ในหนังสือ
Organic
chemistry ของ
Morrison
และ
Boyd
(ที่ผมยืมมาเป็นฉบับ
3rd
ed, 7th printing June 1976) กล่าวถึงปฏิกิริยา
Diels-Alder
ไว้ในบทของ
α,β-unsaturated
carbonyl compounds ว่าเป็นปฏิกิริยาระหว่าง
Diene
กับสารประกอบที่มีหมู่
carbonyl
(-CO-) ที่มีพันธะคู่ไม่อิ่มตัวระหว่างอะตอม
C
ตัวที่อยู่ถัดจากตัวที่มีหมู่
carbonyl
เกาะ
โดยพันธะคู่ดังกล่าวสามารถทำปฏิกิริยากับสารประกอบ
diene
(โครงสร้างที่มีพันธะเดี่ยวระหว่างอะตอม
C
1 พันธะ
ที่คั่นแยกพันธะคู่ 2
พันธะออกจากกัน)
ดังเช่นปฏิกิริยาระหว่าง
1,3-Butadiene
กับ
Acrolein
ในรูปที่
๑ ข้างล่าง
รูปที่
๑ ปฏิกิริยา Diels-Alderระหว่าง
1,3-Butadiene
กับ
Acrolein
กลายเป็นสารประกอบวง
6
เหลี่ยม
ปฏิกิริยานี้จะเกิดได้ง่ายขึ้นถ้าตัวสารประกอบที่มีพันธะคู่ที่เข้ามาทำปฏิกิริยากับ
diene
นั้น
หมู่ที่อยู่ถัดจากอะตอม C
ที่มีพันธะคู่นั้นเป็นหมู่ดึงอิเล็กตรอน
(electron
withdrawing group) เช่นหมู่
carbonyl
ในกรณีของ
acrolein
แต่ทั้งนี้ใช่ว่าถ้าไม่มีหมู่ดึงอิเล็กตรอนเข้าร่วมแล้วมันจะไม่เกิดปฏิกิริยา
มันก็เกิดได้เช่นเดียวกัน
เพียงแต่เกิดยากกว่าหน่อย
ดังเช่นในกรณีของ 1,3-Butadiene
กับ
Ethylene
กลายเป็น
Cyclehexeneในรูปที่
๒ ข้างล่าง
รูปที่
๒ ปฏิกิริยา Diels-Alderระหว่าง
1,3-Butadiene
กับ
Ethylene
กลายเป็น
Cyclohexene
Cyclohexene
ที่เกิดขึ้นก็สามารถเกิดปฏิกิริยา
Diels-Alder
กับสารประกอบ
diene
ต่อไปได้อีก
เช่นถ้ามันทำปฏิกิริยาต่อกับ
1,3-Butadiene
ก็จะกลายเป็นสารประกอบ
cyclic
compound ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นไปอีกดังแสดงในรูปที่
๓
รูปที่
๓ ปฏิกิริยา Diels-Alderระหว่าง
1,3-Butadiene
กับ
Cyclohexene
กลายเป็น
cyclic
compound ขนาดใหญ่ขึ้น
มาถึงจุดนี้เชื่อว่าหลายคนคงจะงงว่าขึ้นตั้งชื่อบทความว่าเป็นเรื่องคอมเพรสเซอร์
แต่ดันเริ่มต้นด้วยเคมีอินทรีย์
แล้วมันเกี่ยวข้องกันอย่างไร
ซึ่งในความเป็นจริงมันเกี่ยวข้องกัน
เพราะปฏิกิริยาดังกล่าวมันก่อปัญหาให้กับการทำงานของระบบคอมเพรสเซอร์ที่ใช้เพิ่มความดันให้กับแก๊สเอทิลีน
(รวมทั้งระบบท่อด้านขาเข้า-ออกของคอมเพรสเซอร์และระบบ
inter-stage
cooler ด้วย)
แก๊สที่มาจาก
pyrolysis
heater นั้นประกอบด้วยโอเลฟินส์ต่าง
ๆ หลากหลายชนิด โดยมีเอทิลีนเป็นตัวหลัก
นอกจากนี้ยังมีการเกิดสารประกอบที่มีออกซิเจนเป็นองค์ประกอบ
(เช่นเปอร์ออกไซด์)
ที่เกิดจากไอน้ำที่ผสมเข้าไปในไฮโดรคาร์บอนก่อนเข้า
pyrolysis
heater และยังมีสารในตระกูล
