เนื้อหาในตอนนี้เป็นตอนต่อจาก
Memoir
ปีที่
๗ ฉบับที่ ๘๗๒ วันพฤหัสบดีที่
๒ ตุลาคม ๒๕๕๗ เรื่อง "หายนะที่ Bhopal กับปฏิกิริยาเคมีที่เกิด ตอนที่ ๑ ปฏิกิริยาระหว่าง Methyl isocyanate กับน้ำ"
สารเคมีจำนวนไม่น้อยที่สามารถเกิดปฏิกิริยากับโมเลกุลของพวกเดียวกันเองเมื่ออยู่ในสภาวะที่เหมาะสม
เช่นเมื่ออุณหภูมิสูงพอและ/หรือมีตัวเร่งปฏิกิริยาร่วมด้วย
ตัวอย่างของปฏิกิริยาเช่นนี้ได้แก่
๑.
ปฏิกิริยาการสลายตัว
(decomposition)
ที่มักเกิดกับสารที่มีค่า
Enthalpy
of formation สูง
เช่น อะเซทิลีน (C2H2)
เอทิลีนออกไซด์
(C2H4O)
เอทิลีน
(C2H4)
เป็นต้น
ในการสลายตัวของสารเหล่านี้จะมีการปลดปล่อยพลังงานความร้อนออกมา
๒.
ปฏิกิริยาการรวมตัวกันหรือต่อเข้าด้วยกันเป็นโมเลกุลใหญ่ขึ้น
ปฏิกิริยาเช่นนี้มักเกิดกับสารที่มีพันธะไม่อิ่มตัวอยู่ในโมเลกุล
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือพันธะ
C=C
ของพวกโอเลฟินส์ต่าง
ๆ ที่เรานำมาผลิตเป็นพอลิเมอร์พอลิโอเลฟินส์ต่าง
ๆ
อีกพวกหนึ่งที่เกิดปฏิกิริยาเช่นนี้ได้คือพวกที่มีหมู่ฟังก์ชันที่สามารถหลอมรวมกับหมู่ฟังก์ชันของอีกโมเลกุลหนึ่งได้
มากกว่า ๑ หมู่ในโมเลกุลเดียว
เช่นพวกไกลคอลหรืออีพอกไซด์
ปฏิกิริยาการต่อโมเลกุลเล็ก
ๆ
เข้าด้วยกันเป็นโมเลกุลที่ใหญ่ขึ้นนั้นก็เป็นปฏิกิริยาคายความร้อนเช่นเดียวกัน
ปฏิกิริยาระหว่าง
MIC
(Methyl isocyanate) กับน้ำเป็นปฏิกิริยาคายความร้อน
ปริมาณความร้อนที่เกิดจะขึ้นอยู่กับปริมาณสารตั้งต้นตัวที่มีน้อยที่สุด
อย่างเช่นกรณีการเกิดอุบัติเหตุที่
Bhopal
น้ำเป็นสารตั้งต้นที่มีจำกัด
ดังนั้นปริมาณความร้อนที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาระหว่าง
MIC
กับน้ำจะถูกจำกัดเอาไว้ด้วยปริมาณน้ำที่รั่วไหลเข้าไปในถังเก็บ
แต่ความร้อนที่เกิดจากปฏิกิริยาการรวมตัวกันเองของ
MIC
นั้นถูกจำกัดเอาไว้ด้วยปริมาณ
MIC
ทั้งหมดที่มีอยู่ในถัง
ซึ่งปริมาณ MIC
ที่เหลือจากการทำปฏิกิริยากับน้ำมีมากกว่าปริมาณมากกว่าปริมาณที่ทำปฏิกิริยากับน้ำได้พอดีอยู่มาก
ดังนั้นในกรณีของอุบัติเหตุที่
Bhopal
จึงมีคำถามหนึ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ
"ความร้อนและ/หรือผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาระหว่าง
MIC
กับน้ำ
สามารถไปกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาการหลอมรวมตัวกันของ
MIC
ได้หรือไม่"
เนื้อหาใน
Memoir
ฉบับนี้นำมาจากเอกสารที่มีชื่อว่า
"Review
of Methyl isocyanate (MIC) production at the Union Carbide Facility
Institute, West Virginia, April 15, 1985"
โดยมีคำบรรยายว่าเป็นรายงานของ
Federal-State
Task Force Report Reivew of Methyl Isocyanate (MIC) Production at the
Union Carbide Corporation Facility Instutute, West Virgiania โดยใน
Attachment
