การทำการทดลองที่สารตั้งต้นเป็นเฟสแก๊สและประกอบด้วยแก๊สหลายชนิดนั้น
บางรายก็ใช้วิธีจ้างผู้จัดจำหน่ายแก๊สให้เตรียมแก๊สผสมที่มีค่าอัตราส่วนตามต้องการบรรจุมาในถังเดียว
วิธีการนี้มีข้อดีตรงที่อุปกรณ์การทดลองจะเรียบง่าย
เพราะอาจมีการใช้แก๊สเพียงถังเดียว
แต่จะแพงตรงค่าแก๊สผสม
และใช้ได้ดีกับกรณีที่แก๊สผสมนั้นมีเพียงไม่กี่องค์ประกอบ
แต่จะไม่ค่อยเหมาะกับกรณีที่มีบางองค์ประกอบนั้นเป็นของเหลวที่อุณหภูมิห้อง
(คือมันเป็นแก๊สได้
แต่ต้องที่ความเข้มข้นต่ำกว่าความดันไออิ่มตัวที่อุณหภูมิห้องอยู่มากหน่อย)
วิธีที่เห็นใช้กันทั่วไปมากกว่าเห็นจะได้แก่การใช้แก๊สจากถังแก๊สหลายถังมาผสมกันในสัดส่วนที่กำหนด
เพื่อให้ได้แก๊สผสมก่อนเข้าทำปฏิกิริยา
ในการนี้ต้องมีการคำนวณว่าแก๊สแต่ละชนิดนั้นต้องมีอัตราการไหลเท่าใด
(ต้องมีระบบควบคุมอัตราการไหลของแก๊สแต่ละชนิด)
ที่เมื่อผสมกันแล้วจะได้แก๊สผสมในอัตราส่วนที่ต้องการ
การผสมกันก็จะใช้ข้อต่อสามทางเป็นจุดผสมแก๊ส
(แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยเช่นกันที่ใช้ข้อต่อกากบาทเป็นจุดผสมแก๊ส
ซึ่งผมเห็นว่าเป็นวิธีการที่ไม่เหมาะสมและควรหลีกเลี่ยง)
ส่วนที่จะต่อแก๊สตัวไหนเข้าทางท่อเข้าทางด้านในของข้อต่อสามทางนั้นเคยเล่าไว้บ้างแล้วเมื่อเกือบ
๖ ปีที่แล้วใน Memoir
ปีที่
๓ ฉบับที่ ๒๗๕ วันพุธที่ ๒๓
มีนาคม ๒๕๕๔ เรื่อง
"การทำวิทยานิพนธ์ภาคปฏิบัติ ตอนที่ ๑๖ การใช้ข้อต่อสามทางผสมแก๊ส"
เรื่องที่จะเล่าในวันนี้อันที่จริงเจอมานานหลายปีแล้ว
จะเรียกว่าเป็นตอนต่อจากเมื่อ
๖ ปีที่แล้วก็ได้
เป็นเหตุการณ์ที่มาพบอีกทีในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว
เรื่องมีอยู่ว่าต้องการผสมไฮโดรคาร์บอนตัวหนึ่งที่เป็นของเหลวที่อุณหภูมิห้องเข้ากับแก๊สที่จะทำปฏิกิริยาด้วยการใช้
saturator
และใช้
needle
valve ปรับอัตราการไหลทางด้านขาออกของ
saturator
อัตราการไหลในเส้นที่ต่ำมาก
เรียกว่าเปิด needle
valve เพียงนิดเดียว
แผนผังระบบนี้แสดงในรูปที่
๑ ข้างล่าง
รูปที่
๑ ระบบท่อที่เกิดปัญหา
ก่อนและหลังการปรับปรุง
เนื่องจากอัตราการไหลผ่าน
saturator
นั้นต่ำมาก
การควบคุมความเข้มข้นในแก๊สผสมจึงใช้ผลการวัดจากเครื่องแก๊สโครมาโทกราฟ
และด้วยการที่เกรงว่าจะเกิดการควบแน่นในระบบท่อด้านขาออกจาก
saturator
(ไฮโดรคาร์บอนที่ผสมเข้าไปมีจุดเดือดสูงกว่า
100ºC
เล็กน้อย)
จึงมีการพัน
heating
tape ให้ความร้อนจากช่วง
needle
valve ไปจนถึงตำแหน่งบรรจบเส้นท่อหลัก
เนื่องจากเส้นท่อเส้นนี้เป็นช่วงที่มีความเข้มข้นไฮโดรคาร์บอนสูง
