ในการวัดปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์
(CO2)
ด้วยเครื่องแก๊สโครมาโทกราฟและใช้คอลัมน์
molecular
sieve 5A นั้น
สิ่งหนึ่งที่เป็นที่ทราบคือถ้าหากตัวอย่างมีไอน้ำ
(H2O)
ผสมอยู่
และอุณหภูมิของคอลัมน์ต่ำเกินไป
ไอน้ำนั้นจะสะสมอยู่ในคอลัมน์
และถ้าสะสมไว้มากก็จะทำให้ความแรงของพีค
CO2
นั้นลดลงไปเรื่อย
ๆ จนกระทั่งไม่ปรากฏได้
(ทั้ง
ๆ ที่ฉีด CO2
ในปริมาณเท่าเดิม)
ดังนั้นถ้า
CO2
เป็นสารตั้งต้นของปฏิกิริยา
(เช่นในปฏิกิริยา
dry
reforming) ก็จะเห็น
CO2
ด้านขาออกต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
ก็จะทำให้หลงเข้าใจผิดได้ว่าได้ค่า
conversion
สูง
ในทางกลับกันถ้าCO2
เป็นผลิตภัณฑ์ของปฏิกิริยา
(เช่นในปฏิกิริยา
oxidation
สารอินทรีย์)
ก็จะทำให้แปลผลผิดได้ว่าได้ค่า
conversion
ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
ดังนั้นในกรณีที่ตัวอย่างนั้นมีน้ำปะปนอยู่
ก็ต้องปรับตั้งเครื่อง GC
เพื่อให้มั่นใจว่าน้ำนั้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อขนาดพื้นที่พีค
CO2
ที่วัดได้
อย่างน้อยก็ในช่วงเวลาที่ทำการวิเคราะห์
และควรต้องมีการ regenerate
(ฟื้นคืนสภาพ)
คอลัมน์เป็นระยะด้วย
โดยไม่ต้องรอให้พีค CO2
หายไปก่อน
รูปที่
๑-๓
แสดงตัวอย่างการวิเคราะห์ปริมาณ
CO2
ที่ทางกลุ่มเราทำการทดลองในวันศุกร์ที่
๑๙ พฤศจิกายนที่ผ่านมา
โดยใช้เครื่องแก๊สโครมาโทกราฟ
Shimadzu
GC-8A ติดตั้ง
Thermal
Conductivity Detector (TCD) ตั้งอุณหภูมิ
TCD
ไว้ที่
130ºC
กระแส
TCD
ตั้งไว้ที่
120
mA ส่วนอุณหภูมิคอลัมน์ตั้งไว้ที่
210ºC
อัตราการไหลของ
He
ที่ใช้เป็น
carrier
gas 40 ml/min ทั้งสองคอลัมน์
คอลัมน์ที่ใช้วิเคราะห์คือ
molecular
sieve 5A 60/80 mesh เส้นผ่านศูนย์กลาง
3
mm ยาว
6
ฟุต
คอลัมน์อ้างอิงคือ UNIBEED
C 60/80 mesh เส้นผ่านศูนย์กลาง
3
mm ยาว
6
ฟุต
เหตุการณ์เริ่มจากวันพฤหัสบดีที่
๑๙ ที่ได้ทำการทดลองฉีดสารละลาย
NaHCO3
เข้มข้น
1
mol/l ปริมาตร
10 microlitre ในช่วงเช้า
พบว่าได้พื้นที่พีคออกมาประมาณ
100000
หน่วย
จากนั้นพบว่าเกิดปัญหาพื้นที่พีคมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก
และจากการตรวจสอบพบว่าปัญหาเกิดจากการมีฟองแก๊สเกิดขึ้นใน
syringe
(ที่เล่าไว้ใน
Memoir
ฉบับวันเสาร์ที่
๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ที่ผ่านมา)
และหลังจากปรับแก้ปัญหาฟองอากาศแล้ว
พบว่าพื้นที่พีคที่ได้จากการฉีดสารตัวอย่างปริมาตรเดียวกันนั้นออกมาใกล้กัน
แต่พื้นที่พีคที่ได้จากการวัดในช่วงบ่ายวันนั้นนั้น
"ต่ำกว่า"
ค่าที่วัดได้ในช่วงเช้าอยู่มาก
(คือช่วงบ่ายพื้นที่จากระดับ
100000
เหลือประมาณ
370000
หรือเพียงแค่
1
ใน
3
เท่านั้น)
หลังจากเปิดเครื่องทิ้งไว้ทั้งคืนโดยคงอุณหภูมิคอลัมน์ไว้ที่
210ºC
แล้วมาทำการทดลองใหม่ซ้ำเดิมในเช้าวันศุกร์พบว่าพื้นที่พีคที่ได้นั้นกลับมีค่ามากขึ้นไปเท่ากับค่าที่วัดได้ในช่วงเช้าวันพฤหัสบดี
แต่เมื่อทำการฉีดสารตัวอย่างซ้ำปริมาตรเดิม
(คือฉีด
5 microlitre 3 ครั้ง
(รูปที่
๑)
ตามด้วย
3 microlitre 3 ครั้ง
(รูปที่
๒)
และ
7 microlitre 3 ครั้ง
(รูปที่
๓)
ส่วนเวลาที่ทำการฉีดสารตัวอย่างดูได้จากโครมาโทแกรม)
พบว่าพื้นที่พีคที่ได้นั้นมีแนวโน้มลดต่ำลงเรื่อย
ๆ ในขณะที่แนวเส้น base
line นั้นมีแนวโน้มเคลื่อนต่ำลงอย่างช้า
ๆ ตลอดเวลา
การแก้ปัญหาเบื้องต้นด้วยการเพิ่มอุณหภูมิคอลัมน์ขึ้นอีก
10ºC
และลดปริมาตรตัวอย่างที่ฉีดลงเหลือระดับต่ำกว่า
1 microlitre
ที่ได้กระทำไปเมื่อเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมา
ทำให้ดูเหมือนว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดจากน้ำได้
แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องรอผลการทดลองยืนยันที่จะต้องกระทำกันต่อไป
รูปที่
๒ โครมาโทแกรมจากการฉีดสารละลาย
NaHCO3
1 mol/l 3 microlitre
รูปที่
๓ โครมาโทแกรมจากการฉีดสารละลาย
NaHCO3
1 mol/l 7 microlitre
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น