ในการสอนวิชา
2105689
Safe Process Operation and Design ให้กับนิสิตป.โท
ผมได้นำเอารายงานการสอบสวนอุบัติเหตุของทั้งทางอังกฤษและอเมริกามาเป็นตัวอย่างในการสอน
เพื่อแสดงให้เห็นมุมมองต่าง
ๆ ที่เป็นต้นเหตุของการสอบสวนอุบัติเหตุ
และได้ยกเอากรณีอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในประเทศ
(แต่ไม่มีรายงานฉบับทางการ)
มาเป็นหัวข้อในการสนทนา
และได้ให้นิสิตผู้เรียนนั้นนำเอากรณีการเกิดอุบัติเหตุ
ที่อาจเป็นรายงานการสอบสวน
ข่าวที่ปรากฏ หรือจากในสถานที่ทำงาน
(จากนิสิตภาคนอกเวลาราชการ
ซึ่งต่างเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำงาน)
มาเป็นหัวข้อสนทนา
และสิ่งหนึ่งที่พบก็คือ
หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศและมีรายงานการสอบสวนเผยแพร่นั้น
ก็ได้เกิดขึ้นซ้ำเดิมในบ้านเรา
ดังที่เคยเล่าเอาไว้บางส่วนแล้วใน
Memoir
ปีที่
๑๑ ฉบับที่ ๑๖๘๓ วันพฤหัสบดีที่
๒๘ มีนาคม ๒๕๖๒ เรื่อง
"อุบัติเหตุมักจะเกิดซ้ำแบบเดิม ถ้าเราไม่เรียนรู้มัน"
โดยในตอนที่
๒ นี้จะเป็นการยกตัวอย่างเพิ่มเติม
๑.
เมื่อ
safety
shoe ไม่กันน้ำ
ปัจจุบันเรามักเห็นการใช้เครื่องฉีดน้ำความดันสูง
(high
pressure water jet cleaner) ในงานทำความสะอาดทั่วไป
เช่นการฉีดล้าง พื้น ผนัง
รถยนต์ ฯลฯ
เครื่องฉีดน้ำความดันสูงที่ใช้กันตามบ้านเรือนหรือธุรกิจทั่วไปเพื่อการล้างคราบสกปรกนั้นมักจะมีขนาดเล็กและให้ความดันในระดับ
90-130
bar
ในขณะที่เครื่องฉีดน้ำความดันสูงที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรมจะมีขนาดใหญ่กว่าและให้ความดันสูงกว่าที่อาจสูงถึง
300
bar แต่ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแบบไหนก็ตาม
ก็ไม่ควรนำมาฉีดใส่ตัวคนโดยตรง
แม้ว่าจะมีการใส่เครื่องป้องกันก็ตาม
รูปที่ ๑ และ ๒ ข้างล่างเป็นตัวอย่างที่นำมาจาก
ICI
Newsletter
ที่กล่าวถึงความเสียหายที่เกิดจากน้ำความดันสูงถูกฉีดลงบนพื้นผิวที่ไม่ต้องการให้โดนฉีด
รูปที่
๑
รายงานแรงดันจากเครื่องฉีดน้ำความดันสูงที่ทำให้ฉนวนสายไฟฟ้าเสียหายได้
รูปที่
๒ รายงานอุบัติเหตุจากเครื่องฉีดน้ำความดันสูง
ที่เจาะทะลุ ด้านข้างรองเท้า
ถุงเท้า และทำให้เท้าของผู้ปฏิบัติงานเกิดบาดแผล
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในปีค.ศ.
๑๙๗๑
หรือพ.ศ.
๒๕๑๔
ในการนำเสนอเหตุการณ์อุบัติเหตุโดยนิสิตภาคนอกเวลาราชการกลุ่มหนึ่งนั้น
ได้มีการนำเสนออุบัติเหตุจากปืนฉีดน้ำความดันสูงที่ทำให้ช่างซ่อมบำรุงได้รับบาดเจ็บ
กล่าวคือในขณะที่ทีมซ่อมบำรุงชุดหนึ่งนั้นมีการใช้เครื่องฉีดน้ำความดันสูงในการทำความสะอาด
ทีมซ่อมบำรุงอีกทีมหนึ่งที่ทำการถอดซ่อมท่อได้ทำการถอดเอา
gate
valve ตัวหนึ่งออกมา
และพบว่าวาล์วดังกล่าวมีคราบสกปรกเกาะแน่นอยู่ภายใน
จึงได้นำเอาวาล์วดังกล่าวไปให้ทีมซ่อมบำรุงอีกทีมหนึ่งที่ทำงานอยู่ใกล้กันนั้นช่วยทำความสะอาดด้วยการใช้
water
jet ฉีด
เพื่อที่จะทำให้วาล์วตรึงอยู่กับที่ในระหว่างการฉีดล้างนั้นจึงได้นำเอาวาล์วไปวางบนฝาท่อระบายน้ำที่เป็นตะแกรงเหล็ก
(รูปที่
๓ ซ้าย)
แล้วใช้เท้าเหยียบเอาไว้
ปรากฏว่าเมื่อทำการล้างจริง
ตัวหัวฉีดน้ำ (ที่ใช้คนถือ)
มีการสบัด
ทำให้น้ำที่พุ่งออกจากหัวฉีดนั้นฉีดเข้าไปที่รองเท้าของผู้ที่ยืนเหยียบวาล์วอยู่
แถมจุดที่ฉีดเข้าไปนั้นอยู่ทางด้านหลังหัวเหล็กของรองเท้า
safety
shoe (รูปที่
๓ ขวา)
แรงดันของน้ำเจาะทะลุหนังรองเท้าและถุงเท้า
และทำให้ผิวหนังเกิดบาดแผล
แม้ว่าจะไม่ร้ายแรงอะไรก็ตาม
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปลายปีที่แล้ว
(พ.ศ.