อันที่จริงของเหลวที่มีจุดเดือดสูงกว่าอุณหภูมิห้อง
สามารถคงสภาพเป็นไออยู่ในเฟสแก๊สได้ตราบเท่าที่ความดันไอของมันนั้นต่ำกว่าความดันไออิ่มตัว
ณ อุณหภูมิห้อง
(ทำนองเดียวกับอากาศรอบตัวเราที่มีความชื้นอยู่)
ในกรณีของการใช้
saturator
ผสมไอระเหยของเหลวนั้น
อาจเกิดปัญหาการควบแน่นของไอของเหลวได้ในช่วงเส้นท่อจากด้านขาออกถ้าหากอุณหภูมิที่ใช้ในการระเหยของเหลวนั้นสูงกว่าอุณหภูมิห้องอยู่มาก
และเส้นท่อดังกล่าวมีความยาวค่อนข้างมาก
สิ่งที่พบคือในช่วงแรกนั้นวัดความเข้มข้นไฮโดรคาร์บอนได้สูง
แต่เมื่อเวลาผ่านไปพบว่าความเข้มข้นลดต่ำลงเรื่อย
ๆ แม้ว่าจะไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับตัว
needle
valve ก็ตาม
และความดันแก๊สที่ใช้เป็น
carrier
gas ไหลผ่านตัว
saturator
ก็สูงกว่าด้าน
downstream
ของ
needle
valve อยู่มาก
การแก้ปัญหาในช่วงแรกได้แนะนำให้ทำการ
"ปิด"
heating tape ก่อน
ซึ่งก็พบว่าทำให้ความเข้มข้นไฮโดรคาร์บอนในแก๊สผสมนั้นเพิ่มสูงขึ้น
สาเหตุที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่กล่าวมาในย่อหน้าข้างบนเป็นเพราะเมื่อแก๊สร้อนขึ้นจะมีความหนืดมากขึ้น
การไหลผ่านรูเล็ก ๆ
(ในที่นี้คือรูเปิดให้แก๊สไหลผ่านของตัว
needle
valve) จะยากขึ้น
ประกอบกับเมื่ออุณหภูมิทางด้าน
down
stream ของตัววาล์ว
(อาจจะเป็นอุณหภูมิของตัวท่อเองหรือที่
reactor
ที่เป็นชนิด
fixed-bed)
เพิ่มสูงขึ้น
จึงทำให้ความดันย้อนกลับเพิ่มสูงขึ้น
แก๊สจาก saturator
จึงไหลผ่านตัว
needle
valve ได้น้อยลง
แต่ก็พบว่าการแก้ปัญหาด้วยการปิด
heating
tape แก้ปัญหาได้เพียงระดับหนึ่ง
โดยไปเกิดอีกปัญหาแทนคือพบว่าความเข้มข้นของไฮโดรคาร์บอนในแก๊สก่อนเข้า
reactor
นั้นมีการกระโดดขึ้นลง
(ต่างจากก่อนหน้านี้ที่ลดลงเพียงอย่างเดียว)
จึงทำการตรวจสอบการต่ออุปกรณ์และได้แนะนำให้ทำการแก้ไขใหม่
คือให้สลับตำแหน่ง block
valve กับ
needle
valve ด้านขาออกของ
saturator
และให้วางตัว
needle
valve ให้อยู่กับกับตำแหน่งบรรจบกับท่อแก๊สเส้นหลัก
(ที่ไหลไปยัง
reactor)
ให้มากที่สุด
รูปที่
๒ ระบบท่อหลังการปรับปรุงและแก้ไขเรียบร้อยแล้ว
หลังจากทำการสลับตำแหน่งวาล์วแล้วพบว่า
block
valve ตัวเดิมที่ใช้นั้นมีการรั่วไหลที่ตัววาล์ว
(คงเป็นเพราะผ่านการใช้งานบ่อยครั้งเป็นเวลานาน)
ที่ตรวจพบก็เพราะพอวางตัว
block
valve ไว้ทางด้าน
upstream
ของ
needle
valve ความดันแก๊สที่ไหลผ่านตัว
block
valve จะสูงกว่าตอนที่วางวาล์วไว้ทางด้าน
down
stream ของตัว
needle
valve จึงทำให้ได้ยินเสียงเหมือนมีแก๊สรั่ว
(ที่ตัววาล์ว
ไม่ใช่ที่รอยต่อระหว่างท่อกับวาล์ว
-
ดูรูปที่ ๓ ข้างล่าง)
จึงได้ทำการเปลี่ยน
block
valve ตัวดังกล่าวด้วย
และเมื่อปรับปรุงแก้ไขครั้งนี้แล้วก็พบว่าปัญหาความเข้มข้นไฮโดรคาร์บอนไม่คงที่นั้นหมดไป
ระบบสามารถทำงานได้นิ่งตั้งแต่อุณหภูมิห้องไปจนถึงอุณหภูมิสูงสุดที่ใช้ทำการทดลองคือ
450ºC
การที่ตรอนแรกตรวจไม่พบการรั่วที่
block
valveเป็นเพราะความดันในระบบท่อนั้นต่ำ
และไม่ได้คาดคิดว่าจะมีการรั่วที่ตัววาล์ว
(ปรกติจะตรวจการรั่วเฉพาะตรงข้อต่อท่อ)
แต่พอย้าย
block
valve มาอยู่ทางด้านต้นทาง
needle
valve ที่เป็นด้านความดันสูง
ทำให้ได้ยินเสียงแก๊สที่รั่วไหลออกมาจากตัว
block
valve
เหตุผลที่ต้องทำให้ท่อช่วงด้านขาออกของ
needle
valve ไปจนถึงจุดบรรจบนั้นมีปริมาตรน้อยที่สุด
(หรือมี
dead
volume ต่ำสุด)
ก็เพื่อให้แก๊สที่ไหลผ่าน
needle
valve นั้นไหลเข้าบรรจบกับสายแก๊สหลักได้เร็ว
(ตรงนี้ต้องไม่ลืมว่าที่อัตราการไหลต่ำมาก
ระยะท่อเพียงไม่กี่สิบเซนติเมตร
แก๊สอาจต้องใช้เวลาเดินทางหลายนาที
(หรือหลายสิบนาที)
กว่าจะไปถึงจุดบรรจบเส้นทางอัตราการไหลสูง)
ไม่เกิดการสะสมในระบบท่อช่วงดังกล่าวที่ทำให้เกิดเป็นปัญหาแก๊สไหลออกมาไม่นิ่ง
(คือเห็นความเข้มข้นขาออกสูงบ้างต่ำบ้างแกว่งไปมา)
ปัญหานี้จะเพิ่มมากขึ้นเมื่ออุณหภูมิที่
fixed-bed
เพิ่มสูงขึ้น
ทำให้เกิด back
pressure ต้านทานการไหลเพิ่มมากขึ้น
ความดันในท่อด้านขาเข้า
fixed-bed
จะเพิ่มตามไปด้วย
ส่งผลให้ความเร็วเชิงเส้นของแก๊สที่ไหลผ่าน
needle
valve นั้นลดต่ำลง
ในบางกรณีนั้นอาจถึงขั้นตรวจไม่พบแก๊สผสมในแก๊สก่อนเข้า
fixed-bed
ด้วยเหตุนี้ก่อนที่จะทำการทดลองจริงนั้น
จึงควรที่จะทดสอบระบบด้วยการบรรจุวัสดุที่เฉื่อย
(inert
material) ที่ไม่ทำปฏิกิริยาใด
ๆ กับองค์ประกอบในแก๊ส
ให้ทำหน้าที่เป็น fixed-bed
จากนั้นก็เพิ่มอุณหภูมิระบบให้สูงขึ้น
แล้วดูว่าแก๊สที่ไหลออกมานั้นมีองค์ประกอบคงที่โดยไม่ขึ้นกับอุณหภูมิของ
fixed-bed
หรือไม่
รูปที่
๓ วาล์วตัวนี้พบการรั่วไหลตรงบริเวณลูกศรชี้
จะได้ยินเสียงการรั่วไหลถ้าความดันของระบบสูงพอ
ปัญหานี้จะรุนแรงมากขึ้นเมื่อใช้
mass
flow controller
ร่วมกับวาล์วกันการไหลย้อนกลับถ้าหากติดตั้งวาล์วกันการไหลย้อนกลับไว้ระหว่าง
mass
flow controller กับจุดบรรจบท่อแก๊สอัตราการไหลสูง
เนื่องด้วยแก๊สที่ไหลด้วยอัตราการไหลที่ต่ำมากผ่าน
mass
flow controller
นั้นจะไหลออกมาด้วยความดันที่ต่ำจนไม่สามารถดันให้วาล์วกันการไหลย้อนกลับเปิดได้
