วันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

หม้อน้ำรถยนต์ MO Memoir : Thursday 31 May 2555


ดีที่ไม่เกิดเรื่องตอนขับกลับจากตรวจฝึกงานที่ระยองเมื่อคืนวันพุธ แต่มาเกิดตอนกำลังขับรถกลับบ้านในถนนกรุงเทพตอนเย็นวันพฤหัสบดีแทน ไม่เช่นนั้นคงได้นอนชมดาวคู่กับไฟจาก flare โรงงานบนถนนสาย ๓๖

รถที่ขับมันก็ดันไม่มีเข็มวัดอุณหภูมิเครื่องยนต์ซะด้วย มีแต่ไฟเตือนซึ่งจะแดงเมื่อเครื่องยนต์ร้อนเกินไปแล้ว นั่นก็หมายความว่าเครื่องยนต์ขาดน้ำเข้าไปหล่อเลี้ยง นึกถึงรถรุ่นเก่าที่ยังใช้ระบบเข็มอยู่ ยังจะพอเห็นว่าระบบหล่อเย็น "เริ่ม" มีปัญหาจากการที่อุณหภูมิการทำงานของเครื่องยนต์เริ่มสูงผิดปรกติ แต่รถรุ่นใหม่ไม่มีเข็มเตือนดังกล่าว ทำให้ไม่รู้ว่าระบบหล่อเย็นเริ่มมีปัญหา แต่จะไปรู้เอาเลยตอนที่ปัญหามัน "เกิด" ขึ้นแล้ว และต้องหยุดการทำงานของเครื่องยนต์ทันที

โชคดีนิดที่มันเกิดเรื่องตอนที่อยู่บนถนนที่มีช่องเว้าขอบทางให้จอดรถหลบได้ และรถก็อยู่ทางเลนซ้ายด้วย ก็เลยไม่ก่อปัญหาใด ๆ ให้กับชาวบ้านเขาแม้ว่าจะเป็นช่วงชั่วโมงเร่งด่วน

เปิดฝากระโปรงหน้าออกมาก็เห็นปัญหาเลยว่ามันอยู่ตรงไหน มันไม่ได้รั่วแบบรั่วซึม มันรั่วแบบน้ำข้างในมันฉีดพ่นออกมาเป็นไอน้ำให้เห็นต่อหน้าต่อตาเลย จุดที่รั่วคือรอยต่อระหว่างฝาครอบด้านบนกับตัวรังผึ้ง งานนี้บอกได้อย่างเดียวเลยว่าต้องเปลี่ยนหม้อน้ำใหม่ทั้งลูก (ฟังมาหลายร้านแล้ว ลักษณะนามของหม้อน้ำรถยนต์เขาเรียกเป็น "ลูก")

รูปที่ ๑ หม้อน้ำตัวเก่าที่ต้องถอดเปลี่ยน หม้อน้ำตัวนี้เป็นตัวที่ติดมากับรถ ชิ้นส่วนฝาครอบรังผึ้งตัวบนและตัวล่างเป็นพลาสติก (ลูกศรเขียว) ส่วนตัวรังผึ้งเป็นอะลูมิเนียม ผนึกกันน้ำรั่วด้วยการใช้ประเก็นและบีบของอะลูมิเนียมของรังผึ้งให้จับตัวฝาครอบเอาไว้ (ตรงแนวลูกศรประสีเหลือง)

อาศัยว่าต้องขับรถออกต่างเมืองเป็นประจำ เลยได้อาศัยน้ำประปาที่มักจะติดท้ายรถเอาไว้ ๒ ลิตรเสมอ พอระบบเครื่องยนต์เย็นตัวลงก็เปิดฝาปิดหม้อน้ำและเติมน้ำเข้าไป ปรากฏว่าต้องไปเอาน้ำกิน (ที่เขาแถมมาตอนเติมน้ำมัน) เติมลงไปอีกครึ่งขวดใหญ่ ก็ทำให้ขับรถเข้าไปที่บ้านก่อนได้ (ขับจวนจะถึงบ้านอยู่แล้ว แต่รถมันติดมาก)

เช้าวันเสาร์ก็รีบเอารถไปที่ร้านซ่อมหม้อน้ำก่อนที่เขาจะมีลูกค้ารายอื่น ใช้เวลาเปลี่ยนหม้อน้ำไปสองชั่วโมงเศษเพราะช่างต้องเริ่มจากการถอดชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่มันเกะกะการถอดตัวหม้อน้ำ และต้องไปเอาชิ้นส่วนหม้อน้ำตัวใหม่มาประกอบเข้าด้วยกัน สุดท้ายก็ได้หม้อน้ำตัวใหม่ดังรูปข้างล่าง

รูปที่ ๒ หม้อน้ำตัวใหม่หลังจากช่างเพิ่งจะประกอบเสร็จ ตัวนี้ฝาครอบด้านบนและด้านล่างเป็นทองเหลือง ส่วนตัวรังผึ้งเป็นทองแดง ใช้วิธีบัดกรียึดติดกัน (ที่เห็นเป็นคราบสีเทา ๆ) หม้อน้ำแบบนี้ถ้ารั่วซึ่งก็ยังใช้วิธีบัดกรีอุดรูรั่วหรืออุดรูรังผึ้งที่รั่วได้ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งลูก

พอประกอบคืนเสร็จก็ตรวจสอบความเรียบร้อย ปรากฏว่าไฟเตือนเครื่องยนต์ที่หน้าปัทม์ขึ้นแทน ตอนแรกช่างเขาบอกว่ามีการถอดเซนเซอร์ออกตอนรื้อเอาหม้อน้ำเก่าออก พอประกอบคืนใหม่กล่อง ECU โปรแกรมคงต้องใช้เวลาตรวจสอบสักพักก็จะหายไปเอง ขับอยู่หนึ่งวันปรากฏว่ามันก็ไฟเตือนก็ยังไม่หายสักที แถมรู้สึกมีปัญหาตอนรอบเดินเบา โดยเฉพาะตอนเข้าเกียร์ถอยหลัง เลยตัดสิตใจตรวจเองใหม่ พบว่าช่างไม่ได้เสียบสายสัญญาณที่อยู่ที่กรองอากาศกลับคืนเข้าที่เดิม พอเสียบกลับคืนไฟเตือนก็หายไป

ที่เอาเรื่องนี้มาเล่าให้ฟังก็เพราะเห็นว่าสมัยนี้ขับรถก็ขับกันอย่างเดียว ไม่ได้สนใจอะไรเกี่ยวกับระบบของรถยนต์เลย อาจเป็นเพราะว่ารถสมัยนี้ปัญหามันน้อยลงไปเยอะมาก อยู่ได้ทนจนถึงเวลาที่ต้องเข้าตรวจเช็คในศูนย์ แม้แต่แบตเตอรี่ก็ยังมีแบบไม่ต้องตรวจเติมน้ำกลั่น อยู่ได้จนถึงหมดอายุการใช้งาน น้ำหม้อน้ำเองถ้าไม่มีการรั่วซึมใด ๆ ก็แทบไม่ต้องเติมเลย ทีนี้พอมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางก็ทำอะไรไม่เป็น หรือไม่รู้ว่ามันน่าจะเกิดจากอะไร พอตามช่างมาดูถ้าเจอช่างที่นิสัยดีก็แล้วไป แต่ถ้าเจอช่างนิสัยไม่ดีก็แย่ไป