ไหน
ๆ มันก็เสียแล้ว
ก็เลยถือโอกาสเอามารื้อเล่นดูข้างในเลยว่ามันมีอะไรอยู่บ้าง
วาล์วลดความดันหัวถังแก๊สหุงต้ม
(LPG
Regulator) เห็นมีขายอยู่สองแบบ
แบบแรกเป็นชนิดที่ใช้กันทั่วไปในบ้านเรือน
เป็นชนิดความดันต่ำ
(หมายถึงความดันด้านขาออก)
เหมาะสำหรับการใช้กับเตาแก๊สหุงต้ม
ชนิดนี้หาซื้อได้ตามร้านขายแก๊ส
อีกชนิดหนึ่งเป็นชนิดความดันสูง
ที่สามารถปรับความดันด้านขาออกได้ว่าจะให้เป็นเท่าใด
(แต่ต้องต่ำกว่าความดันในถัง)
เหมาะสำหรับการใช้กับพวกหัวเชื่อมแก๊สหรือหัวตัดแก๊ส
ชนิดนี้หาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์ช่าง
ปลายเดือนที่แล้วพบว่ามีแก๊สรั่วออกมาทีละน้อยในครัว
ตอนแรกก็นึกว่าเป็นที่วาล์วหัวเตาแก๊ส
(เพราะเห็นมันเริ่มผุแล้ว
จากการเจอน้ำท่วมปี ๒๕๕๔)
แต่ขนาดเปลี่ยนเตาแก๊สแล้วก็ยังมีกลิ่นรั่วอยู่
เลยต้องต้องทำการตรวจสอบใหม่ละเอียดอีกครั้ง
คราวนี้พบว่าปัญหาอยู่ที่ตัว
regulator
เอง
ไม่ได้อยู่ตรงจุดเชื่อมต่อใด
ๆ เป็นที่ตัวปุ่มกดเปิด
(เลข
(2)
ในรูปที่
๑ ข้างล่าง)
คือตอนเปิดใช้แก๊สมันไม่มีปัญหา
เพราะแก๊สจะไหลออกไปทางหัวเตาแก๊ส
แต่พอปิดหัวเตาแก๊ส
จะทำให้มีความดันสะสมในตัว
regulator
และท่อสายยางทื่เชื่อมต่อกับเตาแก๊ส
ทำให้มีแก๊สรั่วผ่านออกมาทีละน้อย
ๆ แต่มากพอได้กลิ่นถ้าทิ้งไว้สักพัก
พอเปลี่ยนตัวใหม่ปัญหาก็หมดไป
ก็เลยเอาตัวเก่ามารื้อเล่นดู
วันนี้ถือว่าเล่าเรื่องด้วยรูปก็แล้วกัน
รูปที่
๑ วาล์วลดความดันหัวถังแก๊สหุงต้ม
หรือ LPG
Regulator (1) คือด้านต่อเข้ากับหัวถังแก๊ส
(2)
ตรงนี้เป็นปุ่มสำหรับกดเปิดวาล์วให้แก๊สไหลผ่าน
เป็นจุดที่พบปัญหาการรั่วไหล
(3)
คือด้านขาออก
(4)
ฝาปิดช่องสำหรับปรับตั้งความดันขาออก
วาล์วตัวนี้เป็นชนิดที่มีระบบป้องกันเวลาแก๊สพุ่งออกจากหัวถังกระทันหัน
(เช่นตอนเปิดถังแก๊ส
หรือสายยางหลุด)
คือถ้าเกิดเหตุการณ์ดังกล่าววาล์วจะปิด
ต้องกดปุ่ม (2)
เพื่อให้วาล์วมันเปิด
ตรงนี้คนขายเล่าให้ฟังว่าบางคนไม่รู้ว่ามันต้องทำอย่างนี้
เช่นตอนให้แก๊สมาส่งก็ให้คนส่งแก๊สเปลี่ยนถังแก๊สให้ด้วยเลย