(ความดันที่จะดันให้วาล์วกันการไหลย้อนกลับเปิดได้ต้องสูงกว่าความดันด้านขาออกรวมกับแรงที่ต้องทำให้วาล์วยกตัว
ที่เป็นผลรวมของน้ำหนักของลูกลอยกับแรงสปริงที่กดให้ลูกลอยปิด)
ทั้งนี้เนื่องจากแก๊สเป็นของไหลที่อัดตัวได้
ดังนั้นแม้ว่าด้านปลายทางนั้นจะไหลออกไม่ได้
แต่ถ้าความดันต้นทาง
(ด้านขาเข้าวาล์ว)
ยังสูงกว่าด้านปลายทาง
(จากด้านขาออกของ
mass
flow controller ไปจนถึงวาล์วกันการไหลย้อนกลับ)
แก๊สก็จะยังไหลผ่าน
mass
flow controller ไปสะสมอยู่ในเส้นท่อช่วงดังกล่าวได้
และเมื่อแก๊สในเส้นท่อช่วงดังกล่าวสะสมจนมีความดันสูงมากพอ
ก็จะดันให้วาล์วกันการไหลย้อนกลับเปิดออก
แก๊สที่สะสมอยู่ก็จะไหลทะลักออกไปและทำให้ความดันในท่อช่วงดังกล่าวลดต่ำลง
วาล์วกันการไหลน้อยกลับก็จะปิดตัวใหม่
วิธีการแก้ปัญหาทำได้ด้วยการสลับตำแหน่งวาล์วกันการไหลย้อนกลับกับ
mass
flow controller ดังรูปที่
๔
รูปที่ ๔ การติดตั้งวาล์วกันการไหลย้อนกลับไว้ด้านขาออกของ mass flow controller นั้นที่มีอัตราการไหลต่ำมาก อาจส่งผลต่อการไหลของแก๊สและการทำงานของ mass flow controller ได้
รูปที่ ๔ การติดตั้งวาล์วกันการไหลย้อนกลับไว้ด้านขาออกของ mass flow controller นั้นที่มีอัตราการไหลต่ำมาก อาจส่งผลต่อการไหลของแก๊สและการทำงานของ mass flow controller ได้
พฤติกรรมตามย่อหน้าข้างบนนั้นบางครั้งจะไม่เห็นที่อุณหภูมิ
fixed-bed
ต่ำ
แต่ไปพบเห็นที่อุณหภูมิ
fixed-bed
สูง
สิ่งที่เห็นก็คือตอนทำการทดลองที่อุณหภูมิต่ำ
ตัวเลขอัตราการไหลหน้าจอ
mass
flow controller ก็นิ่งดี
แต่พอทำการทดลองที่อุณหภูมิสูงขึ้น
ตัวเลขหน้าจอ mass
flow controller มีการกระโดดเต้นไปมา
ทั้งนี้เป็นเพราะเมื่อวาล์วกันการไหลย้อนกลับปิดอยู่นั้น
mass
flow controller จะค่อย
ๆ
เปิดกว้างขึ้นเพื่อชดเชยความดันด้านขาออกที่เพิ่มขึ้นเพื่อรักษาอัตราการไหลผ่านให้คงที่
แต่พอวาล์วกันการไหลย้อนกลับเปิดออก
ความดันต้านทางการไหลด้านขาออกลดลงกระทันให้
ทำให้ mass
flow controller เห็นแก๊สไหลทะลักผ่านออกไปในปริมาณมาก
ก็จะสั่งปิดตัวเองอย่างรวดเร็ว
แต่พอวาล์วกันการไหลย้อนกลับปิดตัวลง
mass
flow controller ก็จะเห็นอัตราการไหลผ่านลดลงกระทันหัน
ก็จะสั่งเปิดตัวเองใหม่
และในบางกรณีนี้ช่วงเวลาที่วาล์วกันการไหลย้อนกลับปิดตัวเองนั้นอาจจะนานมาก
มากจนส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของผลการทดลองได้
ปัญหานี้แก้ด้วยการเอาพัดลมไปเป่า
mass
flow controller ไม่ได้หรอกครับ
ต้องแก้ไขที่ระบบท่อ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น