ดูเหมือนที่ตรงนี้จะเป็นที่ประจำไปแล้ว
ทั้ง ๆ ที่มันไม่มีกิ่งไม้ใบไม้มาปิดบัง
แต่คงเป็นเพราะมันเป็นมุมที่กระรอกวิ่งเล่นมารบกวนก็ไม่ได้
และงูก็ไม่สามารถเลื้อยมาถึงได้
ส่วนตัวที่มาทำรังนั้นก็ไม่รู้ว่าเป็นตัวเดิมหรือเปล่า
เพราะไม่เคยจำหน้านกที่บินมาแถวบ้านได้สักตัว
ครอกที่แล้วก็ได้ลูกนกไปสองตัว
ครอกนี้คงต้องรอดูต่อไปว่าจะได้อีกสักกี่ตัว
รูปที่
๑ ถ่ายไว้เมื่อตอนเช้าวันนี้
ได้ยินที่มหาวิทยาลัยเขาคุยกันว่าพอมีสวนหย่อมแล้วมีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น
มีนกแวะเวียนวนมาเยอะขึ้น
แต่เอาเข้าจริงก็คงต้องถามว่านิยามของความเป็นธรรมชาตินั้นคืออะไร
การมีต้นไม้มากขึ้น
และการมีสัตว์อาศัยอยู่
ก็ไม่ได้หมายความว่ามันมีความเป็นธรรมชาติ
ถ้าหากสัตว์เหล่านั้นไม่สามารถหาอาหารจากแหล่งตามธรรมชาติของมันได้
ต้องอาศัยอาหารที่คนในชุมชนเอามาวางไว้ให้กิน
อย่างเช่นกระรอกที่เห็นวิ่งเล่นอยู่ในมหาวิทยาลัย
ที่ต้องมากินผลไม้ที่คนเอามาใส่ตระกร้าที่แขวนไว้ตามต้นไม้
หรือนกที่ต้องมาเก็บเศษอาหารกินจากจานตามโรงอาหาร
ถ้าเป็นแบบนี้ก็น่าจะเรียกว่ามันเป็นสวนสัตว์เปิดขนาดใหญ่มากกว่า
สวนหย่อมหรือสวนสาธารณะนั้นมักจะเน้นไปที่การปลูกต้นไม้ที่เน้นออกดอก
และปลูกเพียงชนิดเดียวเป็นแถว
เพื่อที่ว่าเวลาที่มันออกดอกจะได้ดูสวยงาม
(ตามความรู้สึกของคน)
แต่การทำแบบนี้มันทำให้สัตว์ที่อาศัยกินผลไม้นั้นอยู่ไม่ได้
เพราะมันไม่มีอาหารกิน
จะมีได้ก็คงเป็นพวกกินแมลงกินน้ำหวานที่อาศัยอยู่ได้
แต่มันต้องอาศัยแหล่งที่มีอาหารให้กินตลอดทั้งปี
ไม่ใช่ออกดอกให้เห็นเพียงไม่กี่วัน
ดังนั้นความหลากหลายทางด้านสายพันธุ์จึงเป็นสิ่งสำคัญ
ที่จะทำให้สัตว์หลากหลายเผ่าพันธุ์สามารถมีชีวิตอยู่ร่วมกันได้ตลอดทั้งปี
รูปที่
๒ พอสายหน่อยก็เปลี่ยนท่านั่งกก
รูปที่
๓ อีกมุมหนึ่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น