ก็เป็นเพียงแค่
บันทึกเหตุการณ์ประจำวัน
ที่เกิดขึ้น ณ สถานีรถไฟเล็ก
ๆ แห่งหนึ่งใกล้ชายขอบกรุงเทพมหานคร
ระบบรถไฟรางเดี่ยวที่ให้รถไฟวิ่งไป-กลับบนรางเดียวกัน
มันก็มีข้อดีตรงที่ประหยัดค่าวางราง
เส้นทางรถไฟบ้านเราที่สร้างมาตั้งแต่แรกจนถึงปัจจุบันก็เป็นอย่างนั้น
เพียงแต่มันต้องมีระบบป้องกันไม่ให้รถไฟวิ่งชนกัน
และวิธีการหนึ่งที่บ้านเราใช้กันมานานแล้วก็คือการใช้ระบบ
"ห่วงทางสะดวก"
(ดู
Memoir
ปีที่
๔ ฉบับที่ ๔๓๙ วันอังคารที่
๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ เรื่อง
"ห่วงทางสะดวก")
กล่าวคือถ้ารถไฟวิ่งเข้าสถานีแล้วที่สถานีนั้นไม่มีห่วงทางสะดวกให้
รถไฟขบวนนั้นก็ต้องหยุดรอ
เพื่อให้รถไฟที่วิ่งสวนมาในทางเดียวกันนั้นนำห่วงทางสะดวกที่รับมาจากสถานีข้างหน้ามามอบให้ที่สถานี
รถไฟจึงจะวิ่งต่อไปได้
แต่วิธีนี้ก็มีข้อเสียก็คือถ้ามีรถไฟเดินทางหนาแน่น
การเดินทางจะใช้เวลามากขึ้นเพราะต้องเสียเวลารอหลีก
ในกรณีเช่นนี้การใช้ระบบรางคู่ก็จะดีกว่า
คือให้รางฝั่งหนึ่งเป็นเส้นขาขึ้นและอีกฝั่งเป็นเส้นขาล่อง
การใช้ระบบรางคู่ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องรถไฟจะวิ่งประสานงากัน
แต่จะวิ่งชนท้ายกันหรือเปล่านั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
(อ่านตัวอย่างได้ใน
Memoir
ปีที่
๙ ฉบับที่ ๑๓๙๔ วันจันทร์ที่
๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๐ เรื่อง
"ใครผิด? (อุบัติเหตุรถไฟชนท้ายที่สถานีรถไฟ Clapham Junction ประเทศอังกฤษ)")
รูปที่
๑ สถานีรถไฟรางโพธิ์ก็เป็นสถานีที่แปลกสถานีหนึ่ง
คือมีถนนตัดผ่านช่วงกลางสถานี
คือสถานีรถไฟทั่วไปนั้นเวลาที่รถไฟเข้าจอดให้คนขึ้นลงหรือรอหลีก
ก็มักจะไม่จอดขวางถนน
แต่สถานนีนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่อย่างนั้น
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะว่าแต่ก่อนขบวนรถไฟมันสั้น
หรือเป็นเพราะไม่ค่อยมีรถวิ่ง
ก็เลยมีการตัดถนนผ่านสถานีแบบนี้
ป้ายที่เห็นคือขณะรถไฟวิ่งเข้าจอดในรางรอหลีก
เพื่อให้รถที่มาจากทางวงเวียนใหญ่วิ่งผ่านไปก่อน
สภาพรางช่วงนี้ยังเป็นหมอนไม้อยู่เลย
รูปที่
๒ สถานีรางโพธิ์เป็นสถานีรถไฟบนเส้นทางสายวงเวียนใหญ่-มหาชัย
โดยอยู่ระหว่างสถานีรางสะแกกับสามแยก
ถ้ามาจากกรุงเทพทางถนนพระราม
๒ ก็จะวิ่งเลยถนนวงแหวนตะวันตกมาหน่อย
สถานีจะอยู่ทางด้านฝั่งเหนือของถนนพระราม
๒
รูปที่
๔ รถไฟมาจอดรอหลีกที่ปลายชานชาลาสถานี
ส่วนรางรอหลีกก็ยาวไปถึงสุดขอบขวาของรูปที่เห็นอยู่ไกล
ๆ รางช่วงนี้คงได้รับการปรับปรุงแล้ว
เพราะเห็นใช้หมอนคอนกรีตรองรางแล้ว
ไม่รู้เป็นเพราะมีอุบัติเหตุรถตกรางบริเวณสถานีนี้เมื่อวันที่
๒๗ เมษายนที่ผ่านมาหรือเปล่า
ก็เลยมีการถือโอกาสซ่อมบำรุงซะเลย