I ของเอกสารฉบับนี้ได้นำเอาเอกสารเรื่อง
"Bhopal
methyl isocyanate incident investigation team report : March, 1985,
Union Carbide Corporation, Danbury, Connecticut" มาแนบไว้
(ดูเหมือนว่า
Attachment
I เป็นรายงานฉบับที่จัดทำขึ้นโดย
Union
Carbide)
เข้าใจว่าสาเหตุที่ต้องมีการตรวจสอบก็เพราะโรงงานในสหรัฐอเมริกาและที่
Bhopal
นั้นเป็นโรงงานผลิตรูปแบบเดียวกัน
ดังนั้นถ้าสาเหตุที่ Bhopal
เกิดจากการผิดพลาดในการออกแบบ
ก็จะกระเทือนมาถึงโรงงานอื่นที่มีรูปแบบโรงงานแบบเดียวกันด้วย
สำหรับบริษัทที่ขายเทคโนโลยีเกี่ยวกับกระบวนการผลิต
เมื่อมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นก็จำเป็นที่จะต้องมีการสอบสวนหาสาเหตุที่เกิดว่าเกิดจากอะไร
เช่น
-
เกิดจากความผิดพลาดในการปฏิบัติงานของพนักงานปฏิบัติงาน
-
เกิดจากความผิดพลาดในการก่อสร้างและ/หรือความไม่เรียบร้อยในการซ่อมบำรุง
-
เกิดจากสิ่งปฏิกิริยาเคมีที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเกิดขึ้นได้ในช่วงเวลาที่ผ่านมา
ทำให้ไม่รวมอยู่ในการออกแบบ
-
เกิดจากการก่อวินาศกรรม
-
ฯลฯ
ถ้าเป็นความผิดพลาดที่เกิดจากการปฏิบัติงานหรือการซ่อมบำรุง
หรือจากการก่อวินาศกรรม
ทางบริษัทที่ขายเทคโนโลยีกระบวนการผลิตก็มีข้อแก้ตัวได้ว่าไม่ใช่ความผิดเนื่องจากการออกแบบของเขา
(ทั้ง
ๆ
ที่ในความจริงอาจสามารถทำการออกแบบเพื่อป้องกันหรือลดความผิดพลาดเนื่องจากการปฏิบัติงานให้ลดต่ำลงได้)
แต่ถ้าพบว่าเกิดขึ้นจากปฏิกิริยาเคมีที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเกิดขึ้นได้
หรือเกิดจากความผิดพลาดในการออกแบบ
มันจะกระเทือนถึงโรงงานทุกโรงงานที่ใช้เทคโนโลยีกระบวนการผลิตแบบเดียวกัน
ที่อาจต้องหยุดเดินเครื่องเพื่อทำการปรับปรุง
หรืออาจถึงขั้นต้องหาเทคโนโลยีอื่นมาใช้แทน
ที่เห็นได้ชัดคือเวลาที่มีเครื่องบินโดยสารตก
จำเป็นต้องมีการรีบหาสาเหตุของการตกนั้น
เพราะถ้าสาเหตุนั้นเกิดจากความผิดพลาดในการออกแบบ
จะได้รีบทำการแก้ไขก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุแบบเดียวกันขึ้นมาอีก
และจำเป็นต้องห้ามไม่ให้เครื่องบินรุ่นนั้นขึ้นบิน
จนกว่าความบกพร่องที่เป็นสาเหตุทำให้เครื่องบินตกนั้นได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว
และถ้าเครื่องบินของผู้ผลิตรายใดประสบกับปัญหาเช่นนี้บ่อยครั้ง
ก็จะส่งผลถึงความน่าเชื่อถือในผลิตภัณฑ์ของผู้ผลิตนั้นด้วย
ก่อนอื่น
เรามาพิจารณาปฏิกิริยาการหลอมรวมตัวกันของ
MIC
ก่อน
-
ปฏิกิริยาการสลายตัว
(หรือการรวมตัวกันเอง)
ของ
methyl
isocyanate
ในสภาวะที่มีตัวเร่งปฏิกิริยาที่เหมาะสม
โมเลกุลของ MIC
หลายโมเลกุลสามารถต่อรวมกันเป็นโมเลกุลที่ใหญ่ขึ้นได้
โดยการเชื่อมต่อโมเลกุลนี้จะมีการคายพลังความร้อนออกมา
และหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นจากการต่อโมเลกุล
MIC
