แต่สิ่งที่คิดอยู่เสมอว่าต้องทำในการปฏิบัติหน้าที่เป็นอาจารย์ก็คือการให้
"ความเป็นธรรม"
ที่เท่าเทียมกันกับนิสิตในที่ปรึกษาทุกคน
ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามจะทำให้ดีที่สุด
เพราะการหลงในความ
"รัก"
นั้น
มันนำไปสู่การให้ "สิทธิพิเศษ"
ในหน้าที่การงานให้กับใครบางคน
ซึ่งจะนำไปสู่ความแตกแยกภายใน
และนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดปัญหาในการเรียนระดับบัณฑิตศึกษาของภาควิชาเรามาตลอด
แม้กระทั่งปัจจุบัน
ผมเชื่อว่าสิ่งที่หลายคนได้เรียนไปจากผมนั้น
ไม่ใช่สิ่งที่เขียนลง blog
(เพราะปรกติก็ไม่เห็นจะอ่านกันเลยสักคน)
แต่เป็นสิ่งที่ไม่ได้เขียนลง
blog
ที่ปรากฏข้อความ
"เอกสารฉบับนี้แจกจ่ายเป็นการภายใน
ไม่นำเนื้อหาลง blog"
เพราะมันเป็นบันทึกปัญหาที่เกิด
การพิจารณาหาสาเหตุ
และแนวทางการแก้ไข
ด้วยเหตุนี้
เวลาที่เราเจอปัญหาแต่ละที
แล้วเราข่วยกันแก้ไขจนผ่านมันไปได้
ผมจึงมักจะโดนนิสิตถามเป็นประจำว่า
อาจารย์จะออก Memoir
ไหม
แสดงว่าตอนบอกให้ฟังคงไม่ค่อยสนใจ
หรือรับฟังได้ไม่หมด
แต่ก็ยังดีที่เอาสิ่งที่เขียนให้ไปอ่าน
:)
:) :)
ปล.
ทำไมถึงมีโพสนี้โผล่มาก็อย่าไปสนใจอะไรเลยนะครับ
ถือเสียว่าผมเขียนเอาไว้เตือนใจตนเองก็แล้วกัน
นาน ๆ ครั้งถึงจะคุยโทรศัพท์แต่ละครั้งนานเกิน
๒ นาที วันนี้ล่อเข้าไปเกือบชั่วโมง
(ปรกติก็ใช้โควต้า
๑๐๐ นาทีต่อเดือนไม่หมดอยู่แล้ว)
:) :) :)"
ข้างบนคือข้อความที่ผมโพสไว้บนหน้า
facebook
เมื่อวันอาทิตย์ที่
๑๓
พฤษภาคมที่ผ่านมาที่อาจทำให้พวกคุณสงสัยว่ามันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
แต่ก็เชื่อว่าตอนนั้นพวกคุณก็คงพอจะเดากันได้อยู่
ณ
วันเวลานี้ เหตุการณ์นั้นก็จบสิ้นไปได้ด้วยดีแล้ว
โดยที่พวกคุณที่เข้ารับพระราชทานปริญญาในวันนี้ก็มีส่วนให้ความช่วยเหลือให้เหตุการณ์ดังกล่าวลงเอยด้วยดี
ทั้งทางตรงและทางอ้อม
โดยที่พวกคุณอาจจะไม่รู้ตัวก็ตาม
ผมเองเชื่อว่าคงไม่มีอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์คนไหนที่เป็นที่ชื่นชอบของนิสิตที่ตัวเองสอนทุกคน
และในทางกลับกันก็คงไมมีใครที่เป็นที่ไม่ชอบของนิสิตในที่ปรึกษาทุกคนด้วย
ด้วยเหตุนี้ตอนที่ผมจะรับนิสิตใหม่ในแต่ละปี
ผมจึงมักจะย้ำให้พวกเขาต้องหาโอกาสคุยกับคนที่กำลังเรียนอยู่
โดยเฉพาะกับคนที่มีผมเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา
แต่สำหรับพวกคุณทั้ง
๔
คนที่เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรในวันนี้ดูเหมือนว่าผมเป็นคนเลือกพวกคุณเองโดยที่พวกคุณต่างก็ไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับผมมาก่อน
:)
:) :)
ส่วนสาเหตุที่ผมรับพวกคุณก็เพราะอาจารย์คนอื่นในกลุ่มเขาไม่สนใจพวกคุณ
55555
แต่สำหรับนิสิตปี
๑ และปี ๒ ทั้ง ๕ คนที่กำลังเรียนอยู่ตอนนี้
๔ คนเป็นเด็กฝาก
เด็กที่รุ่นพี่ที่เรียนกับกลุ่มอื่นพามาขอให้ผมช่วยรับเอาไว้
มีเพียงคนเดียวที่เลือกผมเพราะเห็นรูปรุ่นพี่เขาปรากฏในแผ่นพับประชาสัมพันธ์กลุ่มของเรา
แสดงว่าเอกสารประชาสัมพันธ์ของเรามันใช้ไม่ได้ผล
:(
:( :(
สภาพแวดล้อมทางสังคมของบ้านเรามันส่งผลต่อระบบการศึกษาในโรงเรียน
กล่าวคือทำให้ผู้เรียนไม่กล้าที่จะถามคำถามกับผู้สอนในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้
การเรียนการสอนที่จำเป็นต้องมีการถกเถียงหาข้อโต้แย้งจึงมีปัญหา
สิ่งแรกที่ผมต้องพยายามทำให้ได้กับสมาชิกใหม่ของกลุ่มก็คือทำอย่างไรเขาจึงกล้าที่จะปรึกษาและรายงานปัญหาต่าง
ๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่างการทำงาน
แทนที่จะเก็บเงียบงำเอาไว้เหมือนกับมันไม่มีอะไร
และทำอย่างไรจึงจะสามารถชี้ให้เห็น
"จุดอ่อน"
หรือ
"จุดบกพร่อง"
ของงานที่ได้ทำไปแล้วนั้น
(รวมทั้งการแอบสั่งงานเพิ่มด้วยโดยไม่ให้พวกคุณรู้ตัว)
โดยไม่ทำให้ผู้ทำงานเสียกำลังใจหรือเสียความรู้สึก
สิ่งเหล่านี้เป็นการกระทำทื่ใช้เวลาและต้องหาโอกาสที่เหมาะสม
ไม่มีสูตรสำเร็จและไม่สามารถเร่งรัดให้เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นว่ากลุ่มของเราเมื่อใดก็ตามที่มีการประชุมความก้าวหน้าของงานนั้น
ในเวลาประชุม ๖๐ นาทีหรือมากกว่า
จะมีเรื่องงานอยู่เพียงแค่
๑๐ ถึง ๑๕ นาที
ส่วนที่เหลือมักจะเป็นการคุยเรื่องไร้สาระ
เสียมากกว่า
(ถ้ามองในแง่เรียกประชุมเพื่อคุยเรื่องความก้าวหน้าของงาน)
แต่จะว่าไปก็เป็นส่วนที่เป็นส่วนที่เป็นการคุยเรื่องไร้สาระเหล่านี้ไม่ใช่หรือ
ที่ทำให้ทางกลุ่มของเราเองมีความสนิทสนมกัน
สร้างความสัมพันธ์ระหว่างพวกคุณด้วยกันเองที่ต่างคนต่างมาจากแหล่งต่างกันเพื่อมาพบหน้ากัน
ณ ที่นี้ ให้เป็นความสัมพันธ์ฉันเพื่อนที่ยืนยาวตลอดไป
แม้ว่าหลังจากสำเร็จการศึกษาแล้วต่างคนต่างจะแยกย้ายไปตามทางของตนเอง
(ซึ่งจะว่าไปแล้วเชื่อว่าจะเป็นเช่นนี้
เพราะดูแววแล้วพวกคุณที่เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรในวันนี้
คงไม่มีการจับคู่แต่งงานด้วยกันแน่นอน)
สอบวิทยานิพนธ์
วันศุกร์ที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๐
"....
ผมตั้งข้อความนี้ให้มีเฉพาะคุณที่เห็นได้
จากเวลานี้ไปจนถึงวันอังคาร
คุณยังมีเวลาที่จะทบทวนความคิดของคุณ
รวมทั้งสิ่งที่ผมได้บอกคุณไป
สิ่งที่ควรทำก็คือการปรึกษาผู้อื่น
เผื่อจะได้มีมุมมองที่แตกต่างออกไปในการแก้ปัญหา
และข้อดีข้อเสียของแนวทางการแก้ปัญหาแต่ละแนวทาง
สิ่งที่ต้องระวังเวลานี้ก็คือ
แนวความคิดที่ตรงกับที่คุณปักใจเชื่ออยู่
เพราะมันจะทำให้คุณปฏิเสธมุมมองอื่นจนอาจทำให้คุณสูญเสียทางเลือกที่อาจดีกว่าไปได้
สิ่งที่คุณกำลังประสบนั้น
เป็นปัญหาที่เกิดมาอย่างต่อเนื่องในภาควิชาเรา
มีมาเยอะแล้ว แต่ก็ยังเกิดขึ้นอยู่เรื่อย
ๆ รุ่นก่อนหน้าคุณหลายต่อรายคน
(โดยเฉพาะนิสิตในแลปเดียวกับผม)
ก็เคยมาปรับทุกข์กับผมเรื่องนี้
เงื่อนไขหนึ่งในการสำเร็จการศึกษาระดับป.โท
ก็คือ การมีการเผยแพร่ผลงาน
แต่ตรงนี้แม้จะไม่มีข้อกำหนดชัดเจน
แต่ก็เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ว่าควรต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับงานวิจัยที่ตนเองทำ
ผมเองไม่เคยได้ยินว่าสามารถใช้งานเผยแพร่ที่แตกต่างไปคนละเรื่องกับวิทยานิพนธ์ในการขอจบได้
นิสิตในแลปแคตรายหนึ่งก็เคยคิดแบบคุณ
ผมได้ยินว่าเขาไปติดต่อขอเอกสารย้ายอาจารย์ที่ปรึกษาจากธุรการ
ผมไม่รู้ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร
เพราะผมไม่เคยคุยกับเขาในเรื่องนี้
แต่ดูเหมือนว่าหลังจากคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาของเขาแล้วเหตุการณ์ก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
(หน่อย)
แม้ว่าคงเป็นการยากเหมือนกันที่เขาจะจบในภาคการศึกษานี้
ผมเองมาทราบเรื่องหลังจากเรื่องจบไปแล้ว
ในบางเรื่อง
(ย้ำนะ
เพียงแค่บางเรื่อง
โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น)
คนเป็นพ่อแม่อาจไม่ได้พูดความจริงกับลูกทุกครั้งเสมอไป
แต่ถ้าการโกหกลูกนั้นมันทำให้ลูกมีความสุขและรู้สึกดีขึ้นมาได้
เขาก็จะทำ (ผมเองบางครั้งก็เป็นเช่นนั้น)
..."