acetylene
ร่วมด้วย
โอเลฟินส์และ acetylene
นั้นเป็นแก๊สที่มีความว่องไวในการทำปฏิกิริยา
ดังนั้นภายใต้สภาวะที่เหมาะสม
(เช่นมี
ตัวกระตุ้นหรือ initiator,
อุณหภูมิและ/หรือความดันที่สูงพอ
รวมทั้งโลหะบางชนิดที่สามารถทำหน้าที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา)
โมเลกุลโอเลฟินส์ต่าง
ๆ จะมีการรวมตัวเข้าด้วยกันกลายเป็นโมเลกุลที่ใหญ่ขึ้น
กลายเป็นของเหลวจุดเดือดสูงหรือของแข็งสะสมอยู่ในระบบ
ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของอุปกรณ์
(เช่นไปลดประสิทธิภาพการอัดของคอมเพรสเซอร์และการแลกเปลี่ยนความร้อน)
ปฏิกิริยาที่สำคัญที่ทำให้เกิดการสะสมของของเหลวจุดเดือดสูงหรือของแข็งในระบบคอมเพรสเซอร์มีอยู่ด้วยกัน
๓ ปฏิกิริยาคือ free
radical polymerisation, Diels-Alder reaction และ
thermal
degradation to coke
โมโนเมอร์บางชนิดเช่น
butadiene,
isoprene, styrene, vinyl acetate สามารถเกิดปฏิกิริยา
free
radical polymerisation ได้ง่าย
โดยที่ตัวมันเมื่อมีอุณหภูมิสูงพอก็จะเกิดการสลายตัวกลายเป็นอนุมูลอิสระ
(free
radical)
หรือไม่ก็สารประกอบเปอร์ออกไซด์ที่ปนเปื้อนอยู่ในระบบนั้นเกิดการสลายตัวเนื่องจากความร้อน
กลายเป็นอนุมูลอิสระ
และเมื่ออนุมูลอิสระที่เกิดจากสารประกอบเปอร์ออกไซด์มาจับเข้ากับโมโนเมอร์เหล่านั้น
จำทำให้โมโนเมอร์นั้นกลายเป็นอนุมูลอิสระที่สามารถเชื่อมต่อโมเลกุลเข้ากับโมเลกุลอื่นที่มีพันธะคู่ได้
กลายเป็นสารประกอบที่มีโครงสร้างที่ใหญ่ขึ้น
ปฏิกิริยา
Diels-Alder
ทำให้โมเลกุลไฮโดรคาร์บอนที่มี
conjugated
double bond เชื่อมต่อเข้ากับโมเลกุลอื่นที่มีพันธะ
C=C
กลายเป็นโครงสร้างที่เป็นวงแหวนที่ขยายตัวโตขึ้นได้เรื่อย
ๆ ในขณะที่ปฏิกิริยา thermal
degradation นั้นทำให้อะตอม
H
หลุดออกจากอะตอม
C
และถ้าอะตอม
C
ดังกล่าวอยู่ในส่วนที่เป็นโครงสร้างวงแหวน
alicyclic
จะทำให้โครงสร้าง
alicyclic
เปลี่ยนเป็น
aromatic
ที่มีเสถียรภาพสูงขึ้นไปอีกได้
รูปที่
๔ ภาพขยาย process
flow diagram ของกระบวนการอัดแก๊สเอทิลีน
๓ ขั้นตอนแรก (รูปเต็มแสดงใน
memoir
ฉบับที่แล้ว)
ที่มีการกล่าวถึงการฉีด
wash
oil เข้าไปทางด้านทางเข้าคอมเพรสเซอร์
และการคุมอุณหภูมิด้านขาออกของคอมเพรสเซอร์
(ก่อนเข้า
inter-stage
cooler) ไม่ให้เกิน
93ºC
มาถึงจุดนี้พอจะมองเห็นภาพแล้วนะครับว่าทำไปถึงต้องมีการกำหนดอุณหภูมิแก๊สด้านขาออกของคอมเพรสเซอร์เอาไว้ไม่ให้เกิน
93ºC
(ดู
PFD
ในรูปที่
๔)
เรื่องอุณหภูมิตรงนี้มีประเด็นที่ต้องพิจารณาเหมือนกัน
ยิ่งอัดแก๊สในแต่ละ stage
