พฤติกรรมการทำปฏิกิริยาของพันธะคู่ระหว่างอะตอมคาร์บอน
C=C
ที่อยู่โดดเดี่ยว
 กล่าวคือในโมเลกุลมีพันธะคู่อยู่เพียงตำแหน่งเดียว
 หรือมีหลายพันธะคู่หลายตำแหน่ง
แต่พันธะคู่เหล่านั้นแยกห่างจากกันด้วยพันธะเดี่ยวคั่นกลางตั้งแต่สองพันธะขึ้นไป
(เช่น
-C=C-C-C=C-)
เป็นลักษณะของ
isolated
double bond 
การทำปฏิกิริยาของพันธะคู่เหล่านี้จะไม่ขึ้นอยู่กับพันธะคู่ตัวอื่น
 จะเป็นเหมือนกับการทำปฏิกิริยาของพันธะคู่ที่อยู่โดดเดี่ยว
 ทั้งนี้เพราะ πe-
ของพันธะคู่เหล่านั้นจะอยู่ประจำตำแหน่งโดยไม่ได้รับผลกระทบจากพันธะข้างเคียง
 แต่ถ้าในโมเลกุลนั้นมีพันธะคู่มากกว่าหนึ่งพันธะ
 และพันธะคู่เหล่านั้นแยกห่างจากกันด้วยพันธะเดี่ยวเพียงพันธะเดียว
เช่น -C=C-C=C-
 โครงสร้างเช่นนี้เรียกว่า
conjugated
double bonds 
พฤติกรรมการทำปฏิกิริยาของพันธะคู่เหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงไป
 ทั้งนี้เพราะ πe-
จะไม่อยู่ประจำตำแหน่ง
 แต่จะเคลื่อนย้ายไปมาระหว่างพันธะคู่ที่อยู่เคียงข้างได้
 ทำให้พันธะคู่ประเภท conjugated
double bonds นั้นมีเสถียรภาพมากกว่า
isolated
double bond
 เรื่องเกี่ยวกับ
conjugated
double bond และความเป็นอะโรมาติก
เคยเล่าไว้ก่อนหน้านี้บ้างแล้วใน
Memoir
 ปีที่
๕ ฉบับที่ ๕๑๘ วันศุกร์ที่
๑๒ ตุลาคม พ.ศ.
๒๕๕๕
เรื่อง "Conjugateddouble bonds กับAromaticity"
 ปีที่
๖ ฉบับที่ ๖๘๕ วันอาทิตย์ที่
๒๐ ตุลาคม พ.ศ.
๒๕๕๖
เรื่อง "หมู่ทำให้เกิดสี(chromophore)และหมู่เร่งสี(auxochrome)"
 ปีที่
๖ ฉบับที่ ๗๕๒ วันอาทิตย์ที่
๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.
๒๕๕๗
เรื่อง "Electrophilicaddition ของconjugateddiene"
 แม้ว่าพันธะ
C=C
ในรูปของ
conjugated
double bond และวงแหวนอะโรมาติกจะมีพฤติกรรมบางอย่างคล้ายกัน
 แต่พฤติกรรมการทำปฏิกิริยาก็แตกต่างกันอยู่
 ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการทำปฏิกิริยากับสาร
electrophile
(สารที่ชอบอิเล็กตรอน)
 ในกรณีของพันธะ
C=C
ในรูปของ
conjugated
double bond นั้นจะทำปฏิกิริยาการเติม
(addition)
เหมือนกับพันธะคู่ทั่วไปของอัลคีน
 โดยพันธะ C=C
จะกลายเป็นพันธะเดี่ยว
C=C
 ส่วนในกรณีของสารประกอบอะโรมาติกนั้นจะทำปฏิกิริยาแทนที่
(substitution)
เหมือนกับอัลเคน
 โดย electrophile
นั้นจะเข้าไปแทนที่อะตอม
H
ที่เกาะกับอะตอม
C
ของวงแหวนอะโรมาติก
  
 และด้วยความที่
