหลังด้วย
ย่อหน้าสุดท้ายของกรณีนี้
(รูปที่
๔)
มีข้อความที่น่าสนใจคือ
vessel
ใหม่ที่ส่งมาจากผู้ผลิต
ส่งมาโดยมีการอัดแก๊สไนโตรเจนไว้ภายในเพื่อป้องกันความชื้นจากอากาศภายนอก
(อันที่จริงถ้าวัตถุประสงค์มีเพียงแค่จะป้องกันความชื้นเท่านั้นก็สามารถใช้อากาศแห้งได้)
โดยไม่มีคำเตือนแจ้งมาด้วย
งานนี้เรียกว่าโชคดีที่ตรวจพบก่อนก็ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น