เข้าด้วยกันเกิดจาก
MIC
3 โมเลกุลรวมตัวกันเป็นสารประกอบ
trimer
ที่เป็นวงที่มีชื่อว่า
Trimethyl
isocyanurate
และตัวเร่งปฏิกิริยาตัวหนึ่งที่สามารถทำให้เกิดการเชื่อมต่อโมเลกุล
MIC
เกิดเป็น
trimer
ดังกล่าวได้ก็คือไอออนของโลหะเหล็ก
Fe3+
ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่เป็น
Lewis
acid (ดูข้อความในเอกสารที่แนบมาหน้า
๑๗)
ด้วยเหตุนึ้
MSDS
(Material Safety Data Sheet) ของ
MIC
จึงไม่แนะนำให้เก็บ
MIC
ในถังเหล็กกล้า
(Steel
drum) เพราะเหล็กกล้าอาจขึ้นสนิมทำให้เกิดไอออน
Fe3+
ได้
ถ้าจะเก็บในถังเหล็กกล้าก็ต้องมีการบุภายใน
(ที่เรียกว่า
lining)
ด้วยวัสดุที่ไม่ทำปฏิกิริยากับ
MIC
หรือเกิดการเสื่อมสภาพที่ทำให้เกิดสารประกอบที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาการรวมตัวเป็น
trimer
ของ
MIC
ได้
หรือไม่ก็ต้องเก็บ
MIC
ในถังเหล็กกล้าไร้สนิม
(Stainless
steel)
แต่เนื่องจากมีการตรวจพบการเกิด
trimer
ในสารที่หลงเหลืออยู่ในถังเก็บในปริมาณที่มาก
คิดเป็นสัดส่วนประมาณครึ่งหนึ่งของสารที่ค้างอยู่ในถังเก็บ
(ดูรายงานหน้า
๑๔)
จึงทำให้ต้องมีการตรวจสอบว่าสารประกอบเหล็กที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาดังกล่าว
เข้าไปอยู่ในถังเก็บได้อย่างไร
(รายงานของ
Union
Carbide เองก็กล่าวไว้ว่าแม้ว่าจะพบ
trimer
ในปริมาณที่มากที่สุด
แต่ก็ยังมีสารตัวอื่นปะปนอยู่ด้วยอีก
ทำให้การอธิบายการเกิดสารต่าง
ๆ
ที่ตรวจพบจากตัวอย่างที่เก็บมาได้นั้นจำเป็นต้องใช้ปฏิกิริยาเคมีที่ซับซ้อนมาอธิบาย
และยังได้ทำการทดลองจำลองเหตุการณ์เพื่อหาว่าสมมุติฐานที่ตั้งขึ้นมานั้นสามารถทำให้เกิดผลลัพท์ดังที่ตรวจพบในที่เกิดเหตุได้หรือไม่ด้วย)
เหล็กกล้าไร้สนิม
(Stainless
steel) นั้นแม้ว่าจะทนต่อการกัดกร่อนได้ดีกว่าเหล็กกล้าธรรมดา
(Steel)
แต่เหล็กกล้าไร้สนิมก็มีจุดอ่อนเหมือนกันคือสามารถถูกกัดกร่อนได้ด้วยแก๊สคลอรีน
(Cl2)
ที่ชื้น
(ที่เล่นงานเหล็กกล้าไร้สนิมได้โดยตรง)
หรือด้วยคลอไรด์ไอออน
(Cl-)
ในน้ำด้วยรูปแบบการกัดกร่อนที่ทำให้เกิดเป็นหลุมลึกหรือที่เรียกว่า
pitting
ได้
ปัญหาการเกิดการกัดกร่อนแบบ
pitting
นี้มักเกิดถ้าหาก
ณ บริเวณใดบริเวณหนึ่งบนผิวโลหะมีความเข้มข้นของ
Cl-
สูงมากกว่าบริเวณอื่น
จะทำให้เกิดเป็นเซลล์ไฟฟ้าเคมีเนื่องจากผลต่างความเข้มข้น
ตรงนี้ขอกลับมาทบทวนเรื่องเซลล์ไฟฟ้าเคมีสักนิดนึง
การเกิดเซลล์ไฟฟ้าเคมีนั้นไม่จำเป็นที่ขั้วโลหะสองขั้วนั้นต้องทำจากโลหะต่างชนิดกัน
เซลล์ไฟฟ้าเคมียังสามารถเกิดจากขั้วโลหะที่ทำจากโลหะชนิดเดียวกันที่จุ่มอยู่ในสารละลายอิเล็กโทรไลต์ชนิดเดียวกัน
แต่ความเข้มข้นของสารละลายอิเล็กโทรไลต์
ณ บริเวณขั้วโลหะสองตำแหน่งนั้นแตกต่างกันได้
เช่นในกรณีของถังเก็บน้ำสแตนเลส
(ชื่อที่เราเรียกกันติดปากสำหรับเหล็กกล้าไร้สนิม)
ที่ใช้เก็บน้ำประปานั้น