πe-
ของวงแหวนเบนซีนมีเสถียรภาพมากกว่า
πe-
ของพันธะคู่
C=C
 จึงทำให้ในบางปฏิกิริยานั้น
electrophile
ที่สามารถทำปฏิกิริยาได้ง่ายกับพันธะคู่
C=C
กลับไม่ทำปฏิกิริยากับวงแหวนเบนซีน
เว้นแต่จะมีการใช้ตัวเร่งปฏิกิริยาหรือภาวะการทำปฏิกิริยาที่รุนแรงกว่าเข้าช่วย
 เนื้อหาใน
Memoir
ฉบับนี้เขียนขึ้นเพื่อทบทวนความเข้าใจพื้นฐานเคมีอินทรีย์
(ทั้งของผมเองและของสมาชิกกลุ่ม)
เกี่ยวกับการทำปฏิกิริยา
electrophilic
substituion ของวงแหวนเบนซีน
 เพราะกลุ่มเราเองก็มีการศึกษาปฏิกิริยา
 electrophilic
substituion บนวงแหวนเบนซีนอยู่ด้วย
(ปฏิกิริยา
hydroxylation
ที่เติมหมู่
-OH
เข้าไปที่วงแหวน)
โดยเลือกมาเฉพาะส่วนการทำปฏิกิริยาการแทนที่ครั้งแรกของวงแหวนเบนซีนเท่านั้น
(ถ้าว่างเมื่อไรจะเขียนเรื่องการแทนที่ครั้งที่สอง
 ส่วนการแทนที่ครั้งที่สามนั้นเขียนไปก่อนหน้านี้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม
๒๕๕๖ แล้ว)
  
 ปฏิกิริยาการแทนที่ทุกปฏิกิริยาในที่นี้เป็นปฏิกิริยา
electrophilic
substituion ทั้งหมด
 แต่ที่มีชื่อเรียกแตกต่างกันเพราะเขาจำแนกตามชนิดของ
electrophile
ที่เข้าทำปฏิกิริยา
 1.
 ปฏิกิริยาการเติมฮาโลเจนหรือ
Halogenation
 ปฏิกิริยาในที่นี้ใช้กับกรณีของ
Cl2
และ
Br2
เท่านั้น
 F2
มีความว่องไวในการทำปฏิกิริยาที่สูงเกินไปจนยากที่จะควบคุม
 ในขณะที่ I2
มีความว่องไวในการทำปฏิกิริยาที่ต่ำเกินไป
 ดังนั้นการแทนที่ด้วยอะตอม
F
หรือ
I
จะใช้วิธีการที่แตกต่างออกไป
(ดังนั้นอาจจะเรียกเฉพาะไปเลยว่าเป็นปฏิกิริยา
chlorination
หรือ
bromination
แทนที่จะใช้คำกลาง
ๆ)
  
 ในกรณีของ
Cl2
และ
Br2
นั้น
 จำเป็นต้องมีตัวเร่งปฏิกิริยาพวก
Lewis
acid เข้าช่วย
 ตัวอย่างเช่นในกรณีของการเติมอะตอม
Cl
เข้าไปที่วงแหวนเบนซีน
(C6H6)
โดยใช้
FeCl3
เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา
(ตำแหน่งที่เป็น
Lewis
acid คือ
Fe3+)
 ในขั้นตอนแรกโมเลกุล
Cl-Cl
จะหันด้านหนึ่งเข้าหา
Fe3+
ทำให้ความหนาแน่นอิเล็กตรอนของโมเลกุล
Cl
ย้ายไปทางอะตอมด้านที่เกาะเข้ากับไอออน
Fe3+
 อะตอม
Cl
ด้านที่อยู่ห่างออกมาจึงมีความเป็นขั้วบวกที่แรงมากขึ้น
ดังสมการข้างล่าง
 จากนั้นอะตอม
Cl
ด้านที่เป็นขั้วบวกจะไปดึงอิเล็กตรอนจากวงแหวน
 สร้างเป็นพันธะ C-Cl
ขึ้น
พร้อมกับการหลุดออกของอะตอม
H
จากวงแหวน
 ซึ่งจะมีอะตอม Cl
ที่เกาะอยู่กับ
Fe3+
รับไปอีกทีดังสมการ
 2.
