"เกียร์ยิ้ม"
จะเรียกว่าเป็นจดหมายข่าวหรือหนังสือพิมพ์ก็ตามแต่
จัดทำโดยชุมนุมวิชาการ
คณะวิศวกรรมศาสตร์
ส่วนใครเป็นคนริเริ่ม
และเริ่มทำเมื่อใดนั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน
และเลิกทำไปตั้งแต่เมื่อใดนั้นผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน
รู้แต่ว่าไม่มีการจัดทำมานานแล้ว
แต่ช่วงปีการศึกษา ๒๕๒๗-๒๕๓๐
ซึ่งเป็นช่วงที่ผมกำลังศึกษาอยู่นั้น
มีการจัดทำตลอด
โดยในแต่ละปีการศึกษามีการทำออกมาจำได้ว่ามากกว่า
๑ ฉบับ แต่จะมีกี่ฉบับนั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน
และฉบับที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดคือฉบับแรกในปีการศึกษานั้น
เพราะจะเป็นฉบับแนะนำน้องใหม่ที่เป็นนิสิตหญิงว่าเป็นใครมาจากไหน
รูปร่างของเกียร์ยิ้มก็มีหลายแบบ
มีทั้งแบบเป็นแผ่นพับ
คือพิมพ์ลงบนกระดาษแผ่นใหญ่
ๆ แล้วพับทบให้เล็กลงมาเหลือขนาดประมาณเล็กกว่ากระดาษ
A4
หน่อยนึง
และมีแบบหลายแผ่นพับซ้อนกันอยู่แบบหนังสือพิมพ์
ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นคนทำและมีเรื่องลงมากน้อยเท่าใด
มิถุนายนนี้ก็จะเป็นการครบรอบ
๓๐ ปี Intania
68 (เข้าเรียนปีการศึกษา
๒๕๒๗)
ก็เลยขอนำเอาเกียร์ยิ้มฉบับต้อนรับปีการศึกษา
๒๕๒๗ มาให้ดู
เพราะผมเห็นว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารบันทึกเหตุการณ์หนึ่งของประวัติศาสตร์คณะของเรา
โดยมีนิสิตเป็นคนจัดทำ
ประวัติศาสตร์ส่วนนี้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวชีวิตนิสิตที่ใช้ชีวิตอยู่ในมหาวิทยาลัย
ซึ่งเป็นส่วนที่เอกสารทางราชการไม่มีการบันทึกไว้
ฉบับที่ผมมีเก็บไว้ขณะนี้กระดาษก็เริ่มเหลืองกรอบแล้ว
พลิกเปิดทีก็ต้องระวังขาด
ไม่รู้ว่ามันจะอยู่ไปได้อีกนานเท่าใด
และไม่รู้เหมือนกันว่ายังมีคนเก็บเอาไว้อีกกี่ฉบับ
เลยขอนำมาเผยแพร่ในที่นี้เพื่อให้คนรุ่นหลังได้มีการรับรู้ว่าในช่วงเวลาหนึ่งของคณะวิศวกรรมศาสตร์ของเรา
มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นบ้าง
สิ่งหนึ่งที่น่าเสียดายก็คือไม่ได้มีการลงชื่อว่าใครเป็นผู้จัดทำ
บอกแต่เพียงว่าเป็นพี่ ๆ
ชุมนุมวิชาการ
รุ่นผมนั้นผ่านการสอบเอนทรานซ์ทั้งสิ้น
๔๒๗ คน เป็นนิสิตหญิง ๓๒ คน
ตอนนั้นก็เรียกว่าเยอะ
เพราะเป็นครั้งแรกที่มีจำนวนนิสิตหญิงเกิน
๓๐ คน เป็นรุ่นแรกที่เปลี่ยนระบบการศึกษาจาก
มัธยมศึกษาปีที่ ๑-๕
(หรือ
ม.ศ.
๑
-
ม.ศ.
๕)
มาเป็นมัธยม
๑-๖
(ม.
๑
-
ม.
๖)
เป็นรุ่นแรกที่คณะวิศวกรรมศาสตร์เปลี่ยนวิธีการเลือกภาค
โดยให้นิสิตเรียนปี ๑
ร่วมกันก่อน ๑ ปี
จากนั้นจึงเอาคะแนนเรียนมาใช้ในการจัดอันดับเลือกภาค
ช่วงที่เรียนอยู่นั้น
กว่าจะเสร็จสิ้นงานรับน้องก็หลังงานรับปริญญา
ที่จัดขึ้นเป็นประจำประมาณช่วงสัปดาห์ที่สองของเดือนกรกฎาคม
เสร็จสิ้นงานรับน้องได้สัปดาห์เดียวก็มีการสอบกลางภาค
(สมัยนั้นงานรับน้องยังกินเหล้ากันหนัก)
ผลสอบกลางภาคออกมารุ่นผมคะแนนระเนระนาดเป็นแถว
จำได้ว่าประกาศผลสอบเทอมแรก
เกรดเฉลี่ยต่ำกว่า ๒.๐๐
กันกว่าครึ่งชั้นปี
เรียนจบภายใน
๔ ปีกันประมาณ ๓๐๐ คนได้
(เสียชีวิตระหว่างการศึกษา
๑ คน)
จำได้ว่ามีผู้ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งจำนวน
๗ คน โดยคนที่ได้คะแนนสูงสุดเป็นนิสิตหญิง
ได้เกียรตินิยมอันดับสองราว
๒๐ คนเศษ
ถ้าเอกสารราชการเป็นการบันทึกข้อมูลและสถิติ
เกียร์ยิ้มก็คงเป็นเอกสารที่บันทึกอารมณ์และความรู้สึกและความรู้สึกของผู้คนในช่วงขณะเวลานั้น
ๆ
เกียร์ยิ้มฉบับต้อนรับปีการศึกษา ๒๕๒๗ คลี่ออกมาก็มีหน้าตาอย่างนี้ อันนี้ใช้การถ่ายรูปเป็นรูปสีก็เลยเห็นสีกระดาษที่มันเหลืองกรอบแล้ว ส่วนรูปที่เป็นภาพแต่ละส่วนนั้นใช้การสแกนเอา บันทึกภาพเป็น grey scale สีมันก็เลยแตกต่างไปหน่อย
รูปนี้เข้าหอประชุม ยังแต่งชุดนักเรียนกันอยู่เลย เห็นได้ชัดจากนักเรียนหญิงที่นั่งแถวหน้า ยังใส่รองเท้านักเรียนกันอยู่เลย
สมัยนั้นชุมนุมวิชาการอยู่บนชั้นสองของตึกกิจกรรม ที่เป็นตึกที่ทำการสมาคมนิสิตเก่าในปัจจุบัน ในส่วนของห้องประชุมใหญ่บนชั้นสอง ส่วนชั้นล่างของตึกห้องด้านหันออกลานเกียร์ (ปัจจุบัน) คือห้องพักนิสิตหญิง ก่อนถูกเปลี่ยนไปเป็นร้านกาแฟและห้องรับประทานอาหารติดแอร์ ก่อนที่จะมีการรื้อโรงอาหารเก่าทิ้งและสร้างใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น