ถ้าหากในถังนั้นไม่มีตะกอนใด
ๆ ตกค้างอยู่และน้ำมีการไหลหมุนเวียนอย่างทั่วถึง
จะไม่เกิดปัญหาการผุกร่อนของเหล็กสแตนเลส
แต่ถ้าหากมีตะกอนของแข็งตกค้างในถังและไม่มีการพัดชะพาออกไป
จะเกิดการผุกร่อนแบบ pitting
บริเวณที่มีของแข็งตกค้างอยู่เป็นเวลานานเนื่องจากความเข้มข้นของ
Cl-
บริเวณที่อยู่ใต้อนุภาคนั้นสูงกว่าบริเวณโดยรอบ
เนื้อโลหะจะผุเฉพาะตรงบริเวณใต้อนุภาคจนทะลุได้
โดยที่ไม่มีการผุกร่อนของเนื้อโลหะบริเวณรอบ
ๆ
ตามรายงานของ Union Carbide นั้นคาดการณ์ว่า การรั่วไหลของน้ำเข้าไปในถังเก็บ MIC ที่มี chloroform ปนอยู่ ทำให้ chloroform เกิดการสลายตัวเนื่องจากความร้อนที่เกิดจากปฏิกิริยาระหว่างน้ำกับ MIC ทำให้เกิด Cl- และ HCl ขึ้นได้ และสารสองตัวนี้ต่างก็เป็นตัวที่สามารถกัดกร่อนเหล็กกล้าไร้สนิมทำให้เกิดเป็นสารประกอบ FeCl3 (Ferric chloride หรือ Iron (III) chloride) ที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่ทำให้โมเลกุล MIC รวมตัวกันเป็น trimer ได้
ในสารคดี
Second
from disaster
ที่มีการสัมภาษณ์ผู้สอบสวนทางฝ่ายอินเดียนั้นก็มีการกล่าวถึงการพบสารประกอบของเหล็กและผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการรวมตัวกันของ
MIC
เช่นกัน
และเนื่องจากในถังเก็บนั้นยังมี
MIC
ที่ไม่ได้ทำปฏิกิริยากับน้ำอยู่อีกเป็นจำนวนมาก
ดังนั้นโดยความเห็นส่วนตัวแล้วคาดว่าปฏิกิริยานี้น่าจะเป็นปฏิกิริยาหลักที่ทำให้เกิดความร้อนสูงจนทำให้
MIC
รั่วไหลอย่างต่อเนื่องออกมาจากถังเก็บนานถึง
๒ ชั่วโมงได้
ดังนั้นเหตุการหายนะที่
Bhopal
จึงพอจะสรุปลำดับสั้น
ๆ ได้ดังนี้
-
มี
chloroform
ปนเปื้อนในปริมาณสูงในถังเก็บ
MIC
(น่าจะเป็นจากความบกพร่องในการปฏิบัติงาน)
- มีน้ำรั่วไหลเข้าไปในถังเก็บ MIC (สาเหตุไม่เด่นชัดว่าเกิดจากเหตุใด)
- ความร้อนจากปฏิกิริยาระหว่าง MIC กับน้ำทำให้ chloroform สลายตัว เกิด HCl และ Cl- ที่กัดกร่อนเหล็กกล้าไร้สนิมที่ใช้ทำถังเก็บได้ ทำให้เกิดสารประกอบ FeCl3 ที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่ทำให้โมเลกุล MIC ต่อรวมกันเป็น trimer ได้
- ปฏิกิริยาการรวมตัวกันของ MIC เป็น trimer ปลดปล่อยความร้อนออกมาเพิ่มขึ้น เท่ากับเป็นการเร่งปฏิกิริยาการกัดกร่อนถังเก็บและการรวมตัวกันของ MIC และปฏิกิริยาปลีกย่อยอื่น ๆ ที่ต่างเป็นปฏิกิริยาคายความร้อนตามมาอีก
- ความร้อนที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาต่าง ๆ ทำให้ MIC เดือดและเกิดผลิตภัณฑ์ที่เป็นแก๊ส ทำให้ความดันในถังเก็บเพิ่มสูงขึ้นจาก rupture disc แตกออก ทำให้แก๊สต่าง ๆ ที่อยู่ในถังเก็บระบายออกทางระบบระบายแก๊ส
-
อุปกรณ์นิรภัยของระบบระบายแก๊สไม่ว่าจะเป็น
wet
scrubber และ
flare
ไม่ทำงาน
แก๊สพิษจึงรั่วออกสู่ภายนอกโรงงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น