ระหว่างเดินทางกลับจากมหาชัยเมื่อบ่ายวันพฤหัสบดีที่
๑๒ กรกฎาคม
รถไฟขบวนที่โดยสารมาก็มาจอดรอหลีกที่สถานีรางโพธิ์นี้
เพื่อให้ชบวนที่วิ่งสวนมาจากวงเวียนใหญ่ผ่านไปก่อน
เส้นทางสายนี้ผมไม่เห็นเขามีเสาสำหรับคล้องรับ-ส่งห่วงทางสะดวก
ก็เลยไม่รู้ว่าเขาใช้ระบบอะไรติดต่อกันเพื่อบอกให้สถานีข้างหน้าทราบว่ากำลังมีรถไฟวิ่งไป
ภาพและคลิปวิดิโอที่นำมาแสดง
ก็เป็นการถ่ายด้วยโทรศัพท์มือถือที่ติดตัวไป
วิดิโอนั้นถ่ายด้วยโปรแกรม
daily
road voyager แล้วก็จับภาพจากคลิปบางส่วนนำมาบันทึกไว้เป็นภาพนิ่ง
(รูปที่
๖ -
๙)
การเดินทางด้วยรถไฟในบ้านเราเนี่ย
เวลาที่รถไฟจอดมันก็บรรยากาศเป็นอีกแบบเลย
จากเสียงที่ดังจนฟังเพลินหรือลืมไปว่ามีเสียงรถวิ่งอยู่
พอรถจอดทีมันก็เงียบสงบ
ได้ยินแต่เสียงพัดลม
และเสียงประกาศจากสถานี
นึกถึงตอนเด็ก ๆ ที่เคยนั่งรถไฟชั้น
๓ ไปใต้ พอรถไฟจอดทีก็โผล่หน้าออกไปดูทางหน้าต่าง
เพราะอยากรู้ว่าที่สถานีนั้นมีอะไรขายบ้าง
แต่ละท้องถิ่นก็ขายของกินแตกต่างกันไป
ตอนนี้ก็ไม่ได้เดินทางด้วยรถไฟเป็นระยะทางไกลมานานแล้ว
ไม่รู้เหมือนกันว่าบรรยากาศมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง
แต่ก็เชื่อว่าคงไม่เหมือนเดิม
และก็เป็นอย่างที่เกริ่นเอาไว้บรรทัดแรก
Memoir
ฉบับนี้ก็ไม่มีเนื้อหาสาระอะไร
เป็นเพียงแค่บันทึกเหตุการณ์ประจำวัน
ที่เกิดขึ้น ณ สถานีรถไฟเล็ก
ๆ แห่งหนึ่งใกล้ชายขอบกรุงเทพมหานคร
ที่บังเอิญผ่านไปได้พบเห็นมา
ก็เลยเอามาบันทึกไว้แค่นั้นเอง
รูปที่
๕ ลองมองย้อนกลับไปอีกฝั่งหนึ่ง
ช่วงนี้เป็นตอนบ่ายหลังเที่ยงไม่นาน
ผู้โดยสารก็เลยน้อยหน่อย
แต่ดูแล้วคิดว่าถ้าเป็นหลังโรงเรียนเลิกหรือเลิกงาน
ก็น่าจะมีคนพลุกพล่านอยู่เหมือนกัน
เพราะเห็นมีร้านค้าขายของอยู่หลากหลายข้างชานชาลาสถานี
รูปที่
๖ ภาพจับมาจากคลิปวิดิโอ
รถไฟที่มาจากวงเวียนใหญ่กำลังวิ่งเช้าตัวสถานี
รูปที่
๗ พอท้ายรถไฟที่วิ่งสวนมาวิ่งพ้นจุดสับราง
พนักงานประจำรถขบวนที่ผมโดยสารก็ชูธงเขียวให้สัญญาณ
(ในกรอบสีแดง)
เพื่อให้รถไฟชบวนที่รอหลีกอยู่นั้นเริ่มเคลื่อนตัวออกจากสถานี
ดูเหมือนว่าสถานีนี้ยังคงใช้พนักงานไปโยกสับรางที่ตำแหน่งประแจสับราง
(ไม่ได้ใช้คันโยกที่ดึงผ่านเส้นลวดจากในตัวสถานี)
ถ้าเป็นช่วงที่มีฝนตกหนักก็น่าเห็นใจเจ้าหน้าที่อยู่เหมือนกัน
รูปที่
๘ ขณะกำลังเคลื่อนตัวจากรางรอหลีกกลับเข้ารางหลัก
รูปที่
๙ พ้นจากสถานีมาหน่อยมีต้นกล้วยขึ้นเต็มข้างทาง
เรียกว่าตันมันเอียงจนใบมันระเข้ากับตัวรถ
บางต้นเอียงมากขนาดต้องมีการเอาเชือกมาผูกดึงเพื่อให้ไม่ให้ต้นล้มขวางหน้ารถ
บางจุดเห็นได้เลยว่า
ถ้าหากรถไฟจอด
ก็คงจะเอื้อมมือไปตัดกล้วยที่ต้นได้ทั้งเครือ
วิดิโอขณะรถไฟวิ่งสวนทางมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น