 ปฏิกิริยา
Sulphonation
 ในปฏิกิริยานี้จะใช้กรดกำมะถัน
(H2SO4)
เข้มข้น
หรือกรดกำมะถันที่มีแก๊ส
SO3
ละลายอยู่
(H2SO4.SO3)
ที่เรียกว่า
Oleum
(โอเลียม)
ในการทำปฏิกิริยา
 สารที่เข้าทำปฏิกิริยาคือ
SO3
(อะตอม
S
ของโมเลกุล
SO3
มีความเป็นบวกที่แรงนื่องจากมีอะตอม
O
ถึง
3
อะตอมดึงอิเล็กตรอนออกจากตัวมันเอง
 ในกรณีของกรดกำมะถันเข้มข้น
 ปฏิกิริยาในขั้นแรกที่เกิดคือ
 จากนั้น
SO3
จะเข้าไปแทนที่อะตอม
H
ของวงแหวนเบนซีนดังสมการข้างล่าง
 โดยมี HSO4-
มาเป็นตัวรับอะตอม
H
ของวงแหวน
 ทุกขั้นตอนของปฏิกิริยา
Sulphonation
นี้สามารถผันกลับได้
 ดังนั้นปฏิกิริยานี้จึงเป็นปฏิกิริยาที่ถูกคุมด้วยสมดุลเคมี
 3.
 ปฏิกิริยา
Nitration
 การเติมหมู่ไนโตร
(-NO2)
เข้าไปที่วงแหวนเบนซีนทำได้ด้วยการใช้สารละลายผสมระหว่างกรดกำมะถัน
(H2SO4)
เข้มข้นกับกรดไนตริก
(HNO3)
เข้มข้น
 สารที่เป็น electrophile
คือ
nitronium
ion (+NO2) 
ที่เกิดจากปฏิกิริยาระหว่างกรดกำมะถันและกรดไนตริกดังสมการ
จากนั้น nitronium ion (+NO2) จะเข้าไปแทนที่อะตอม H ของวงแหวนเบนซีนโดยมี HSO4- มาเป็นตัวรับอะตอม H ได้เป็นสารประกอบไนโตรเบนซีนดังสมการ
 ความสำคัญอย่างหนึ่งของปฏิกิริยา
nitration
นี้คือ
 การเติมหมู่ -NO2
นั้นทำได้ไม่ยาก
และเมื่อได้ nitrobenzene
(C6H5-NO2)
แล้วยังสามารถทำการรีดิวซ์หมู่
-NO2
เพื่อเปลี่ยน
nitrobenzene
ให้กลายเป็น
Aniline
(C6H5-NH2)  หมู่
amino
-NH2
ที่เกาะอยู่กับวงแหวนทำให้วงแหวนมีความว่องไวในการแทนที่ครั้งที่สองสูงขึ้นมาก
และตัวหมู่ -NH2
ก็ยังสามารถเปลี่ยนไปเป็นหมู่ไฮดรอกซิล
(-OH)
ได้อีก
 4.