ทำให้ความดันแก๊สเพิ่มขึ้นสูงเท่าใด
แก๊สจากการอัดก็จะมีอุณหภูมิที่สูงตามไปด้วย
การเกิดปฏิกิริยาเป็นสารประกอบโมเลกุลใหญ่ก็จะมากตามไปด้วย
แต่จำนวน stage
ของการอัดอาจลดจง
แต่ถ้าไม่ต้องการให้แก๊สที่ผ่านการอัดนั้นมีอุณหภูมิที่สูงด้วยการเพิ่มความดันขึ้นทีละน้อย
การเกิดปฏิกิริยาเป็นสารประกอบโมเลกุลใหญ่ก็จะลดลง
แต่จำนวน stage
การอัดก็อาจจะต้องเพิ่มมากขึ้น
ดังนั้นมันก็จะเป็นการดีถ้าหากในการอัดแก๊สในแต่ละ
stage
นั้นสามารถเพิ่มความดันแก๊สให้สูงขึ้นได้มากโดยที่อุณหภูมิแก๊สที่ผ่านการอัดนั้นไม่สูงตามไปด้วย
ซึ่งก็สามารถทำได้ด้วยวิธีการเช่นการลดอุณหภูมิแก๊สขาเข้าหรืออาจใช้การฉีดของเหลว
(เช่นน้ำ)
ผสมในปริมาณที่พอเหมาะเข้าไปในแก๊สขานั้น
เพื่อให้การระเหยของของเหลวนั้นช่วยดูดซับความร้อนจากการอัด
แล้วค่อยไปควบแน่นของเหลวที่ฉีดเข้าไปนั้นออกจากแก๊สที่
inter-stage
cooler ด้านขาออก
แต่การฉีดของเหลวผสมเข้าไปในแก๊สขาเข้านั้นก็ต้องระวังเหมือนกัน
เพราะถ้าฉีดมากเกินและต่อเนื่องเป็นเวลานาน
อาจทำให้ใบพัดของคอมเพรสเซอร์เสียหายจาก
erosion
ได้
ตรงนี้ดูเหมือนว่าคอมเพรสเซอร์แบบ
centrifugal
type ที่ใช้
impeller
(ใบพัดแบบของปั๊มหอยโข่ง)
นั้นจะรองรับปัญหาการเกิด
erosion
ได้ดีกว่าใบพัดแบบ
turbine
ที่อุณหภูมินี้ไม่ใช่ว่าจะไม่เกิดปฏิกิริยาการรวมตัวเป็นโมเลกุลใหญ่ขึ้น
มันก็ยังมีอยู่แต่จัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ยอมรับได้
คราบของแข็งที่เกาะติดอยู่บนพื้นผิวต่าง
ๆ ของคอมเพรสเซอร์ (ไม่ว่าจะเป็น
impeller
เพลา
หรือระบบ seal
ต่าง
ๆ)
นั้นก่อให้เกิดปัญหากับสมรรถนะการทำงานของคอมเพรสเซอร์
วิธีการหนึ่งในการลดการสะสมคราบของแข็งดังกล่าวคือการฉีด
"wash
oil" ผสมเข้าไปในแก๊สด้านขาเข้าของคอมเพรสเซอร์
wash
oil นี้จะไปเคลือบผิวชิ้นส่วนต่าง
ๆ ของคอมเพรสเซอร์และชะล้างเอาคราบของแข็งให้หลุดออกไป
ตอนที่เราเรียนเคมีในเรื่องการละลายเข้าด้วยกันของของเหลวนั้น
เรามักจะเรียนกันว่าของเหลวไม่มีขั้วจะละลายได้ในตัวทำละลายที่ไม่มีขั้ว
ของเหลวที่มีขั้วจะละลายได้ในตัวทำละลายมีขั้ว
ซึ่งตรงนี้ไม่ได้มีการพูดถึงรูปร่างหรือขนาดโมเลกุลเข้ามาเกี่ยวข้อง
อันที่จริงการละลายเข้าด้วยกันได้นั้น
โมเลกุลของสารหนึ่งจะต้องสามารถแทรกเข้าไปอยู่ระหว่างโมเลกุลของอีกสารหนึ่งได้
ถ้าแทรกเข้าไปไม่ได้มันก็ไม่ละลายเข้าด้วยกัน
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือภาชนะบรรจุน้ำมันต่าง
ๆ ที่ปัจจุบันใช้พลาสติกกันทั้งนั้น