หลายครั้งที่ทางผมเองมีนิสิตที่อยู่กับอาจารย์ที่ปรึกษาท่านอื่นมาขอคำปรึกษา
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำวิจัยหรือความเครียดจากงานวิจัย
หรือบ่อยครั้งที่พวกคุณก็คงจะเคยเห็นที่เขาแวะมานั่งคุยกับกลุ่มของเรา
นั่นคงเป็นเพราะเขาคงต้องการพักผ่อนจากความเครียดในการทำการทดลอง
จะว่าไปกลุ่มของเราก็แปลกนะ
เรานั่งคุยกันเองโดยมีอาจารย์นั่งอยู่ด้วย
แต่นิสิตกลุ่มอื่นก็ไม่นึกกลัวที่จะเข้ามานั่งร่วมวงสนทนา
ไม่เหมือนกลุ่มอื่นเขาที่ถ้าหากมีอาจารย์นั่งอยู่ด้วย
ก็จะไม่มีนิสิตกลุ่มอื่นเฉียดกรายเข้าไปแถวนั้นนะ
หรือที่จริงเป็นเพราะว่าที่ประจำของการนั่งสนทนาของกลุ่มเรา
คือสามแยก SCR
มันตั้งอยู่
ณ ตำแหน่งที่ขวางทางเดินเข้า-ออกที่มีอยู่เส้นทางเดียวของห้องแลปนั้น
:)
:) :)
สอบวิทยานิพนธ์
วันพฤหัสบดีที่ ๗ ธันวาคม
๒๕๖๐ หวังว่าอีก ๒
คนในรูปคงจะได้สอบภายในปีการศึกษานี้
สามแยก
SCR
ณ
วันศุกร์ที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๑
สถานที่ยินดีต้อนรับทุกรายที่ประสงค์ต้องการพักผ่อนจากการทำการทดลองหรือการประชุมกลุ่ม
รวมทั้งอัปเดตข่าวคาว (ไม่มี
"ร"
นะครับ)
ต่าง
ๆ ที่เกิดขึ้นในแลป :)
:) :)
โต๊ะทำงานมุมนี้ก็สอนให้เรารู้ว่าความหรูหราของสถานที่นั้นไม่ใช่สิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
ความจริงใจของผู้ร่วมสนทนานั้นคือสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าในการสร้างบรรยากาศการสนทนา
วันอังคารที่
๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ประชุมเขียนวิทยานิพนธ์
ห้องสมุดคณะวิศวกรรมศาสตร์
Memoir
ฉบับนี้ที่เป็นฉบับสุดท้ายที่จะส่งให้พวกคุณที่เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรในวันนี้
ผมเขียนเอาไว้หลายวันแล้ว
เหลือแต่รอเพียงแค่รูปภาพสุดท้ายที่จะนำมาลงปิดท้ายบันทึกฉบับนี้
ด้วยหน้าที่การงานผมก็จำเป็นต้องสอนและฝึกพวกคุณตามบทบาทที่ได้รับมอบหมาย
แต่สิ่งสำคัญที่อยากให้พวกคุณได้ไปก็คือ
การได้รู้ว่าตัวเองนั้นชอบที่จะเป็นอะไร
จะทำงานในสายวิชาชีพนี้ต่อหรือจะเปลี่ยนเส้นทาง
และหวังว่าสิ่งสำคัญที่พวกคุณได้รับไปในระหว่างการที่พวกเราได้อยู่ร่วมกันนั้น
คือความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันในหมู่พวกคุณด้วยกันเอง
ที่ควรค่าแก่การรักษาเอาไว้ให้คงอยู่ตลอดไป
ท้ายสุดนี้ก็ขอให้ทุกคนประสบแต่ความสุขความสำเร็จในชีวิตตลอดไป
วันศุกร์ที่
๕ ตุลาคม ๒๕๖๑ ก่อนเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร
หมายเหตุปิดท้าย
:
ขอบคุณมากครับสำหรับของขวัญ
คงต้องหาโอกาสเหมาะ ๆ
สักวันเพื่อนำมาใช้ครับ :)
:) :)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น