พอถึงเวลาต้องมาเปลี่ยนถังแก๊สเอง
พอเปลี่ยนเรียบร้อยแล้วเปิดแก๊สพบว่าไม่มีแก๊สไหลผ่าน
ก็โทษว่าตัว regulator
เสีย
รูปที่
๒ เกลียวด้านที่ต่อเข้ากับหัวถังแก๊สเป็นเกลียว
"เวียนซ้าย"
นะ
เหมือนกันทุกยี่ห้อ
(แบบเดียวกับนอตที่ยึดใบพัดพัดลมเข้ากับแกนมอเตอร์)
อันที่จริงเพียงแค่ขันตึงด้วยมือก็ไม่มีการรั่วซึมแล้ว
ไม่ต้องถึงขั้นเอาประแจขันอัด
(จะว่าไปมันก็ไม่มีที่ให้ประแจจับซะด้วย)
รูปที่
๓ ถอดฝาครอบด้านบน (เป็นฝาเกลียว)
ออกมา
ก็พบร่องสำหรับขันปรับแรงกดสปริง
จะว่าไปส่วนนี้เป็นส่วนที่ผู้ใช้ไม่ต้องไปยุ่งอะไร
ผู้ผลิตเขาปรับตั้งความด้านด้านขาออกมาให้เรียบร้อยแล้ว
เราทำเพียงแค่ต่อมันเข้ากับถังแก๊สเท่านั้น
รูปที่
๔ ถอดฝาครอบเปิดมาจะเห็นแผ่นยางไดอะแฟรมที่มีแผ่นโลหะบาง
ๆ วางอยู่ข้างบน
แผ่นโลหะนี้ทำหน้าที่รองรับแรงกดของสปริงและทำให้แผ่นยางรองรับความดันแก๊สที่กระทำอีกทางด้านหนึ่งได้
โดยที่ตัวแผ่นยางไม่เสียรูปทรง
รูปที่
๕ ด้านใต้แผ่นยางจะมีเดือยที่มีรูตรงกลางยื่นลงไป
เดือยนี้จะมีคานกระดกสอดอยู่
อีกด้านหนึ่ง (ตรงลูกศรยาวสีเหลืองชี้)
อีกด้านจะมีจุกยางกดปิดรูแก๊สไหลมาจากหัวถังแก๊ส
รูปที่
๖ ถอดนอตสองตัวที่ยึดเดือยบานพับของคานกระดกออก
ก็จะเห็นรูแก๊สเข้าอยู่ข้างใต้
รูปที่
๗ ที่นี้มาถอดตัวปุ่มกดดูบ้าง
ทำเพียงแค่ขันมันออกมา
(ควรต้องเปิดฝาครอบตัวแผ่นไดอะแฟรมออกก่อน
ไม่เช่นนั้นมันไม่มีที่ว่างให้ประแจจับ
พบว่าข้างในมันไม่มีอะไร
มีแต่ลูกบอลกลม ๆ
การทำงานคงอาศัยหลักการที่ว่าแก๊สที่พุ่งมากระทันหันจะไปดันให้ลูกบอลไปอัดปิดรูด้านตรงข้าม
ทำให้แก๊สไหลออกไม่ได้
ต้องกดปุ่มให้ลูกบอบขยับตัว
แก๊สจึงไหลออกได้
รูปที่
๘ ชิ้นส่วนทั้งหมดที่รื้อออกมา
มีโอริงสีดำเล็ก ๆ
หลุดออกมาด้วยตัวนึง
ไม่ทันสังเกตว่าหลุดออกมาจากไหน
คิดว่าน่าจะมาจากในหัวต่อทองเหลือง
โดยทำหน้าที่กันการรั่วเวลาที่ลูกบอลถูกแรงดันแก๊สกดอัด
อันที่จริงหัวต่อทองเหลืองยังถอดแยกชิ้นส่วนได้อีก
แต่ไม่รู้ว่าจะถอดยังไง
เห็นข้างในมีตะแกรงกรองแก๊สอยู่ด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น