วันจันทร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2557

น้ำลด สะพานผุด MO Memoir : Monday 21 April 2557

ป่าทางภาคตะวันออกเคยเป็นผืนป่าผืนใหญ่ผืนหนึ่งของประเทศไทย ไล่จากชายฝั่งทะเลชลบุรีทางตะวันตกไปจนเข้าเขตแดนประเทศเพื่อนบ้านทางตะวันออก จากชายทะเลระยองทางด้านทิศใต้ไปจนจรดฝั่งด้านใต้ของดงพญาเย็น แต่เมื่อเวลาผ่านไป จากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และการพัฒนาพื้นที่ทางการเกษตรเพื่อการส่งสินค้าออก ทำให้พื้นที่ป่าภาคตะวันออกลดน้อยลงไปเรื่อย
  
ปัญหาหนึ่งของภาคตะวันออกคือไม่มีแม่น้ำสายใหญ่ มีเพียงแม่น้ำบางปะกงอยู่ทางด้านทิศเหนือและแม่น้ำเล็ก ๆ สายสั้น ๆ ไหลลงทะเลทางด้านทิศใต้ นอกนั้นเป็นเพียงลำคลองเล็ก ๆ ที่อาศัยน้ำซับที่ผืนดินซึมซับเอาไว้เมื่อมีฝนตกในแต่ละครั้ง ทำให้พอมีน้ำหล่อเลี้ยงอยู่ตลอดปี แต่เมื่อพื้นที่ป่าลดลง จากป่าไม้เปลี่ยนเป็นพืชไร่และพืชทางการเกษตรที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยงทั้งปี ประกอบกับปริมาณน้ำฝนที่ลดต่ำลง ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนน้ำในบางปี ด้วยเหตุนี้จึงไม่แปลกที่เห็นการพัฒนาอ่างเก็บน้ำหลายแหล่งทางภาคตะวันออก และโครงการอ่างเก็บน้ำคลองสียัดก็เป็นหนึ่งในโครงการเหล่านี้
  
รูปที่ ๑ แผนที่ทางหลวงประเทศไทยในปีพ.ศ. ๒๕๓๕ บริเวณตอนกลางของภาคตะวันออกยังมีความเป็นป่าอยู่ อำเภอท่าตะเกียบยังไม่มีปรากฏในแผนที่เลย
  
ผมผ่านไปแถวท่าตะเกียบเป็นครั้งแรกก็กว่าสิบปีแล้ว ตอนนั้นเพื่อแวะไปเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติเขาอ่างฤาไนย จนเมื่อปลายปี ๒๕๕๓ เมื่อแวะไปอีกครั้งก็พบว่าเส้นทางที่เคยขับรถนั้นโดนน้ำท่วมไปแล้ว (รูปที่ ๑๑ และ ๑๒) เนื่องจากโครงการอ่างเก็บน้ำคลองสียัดสร้างเสร็จ น้ำที่สะสมเอาไว้ในอ่างก็ท่วมเส้นทางเดิมจนมิด จนต้องมีการตัดเส้นทางใหม่อ้อมบริเวณที่น้ำท่วม (รูปที่ ๓)
  
มาสงกรานต์ปีนี้ หลังจากไปแวะนอนระยองมาคืนนึง ต่อด้วยเขาสอยดาวอีกคืน ขากลับก็วางแผนขับจากเขาสอยดาวขึ้นไปทางเหนือจนถึงวังสมบูรณ์ จากนั้นก็ตัดออกทางตะวันตกมุ่งผ่านเขาอ่างฤาไนยเข้าสู่ท่าตะเกียบ ที่เลือกเส้นทางนี้ก็เพราะไม่ต้องการอ้อมขึ้นไปเหนือแล้ววงลงใต้ใหม่ อีกอย่างก็คืออยากแวะดูบรรยากาศข้างทางเส้นทางสายรองดูบ้าง
  
พอเข้าเขตท่าตะเกียบก็คิดจะแวะพักกินน้ำแข็งไสร้านข้างทางที่อยู่ทางริมทางสาย ๓๒๕๙ ด้านตะวันออกของอ่างเก็บน้ำ ตอนที่แวะไปที่นั่นเมื่อปลายปี ๒๕๕๓ นั้น ก็จอดรถแวะพักกินน้ำแข็งไสที่ร้านนี้ พร้อมกับชมธรรมชาติเส้นทางถนนหายไปในอ่างเก็บน้ำ แต่พอแวะไปปีนี้ก็ไม่มีร้านดังกล่าวแล้ว แต่ได้เห็นอย่างอื่นแทน
  
นั่นก็คือถนนสายที่จมน้ำไปแล้ว กลับโผล่ขึ้นมาใหม่ เพราะน้ำในอ่างมันลดต่ำลงไปเยอะ
รูปที่ ๒ แผนที่ภาคตะวันออกในปัจจุบัน โดนบุกรุกเข้าไปทำสวนยาง สวนผลไม้ ไร่มันสำปะหลัง ฯลฯ กันเต็มไปหมด จนช้างป่าต้องมาหาอาหารกินในไร่ในสวนของชาวบ้าน ช้างมันไม่ได้บุกรุกที่ทำกินของชาวบ้านหรอก ชาวบ้านต่างหากที่ไปบุกรุกที่ทำกินของช้าง บริเวณอ่างเก็บน้ำคลองสียัดอยู่ที่อำเภอท่าตะเกียบในกรอบสีส้มที่แสดงในรูป