หลากหลายชนิดทำจากพอลิเอทิลีนที่เป็นโมเลกุลไม่มีขั้ว
แต่สามารถบรรจุน้ำมันได้โดยไม่มีปัญหาอะไร
ทั้งนี้เพราะสายโซ่โมเลกุลของพอลิเอทิลีนชนิดที่ใช้ทำกระป๋องบรรจุนั้น
ด้วยขนาดของโมเลกุลและการควบคุมกิ่งก้านของสายโซ่
ทำให้สายโซ่อยู่ใกล้ชิดกัน
แรงยึดเหนี่ยวระหว่างสายโซ่จึงสูง
ทำให้โมเลกุล
น้ำมันแม้ว่าจะเป็นโมเลกุลที่ไม่มีขั้วเช่นกัน ไม่สามารถแทรกเข้าไปอยู่ระหว่างสายโซพอลิเอทิลีนได้ พอลิเอทิลีนเกรดที่ใช้ทำกระป๋องบรรจุน้ำมันนี้แตกต่างไปจากเกรดที่ใช้ทำถุงพลาสติก เกรดทำถุงพลาสติกนั้นช่องว่างระหว่างโมเลกุลมันมากกว่า โมเลกุลน้ำมันแทรกเข้าไปในช่องว่างระหว่างสายโซ่พอลิเมอร์ได้ง่ายกว่า มันจึงไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้ในการบรรจุน้ำมัน
น้ำมันแม้ว่าจะเป็นโมเลกุลที่ไม่มีขั้วเช่นกัน ไม่สามารถแทรกเข้าไปอยู่ระหว่างสายโซพอลิเอทิลีนได้ พอลิเอทิลีนเกรดที่ใช้ทำกระป๋องบรรจุน้ำมันนี้แตกต่างไปจากเกรดที่ใช้ทำถุงพลาสติก เกรดทำถุงพลาสติกนั้นช่องว่างระหว่างโมเลกุลมันมากกว่า โมเลกุลน้ำมันแทรกเข้าไปในช่องว่างระหว่างสายโซ่พอลิเมอร์ได้ง่ายกว่า มันจึงไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้ในการบรรจุน้ำมัน
ในทำนองเดียวกัน
ไฮโดรคาร์บอนพวก aliphatic
เมื่อเทียบกับพวก
cyclic
หรือ
aromatic
แล้ว
ด้วยรูปร่างโมเลกุลที่แตกต่างกันจึงทำให้แรงยึดเหนี่ยวกันระหว่างโมเลกุลแตกต่างกัน
พวกที่มีโครงสร้างเป็นวงนั้นมีรูปร่างโมเลกุลที่ค่อนข้างแบน
(แม้ว่าจะเป็นโมเลกุลขนาดใหญ่)
พื้นผิวสัมผัสกันระหว่างโมเลกุลที่ซ้อนเรียงกันจึงสูงกว่าพวก
aliphatic
การละลายของแข็งที่เกิดจากสารประกอบที่มีโครงสร้างเป็นวงด้วยตัวทำละลายที่เป็นพวก
aliphatic
จึงทำได้ยากกว่าการใช้ตัวทำละลายที่มีโครงสร้างเป็นวง
(เช่นสารอะโรมาติก)
ด้วยเหตุนี้
wash
oil ที่ใช้จึงควรมีสัดส่วนของสาร
aromatic
ที่สูง
(บทความของ
Sheri
Sniderใน
file
ที่แนบส่งมาด้วยนั้นกล่าวว่า
wash
oil ที่ดีควรมีสัดส่วน
aromatic
ในปริมาณที่สูงกว่า
80%)
และควรมีอุณหภูมิที่เริ่มเดือด
(initial
boiling point) ที่สูงเกินกว่า
200ºC
นั้นนี้เพื่อให้มันใจว่าน้ำมันยังคงสถานเป็นของเหลวอยู่
มันจึงจะสามารถละลายและชะล้างของแข็งที่เกาะติดพื้นผิวอยู่ออกไปได้
ปิดท้ายด้วยรูปที่ถ่ายเอาไว้บ่ายวันวาน
เป็นรูปของนิสิตป.โทรายหนึ่งที่กำลังกลุ้มใจตรงที่ไม่รู้ว่าจะเขียนอธิบายผลการทดลองอย่างไร
ดูเหมือนว่าในขณะนี้ทั่วทั้งแลปจะเต็มไปด้วยคนที่มีอาการแบบนี้เต็มไปหมด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น