๒๕๖๑)
ซึ่งไปคล้ายกับเหตุการณ์ที่มีรายงานไว้
๔๗ ปีก่อนหน้านั้นมาก (รูปที่
๒)
แม้ว่าจะเกิดขึ้นที่คนละมุมโลกกัน
รูปที่
๓ รูปซ้ายเป็นการจำลองการทำงานก่อนเกิดอุบัติเหตุ
ที่พนักงานซ่อมบำรุงผู้หนึ่งใช้เท้าเหยียบวาล์วที่วางบนตะแกรง
(เพื่อกันวาล์วขยับ)
ส่วนรูปขวาเป็นรองเท้าที่ถูก
water
jet เจาะทะลุ
๒.
ผสมสารด้วยกันโดยไม่ตั้งใจ
ในหลายโรงงานนั้นมีการใช้สารเคมีหลากหลายชนิดเพื่อวัตถุประสงค์ที่ต่างกัน
แต่สิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งคือการหาทางป้องกันไม่ให้สารเคมีที่ไม่ควรผสมเข้าด้วยกัน
ผสมเข้าด้วยกันโดยไม่ตั้งใจ
เพราะความเสียหายอาจไม่ได้มีแค่การสูญเสียสารเคมี
แต่อาจลามไปถึงการเกิดปฏิกิริยารุนแรงหรือผลิตภัณฑ์ที่เป็นพิษเกิดขึ้นได้
ดังเช่นกรณีของการผสมโซเดียมไฮโปคลอไรต์
(HClO)
กับกรดกำมะถัน
(H2SO4)
โดยไม่ตั้งใจ
ส่งผลให้เกิดแก๊สคลอรีน
(Cl2)
รั่วไหลออกมา
รูปที่
๔ รายงานการผสมโซเดียมไฮโปคลอไรต์
(HClO)
เข้ากับกรดกำมะถัน
(H2SO4)
ส่งผลให้เกิดแก๊สคลอรีน
(Cl2)
ICI
Newsletter ฉบับปีค.ศ.
๑๙๗๒
(พ.ศ.
๒๕๑๕)
รายงานเหตุการณ์ที่คนงานเทกรดกำมะถันลงในสารละลายโซเดียมไฮโปคลอไรต์โดยไม่ตั้งใจ
เพราะเข้าใจผิดว่าถังที่กำลังเท
(ที่ไม่มีป้ายระบุว่าสารในถังเป็นอะไรนั้น)
คือโซเดียมไฮโปคลอไรต์
ทั้งที่ความเป็นจริงคือกรดกำมะถัน
เหตุการณ์นี้คล้ายคลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกาในเดือนตุลาคมปีค.ศ.
๒๐๑๖
(พ.ศ.