รูปที่ ๓ รูปนี้เป็นภาพถ่ายดาวเทียม ทางหลวงสาย 3259 เดิมจะอยู่ตรงแนวเส้นสีเหลือง แต่พอสร้างเขื่อนกั้นน้ำทำให้เส้นทางช่วงหนึ่งจมใต้น้ำ เลยต้องมีการสร้างเส้นทางใหม่เลี่ยงอ้อมทางด้านใต้ เส้นทางที่ไปถ่ายรูปมาเมื่อวันพุธที่ ๑๖ ที่ผ่านมาคือเส้นทางช่วงแนวเส้นสีเหลืองที่จมน้ำไป พอน้ำแห้งมันก็เลยโผล่ขึ้นมาใหม่
  
รูปที่ ๔ คราวนี้ขับรถจากด้านตะวันตกไปทางตะวันออก (ขวาไปซ้ายในรูปที่ ๓) ผ่านโรงพยาบาลท่าตะเกียบมาได้สักหน่อยจะเจอป้ายเตือนว่าอีก 1.5 กิโลเมตรมีน้ำท่วมทาง

รูปที่ ๕ ขับรถมาในถนนที่เคยจมน้ำ มองไปด้านซ้ายเป็นบริเวณพื้นที่ที่น้ำท่วมถึง เห็นตอไม้ใหญ่ที่เขาตัดไปก่อนน้ำท่วมถึง ตอนนี้หญ้าขึ้นเขียวขจีแสดงว่าค่อนข้างแล้ง ทั้ง ๆ ที่เมื่อเดือนตุลาคม ๒๕๕๖ ที่ผ่านมายังมีข่าวอยู่เลยว่าน้ำมากจนล้นเขื่อนออกทาง spillway
รูปที่ ๖ ขับมาเรื่อย ๆ จนเห็นสะพานข้ามคลองสียัดเดิมทอดตัวอยู่ข้างหน้า พื้นถนนแม้ว่าจะจมน้ำมานานแต่ก็ยังมียางมะตอยปกคลุมอยู่ เว้นแต่มีหลุมบางแห่ง ส่วนไหล่ทางก็ยังดูดีอยู่

รูปที่ ๗ สะพานข้ามคลองสียัดเดิม ตัวคอนกรีตมีร่องรอยการผุกร่อนไปบ้าง ผิวไม่เรียบเหมือนเดิม
 
รูปที่ ๘ ข้ามพ้นมายังอีกฝั่งของสะพาน ถนนทางด้านนี้ยางมะตอยหายไปหมดแล้ว (ไม่รู้เหมือนกันว่าหายไปเพราะอะไร) เหลือแต่ผิวดินลูกรังและหินคลุก
 
รูปที่ ๙ กำลังจะขึ้นฝั่งตะวันตก บริเวณที่น้ำขึ้นสูงสุดคือบริเวณที่เลยแนวถนนลาดยางสิ้นสุดขึ้นไปหน่อย ในกรอบสีเหลืองคือเสาไฟฟ้าสองต้นที่จะใช้เป็นจุดเทียบอ้างอิงระดับน้ำกับรูปที่ ๑๒
 
รูปที่ ๑๐ พ้นมาอีกฝั่งหนึ่งแล้วก็เลยขอมองย้อนกลับไปสักหน่อย


รูปที่ ๑๑ รูปนี้ถ่ายเอาไว้เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ คราวนั้นขับรถจากด้านตะวันออกไปยังด้านตะวันตก เป็นช่วงที่เขื่อนสียัดเพิ่งจะสร้างเสร็จได้ไม่นาน เพราะก่อนหน้านั้นเคยผ่านไปเส้นทางดังกล่าว ก็ยังไม่เห็นว่าจะมีอะไร

รูปที่ ๑๒ ถ่ายเอาไว้ในวันเสาร์ที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ เช่นเดียวกัน พอขับเลยป้ายในรูปที่ ๑๑ มาสักหน่อยก็จะพบกับเส้นทางที่หายไปในอ่างเก็บน้ำ ภาพนี้เป็นการมองจากด้านตะวันออกไปยังด้านตะวันตกในทิศทางเดียวกับรูปที่ ๑๐ แต่รูปนี้จะอยู่สูงกว่า ดูได้จากเสาไฟฟ้าทางด้านขวาของรูปในกรอบสีเหลืองเทียบกับรูปที่ ๙

วันนั้นก็เลยถือโอกาสขับรถไปพร้อมกับถ่ายรูปเส้นทางดังกล่าวไปเรื่อย ๆ เพราะเชื่อว่าเส้นทางนี้คงจะไม่มีการซ่อมบำรุงใด ๆ อีกแล้ว และเชื่อว่าแต่ละครั้งที่มันโดนน้ำท่วมและลดแห้งลง สภาพเส้นทางก็คงจะทรุดโทรมลงเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็รถก็คงจะไม่สามารถวิ่งผ่านได้ และน่าจะเหลือแต่สิ่งก่อสร้างที่เคยเป็น "สะพานข้ามคลองสียัด" ที่เป็นสิ่งเตือนให้รู้ว่าบริเวณดังกล่าวนั้นเคยมีถนนตัดผ่าน

ท้ายสุดนี้ก็ขอแสดงความยินดีกับสายน้อยร้อยห้าสิบเซนต์จากเมืองวัดป่ามะม่วงและสาวน้อยร้อยห้าสิบเซนต์จากเมืองโอ่งมังกร ที่ผ่านการสอบปกป้องวิทยานิพนธ์ไปได้ด้วยดี แต่ก็อย่าลืมทำการทดลองที่ติดค้างอยู่ให้เสร็จด้วยก็แล้วกัน ส่วนอีกสองคนที่เหลือก็อดทนหน่อย เหลือเวลาอีกเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นเอง ก็จะเป็นการพิสูจน์ตนเองว่าสิ่งที่ได้ศึกษาและลงมือปฏิบัติมาตลอดเวลา ๒ ปีนั้น จะส่งผลอย่างไร

ไม่มีความคิดเห็น: