ผมเพิ่งจะรู้ว่าตลิ่งชันอยู่ไม่ไกลจากบางพลัดที่ผมอาศัยอยู่ก็ตอนที่มีการตัดถนนบรมราชชนนีและถนนสิรินธร
จำได้แต่ว่าตอนเด็ก ๆ
เคยมีรถเมล์สาย ๘๓
วิ่งจากท่ารถไฟที่หน้าสถานีรถไฟธนบุรีไปยังตลิ่งชัน
รถเมล์ที่วิ่งมาจากสามแยกไฟฉาย
พอข้ามทางรถไฟก็จะวิ่งเลี้ยวซ้ายเข้าถนนชัยพฤกษ์ที่อยู่ก่อนข้ามคลองบางกอกน้อย
ตอนนั้นดูเหมือนจะมีเพียงถนนเส้นนี้เส้นเดียวที่เข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าว
ตอนเป็นเด็กก็เคยติดรถคุณน้าที่เป็นสัตว์แพทย์เข้าไปดูเขาผ่าวัวครั้งหนึ่ง
จำได้แต่ว่าแถวนั้นมีแต่ต้นไม้ขึ้นเต็มไปหมด
ช่วงเมื่อ ๔๐ ปีที่แล้ว
เขตบางพลัดยังไม่อยู่ในแผนที่กรุงเทพด้วยซ้ำ
แผนที่กรุงเทพด้านตะวันตกสิ้นสุดเพียงแค่ถนนจรัญสนิทวงศ์ไปจนถึงสามแยกบางพลัด
(ตอนนั้น)
กับสะพานกรุงธนแค่นั้นเอง
รูปที่
๑ แผนที่แนบท้ายประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง
จัดตั้งสุขาภิบาลตลิ่งชัน
จังหวัดธนบุรี
ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่
๗๘ ตอนที่ ๙๕ หน้า ๒๓๘๓ -
๒๓๘๔
วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๐๔
รูปนี้เป็นฟากทิศตะวันตกของแผนที่
พื้นที่แถวนี้เดิมเป็นพื้นที่ทำสวนผักและทำนา
(รูปที่
๑ และ ๒)
ปัจจุบันก็ยังพอเห็นมีหลงเหลืออยู่
แต่ที่น่าจะเหลือเป็นอนุสรณ์ให้คนรุ่นต่อไปรู้ว่าแถวนี้เดิมนั้นคืออะไรเห็นจะได้แก่
"ถนนสวนผัก"
ที่ตัดผ่านพื้นที่แถวนี้
ก่อนนั้นจะมีการขนผักเข้ามาขายที่สถานีรถไฟธนบุรีกับขบวนรถเที่ยวเช้ามืด
ก่อนฟ้าสว่าง
พอรถไฟจอดสถานีก็ขนผักลงมาขายกันแถวชานชาลา
เรียกว่าตลาดศาลาน้ำร้อน
พวกค้าส่งก็จะไปรอซื้อเหมาจากผู้ปลูกที่ขนมาขายกับรถไฟเที่ยวแรกที่เข้าสถานี
เรียกว่าซื้อได้ในราคาถูก
ใครไปจ่ายตลาดซื้อช่วงสายก็จะได้อีกราคาหนึ่งที่สูงขึ้นจากผู้ที่เหมามาจากผู้ปลูก
ทางรถไฟสายใต้นั้นเดิมเริ่มจากสถานีธนบุรี
ใช้รางขนาดกว้าง ๑ เมตร
ในขณะที่ทางรถไฟสายเหนือและสายตะวันออกเฉียงเหนือนั้นใช้รางขนาดกว้างมาตรฐานคือ
๑.๔๓๕
เมตร เรียกว่าตอนนั้นก็ต่างคนต่างอยู่
แต่พอมีความต้องการเชื่อมต่อทางรถไฟเข้าด้วยกันทั้งประเทศ
ก็มีการปรับความกว้างของรางให้เป็น
๑ เมตรทั้งประเทศ
และสร้างเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างสถานีตลิ่งชันกับสถานีบางซื่อโดยข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่สะพานพระราม
๖ สถานีตลิ่งชันก็เลยกลายเป็น
"ชุมทางตลิ่งชัน"
(คือมีทางแยก)
อันที่จริงสถานีบางบำหรุที่อยู่ระหว่างตลิ่งชันและสะพานพระราม
๖ นั้นก็เคยเป็นชุมทางเช่นกัน
มีรางให้รถไฟจอดรอเยอะไปหมด
(น่าจะมากกว่าตลิ่งชันด้วยซ้ำ)
เพราะเป็นจุดแยกสำหรับรถไฟขนถ่านหินไปป้อนให้กับโรงไฟฟ้ายันฮี
(ตอนนั้น)
ที่ตั้งอยู่เชิงสะพานพระราม
๖ ที่ปัจจุบันเรียกกันในชื่อโรงจักรพระนครเหนือ
รูปที่
๒ แผนที่ต่อเนื่องจากรูปที่
๑ รูปนี้เป็นฟากทิศตะวันออก
จะเห็นว่าพื้นที่ตลิ่งชันนี้เดิมมีการทำสวนผักกันมาก
อุบัติเหตุทางรถไฟที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในบ้านเราก็เกิดที่ชุมทางตลิ่งชันนี้เมื่อ
๒๑ สิงหาคม ๒๕๒๒ (อีกไม่ถึง
๒ เดือนก็ครบรอบ ๔๐ ปีแล้ว)
เกิดจากรถไฟบรรทุกสินค้าและรถไฟโดยสารชนประสานงากัน
มีผู้เสียชีวิต ๕๑ ราย
คำถามที่มีการถามในสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับอุบัติเหตุครั้งนั้น
(รูปที่
๓)
ใช้คำว่ารถไฟตกราง
แต่ในความเป็นจริงคือชนประสานงา
รูปที่
๓ คำตอบของกระทู้ถามที่
๑๓๖ ร.
โดยผู้ถามคือนายนิยม
วรปัญญา สส.
จังหวัดลพบุรี
พรรคชาติไทย
เกี่ยวกับความเสียหายที่เกิดจากเหตุการณ์รถไฟชนกันที่สถานีชุมทางตลิ่งชันเมื่อปี
๒๕๒๒ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่
๑๐๖ ตอนที่ ๑๖๖ ฉบับพิเศษหน้า
๕๑ -
๕๘
วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๓๒
เสียดายที่ไม่มีรายละเอียดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดได้อย่างไร
และมีการวางแผนป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำอีกหรือไม่อย่างไร
เส้นทางรถไฟฟ้าชานเมืองที่สร้างมาตามแนวทางรถไฟสายใต้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบริเวณสองข้างทางรถไฟขนาดใหญ่
จากเดิมที่เป็นพื้นที่สุดซอยก็กลายเป็นพื้นที่ติดถนนที่เดินทางเข้าเมืองได้สะดวกเพราะมีการสร้างถนนคู่ขนานทางรถไฟ
จากนั้นก็ตามด้วยระบบทางด่วน
อาคารสถานีรถไฟเดิมที่เป็นอาคารไม้แบบเก่าก็สูญหายไปพร้อมกับบ้านพักพนักงานรถไฟ
กลายเป็นอาคารแบบใหม่
สิ่งเดิมที่ยังคงเห็นหลงเหลืออยู่น่าจะได้แก่ป้ายชื่อสถานีที่เป็นป้ายคอนกรีต
ส่วนที่สถานีตลิ่งชันนั้นยังมีการเก็บอาคารไม้เอาไว้หนึ่งหลัง
สัปดาห์ที่แล้วขับรถผ่านไปก็เลยแวะถ่ายรูปเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึกหน่อย
ก่อนมันจะหายไป
เพราะดูแล้วสงสัยว่าต่อไปคงจะถูกปล่อยร้างโดยไม่มีการดูแล
และช่วงเวลานี้เส้นทางรถไฟสายนี้ยังจัดว่าเงียบสงบ
คงเป็นเพราะรถไฟฟ้าชานเมืองยังไม่เปิดให้บริการ
แค่เริ่มมีการติดตั้งเสาไฟฟ้า
พอเปิดให้บริการเมื่อใดบริเวณเลียบทางรถไฟนี้ก็คงจะไม่สงบเหมือนเดิมแล้ว
รวมทั้งตัวสถานีต่าง ๆ
ตามรายทางด้วย
บันทึกฉบับนี้ถือเสียว่าเป็นการบันทึกสถานที่ริมทางรถไฟแห่งหนึ่งเอาไว้ในช่วงที่มันยังเงียบสงบอีก
เอาไว้อีกสัก ๑๐
ปีค่อยกลับมาดูใหม่ก็แล้วกัน
ว่ามันจะยังคงเดิมหรือเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหนอย่างไร
รูปที่
๑๓
มองจากด้านทิศตะวันออกของสถานีไปยังด้านทิศตะวันตกหรือล่องใต้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น