 ปฏิกิริยา
Friedel-Crafts
alkylation
 ปฏิกิริยาตั้งชื่อตามนักเคมีสองคนที่ค้นพบ
 ปฏิกิริยานี้เป็นปฏิกิริยาใช้ในการเตรียมสารประกอบ
alkyl
benzene (C6H5-R เมื่อ
R
คือหมู่
alkyl)
 โดยสารที่เป็น
electrophile
คือ
carbocation
ที่เกิดจากปฏิกิริยาของ
alkyl
halide, alcohol หรือ
alkene
กับกรดแก่ที่มีความแรง
 ตัวอย่างเช่น isopropyl
carbocation สามารถเตรียมได้ดังสมการ
 จากนั้น
isopropyl
cation จะเข้าทำปฏิกิริยากับวงแหวนเบนซีนได้เป็นสารประกอบ
cumene
ดังสมการ
 ข้อควรระวังของปฏิกิริยานี้คือสารประกอบ
alkyl
benzene
ที่เกิดขึ้นมีความว่องไวในการทำปฏิกิริยาแทนที่สูงกว่าเบนซีนที่เป็นสารตั้งต้น
ดังนั้นแทนที่จะได้สารประกอบที่มีการแทนที่เพียงครั้งเดียวเป็นผลิตภัณฑ์เพียงอย่างเดียว
จะทำให้ได้สารประกอบที่มีการแทนที่มากกว่าหนึ่งครั้งเป็นผลิตภัณฑ์เกิดขึ้นร่วมด้วย
 วิธีการหนึ่งในการลดการเกิดผลิตภัณฑ์ที่มีการแทนที่มากกว่า
1
ตำแหน่งคือการใช้เบนซีนในสัดส่วนที่สูงกว่า
  
 นอกจากนี้วิธีการนี้ยังมีปัญหาในการเตรียมสารประกอบที่ต้องการให้เชื่อมส่วนปลายของหมู่
alkyl
เข้ากับวงแหวนเบนซีน
 เพราะ 1º
carbocation นั้นมีเสถียรภาพต่ำกว่า
2º
หรือ
3º
carbocation  จะทำให้
1º
carbocation ที่เกิดขึ้นมีการจัดเรียงตัวใหม่กลายเป็น
2º
หรือ
3º
carbocation  เช่นในกรณีที่ใช้
1-Chloropropane
(หรือ
n-Propylchloride)
เป็นสารตั้งต้นในการปฏิกิริยากับเบนซีน
 propyl
carbocation (เป็นชนิด
1º)
อาจมีการจัดเรียงตัวใหม่เป็น
isopropyl
carbocation (เป็นชนิด
2º)
ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่เป็น
n-propyl
benzene และ
cumene
ดังสมการ
 ปฏิกิริยา
Friedel-Crafts
alkylationนี้ใช้ได้กับ
เบซีน,
halobenzene (เบนซีนที่อะตอม
H
ถูกแทนที่ด้วยเฮไลด์
-
แต่ต้องไม่มากเกินไป)
และเบนซีนที่มีหมู่แทนที่ที่เป็น
ring
activation group (จะกล่าวถึงในเรื่องต่อไป
ซึ่งไม่รู้จะมีเวลาเขียนเมื่อใด)
 สำหรับเบนซีนที่ถูกแทนที่ด้วยหมู่ที่เป็น
ring
deactvationg group ตัวอื่น
(เช่น
-NO2,
SO3H หรือ
-C(O)-R)
จะไม่ทำปฏิกิริยาดังกล่าว
 5.
 ปฏิกิริยา
Friedel-Crafts
acylation
 ปฏิกิริยานี้มีรูปแบบทำนองเดียวกับปฏิกิริยา
Friedel-Crafts
alkylation ในข้อ
4.
 แต่ใช้สารประกอบ
acyl
halide (X-(CO)-R) เป็น
electrophile
(หรืออาจใช้สารประกอบ
anhydride
(แอนไฮดราย
R-(CO)-O-R)
แทนก็ได้)
 ตัวอย่างเช่นในกรณีของการใช้
Acyl
chloride (หมู่
R
เป็นหมู่
alkyl
ใด
ๆ ที่ไม่ใช่อะตอม H)
เป็นสารตั้งต้นและใช้
AlCl3
ที่เป็น
strong
Lewis acid เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา
 ปฏิกิริยาจะเริ่มจากการเกิด
Acylium
ion ดังสมการ
 Acylium
ion ที่เกิดขึ้นมีจุดเด่นคือเป็น
strong
electrophile และมีเสถียรภาพในการดึงให้ตำแหน่งที่มีประจุ
+
นั้นคงอยู่ที่อะตอม
C
ที่เชื่อมต่อกับอะตอม
O
(หรืออะตอม
C
ที่ปลายโซ่นั่นเอง)
 โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายประจุ
+
ไปยังอะตอม
C
ตัวอื่นของหมู่
R
(หรือการ
rearrangement)
จนทำให้เกิดเป็น
2º
carbocation  จากนั้น
acylium
ion จึงเข้าทำปฏิกิริยากับวงแหวนเบนซีนได้สารประกอบ
alkyl
aryl ketone ดังสมการ
 หมู่
carbonyl
(-(CO)-) ที่เกาะอยู่กับวงแหวนเบนซีนโดยตรงนั้นเป็น
ring
deactivating group  จึงทำให้ผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นยากที่จะทำปฏิกิริยา
acylation
ต่อไปอีกเมื่อเทียบกับเบนซีนที่เป็นสารตั้งต้น
 จึงทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีการแทนที่เพียงครั้งเดียว
  
 สารประกอบอัลคิลเบนซีนที่ต้องการให้หมู่อัลคิลนั้นเป็นโซ่ตรงโดยไม่มีกิ่งก้าน
(ซึ่งอาจเป็นผลจากการจัดเรียงตัวใหม่ของ
carbocation
ที่เกิดขึ้น)
 ซึ่งไม่สามารถเตรียมได้หรือเตรียมได้ยากจากปฏิกิริยา
Friedel-Crafts
alkylation ก็สามารถเตรียมได้ผ่านทางปฏิกิริยา
Friedel-Crafts acylation
นี้
 ตัวอย่างเช่นการเตรียม
n-Propylbenzene
โดยใช้
propionyl
chloride เป็นสารตั้งต้น
 ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นคือ
 หลังจากที่ได้
Ethyl
phenyl ketone แล้วจึงทำการรีดิวซ์หมู่
carbonyl
ก็จะได้
n-propylbenzene
  
 ตรงนี้มีข้อควรคำนึงคือ
Ethyl
phenyl ketone มีหมู่ที่สามารถรีดิวซ์ได้สองหมู่คือหมู่
carbonyl
ที่ต้องการตัดอะตอม
O
ออก
และตัววงแหวนเบนซีนเอง 
ในกรณีนี้ต้องการรีดิวซ์เฉพาะส่วนของหมู่
carbonyl
โดยไม่ยุ่งเกี่ยวอะไรกับวงแหวน
 สำหรับนักเคมีแล้วจะใช้ปฏิกิริยาที่มีชื่อว่า
Clemmensen
reduction ที่ใช้โลหะ
zinc
amalgam (สังกะสีผสมกับปรอท)
และ
HCl
ในการทำปฏิกิริยา
  
 อีกวิธีการหนึ่งในการเตรียม
n-propylbenzene
คือเตรียมจากปฏิกิริยาระหว่างโทลูอีน
(toluene
- C6H5-CH3) กับเอทิลีน
(H2C=CH2)
โดยใช้เบสแก่
(เช่นโลหะอัลคาไลน์)
เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา
 หมู่ -CH3
ของโทลูอีนจะจ่ายโปรตอนให้กับเบสแก่นั้นและกลายเป็น
benzyl
cation ที่สามารถทำปฏิกิริยากับเอทิลีนกลายเป็น
n-propylbenzene
ได้
 เรื่องอื่น
ๆ ในหมวดหมู่เดียวกันนี้ได้แก่
 ปีที่
๕ ฉบับที่ ๕๑๗ วันพฤหัสบดีที่
๑๑ ตุลาคม พ.ศ.
๒๕๕๕
เรื่อง "NucleophileกับElectrophile"
 ปีที่
๕ ฉบับที่ ๕๒๓ วันจันทร์ที่
๒๒ ตุลาคม พ.ศ.
๒๕๕๕
เรื่อง "Carbocation- การเกิดและเสถียรภาพ"
 ปีที่
๕ ฉบับที่ ๕๓๓ วันเสาร์ที่
๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ.
๒๕๕๕
เรื่อง "Carbocation- การทำปฏิกิริยา"
 ปีที่
๕ ฉบับที่ ๕๓๙ วันเสาร์ที่
๒๔ พฤศจิกายน พ.ศ.
๒๕๕๕
เรื่อง "Carbocationตอนที่๓ การจำแนกประเภท-เสถียรภาพ"
 ปีที่
๖ ฉบับที่ ๖๕๔ วันพุธที่ ๒๑
สิงหาคม พ.ศ.
๒๕๕๖
เรื่อง "Electrophilicsubstitution ตำแหน่งที่3บนวงแหวนเบนซีน"
 ปีที่
๖ ฉบับที่ ๗๔๗  วันจันทร์ที่
๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ.
๒๕๕๗
เรื่อง "Electrophilicaddition ของอัลคีน"












ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น