๒๕๕๙)
หรือในอีก
๔๔ ปีต่อมามาก
แต่คราวนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นรุนแรงกว่า
เพราะเป็นการถ่ายกรดกำมะถันจากรถบรรทุกเข้าสู่ถังเก็บโซเดียมไฮโปคลอไรต์
รายงานการสอบสวนฉบับเต็มและคลิปวิดิทัศน์จำลองเหตุการณ์ที่เกิดสามารถดูได้ที่เว็บ
https://www.csb.gov/mgpi-processing-inc-toxic-chemical-release-/
ซึ่งรูปที่นำมาแสดงในที่นี้ก็นำมาจากรายงานการสอบสวนดังกล่าว
อุบัติเหตุเกิดขึ้นเมื่อคนงานนำกรดกำมะถันมาส่ง
(มาในรูป
tank
car) แต่ในระหว่างที่จะทำการถ่ายกรดกำมะถันจากรถเข้าถังบรรจุนั้น
ทางโอเปอร์เรเตอร์ของบริษัทกลับมีธุระต้องไปทำอย่างอื่น
เลยปล่อยให้คนขับรถทำหน้าที่ต่อสายยางจากรถเข้ากับท่อรับและถ่ายน้ำกรดเอง
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือตำแหน่งของท่อรับกรดกำมะถันและโซเดียมไฮโปคลอไรต์นั้นอยู่ใกล้กัน
คล้ายกัน และใช้ข้อต่อแบบเดียวกัน
แต่ไม่มีป้ายระบุว่าท่อไหนเป็นท่อสำหรับสารเคมีตัวไหน
ทำให้ในวันดังกล่าวคนขับรถบรรทุกต่อท่อผิด
คือต่อเข้ากับท่อป้อนไปยังถังโซเดียมไฮโปคลอไรต์
เมื่อทำการถ่ายน้ำกรดไปได้สักพักก็เลยเกิดปฏิกิริยารุนแรงในถังเก็บโซเดียมไฮโปคลอไรต์
ทำให้เกิดแก๊สคลอรีนรั่วไหลออกมาปกคลุมเป็นบริเวณกว้าง
จนต้องทำการอพยพคนในอาคารใกล้เคียงออกนอกพื้นที่
รูปที่
๖ การต่อท่อในขณะที่เกิดเหตุ
รูปซ้ายคงเป็นรูปหลังจากที่เหตุการณ์สงบแล้ว
สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียดหรือรายงานการสอบสวนฉบับเต็ม
สามารถไปดาวน์โหลดได้จากเว็บของ
CSB
และค้นหาในหัวข้อ
MGPI
Processing, Inc. Toxic Chemical Release
อันที่จริงเหตุการณ์นี้สามารถป้องกันได้ง่ายด้วยการทำป้ายติดให้ชัดเจนว่าท่อไหนเป็นของสารอะไร
และใช้ข้อต่อที่แตกต่างกันสำหรับสารแต่ละชนิดเพื่อไม่ให้ต่อท่อสลับกันได้
รูปที่
๗ ภาพจากกล้องวงจรปิดขณะเกิดเหตุ
๓.
ปิดวาล์วได้ไม่สนิทเนื่องจากมีสิ่งสกปรกขวาง
และของเหลวรั่วจากท่อบนที่สูงในขณะที่กำลังถอดแยก
รูปที่
๘ และ ๙ เป็นรายงานอุบัติเหตุที่มีการเล่าไว้ในปีพ.ศ.
๒๕๑๔
และ ๒๕๑๑
เรื่องแรกเป็นเหตุการณ์การรั่วไหลที่เกิดขึ้นเนื่องจาก
block
valve ปิดได้ไม่สนิทเพราะมีสิ่งสกปรกขวางการเคลื่อนที่
เรื่องที่สองเป็นคำเตือนว่าให้ระวังของเหลวรั่วจากท่อในขณะทำการถอดท่อที่อยู่บนที่สูง
โดยควรต้องมีระบบรองรับของเหลว
(ถ้ามีการรั่วไหล)
เพื่อระบายต่อไปยังที่ปลอดภัยหรือไม่ให้กระจัดกระจายออกไป
หรือลงไปสะสมอยู่ใต้นั่งร้านของผู้ที่ทำงานอยู่ข้างบน
รูปที่
๘ รายงานอุบัติเหตุที่
gate
valve วาล์วปิดได้ไม่สนิทเนื่องจากมีสิ่งสกปรกขวางทางเอาไว้
รายงานไม่ได้บอกว่าเป็นวาล์วชนิดไหน
แต่อ่านดูคำบรรยายแล้วน่าจะเป็น
gate
valve เพราะมีการกล่าวถึง
"spindle"
ที่เป็นโครงสร้างที่แสดงตำแหน่งของแผ่น
gate
ของตัว
gate
valve
อันที่จริงสาเหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะช่างคิดแต่เพียงว่าถ้าหมุนปิดจนหมุนไม่ได้แล้วก็ถือว่าวาล์วปิดสนิทแล้ว
โดยไม่รู้ว่าระยะของ spindle
ที่โผล่ขึ้นมานั้นบ่งชี้ได้ว่าวาล์วปิดสนิทแล้วหรือยัง
รูปที่
๙ ของเหลวรั่วจากท่อที่อยู่บนที่สูง
(เช่นบน
pipe
rack) ในขณะที่กำลังถอดแยก
ในกรณีนี้แม้ไม่ได้บ่งบอกว่ามีการเกิดอุบัติเหตุขึ้นโดยตรง
แต่เนื้อหาส่อให้เห็นว่าคงจะมีเหตุเกิดขึ้นเลยต้องมีการเตือนให้ระวัง
เหตุการณ์เพลิงไหม้ที่โรงกลั่นน้ำมัน
BP
Oil (Grangemouth) Refinery เมื่อปีพ.ศ.
๒๕๓๐
เรียกได้ว่าเป็นการรวมเอาเหตุการณ์ที่มีการเตือนเอาไว้ในรูปที่
๘ และ ๙ เข้าด้วยกัน
สิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ในร่องของ
gate
valve ทำให้ตัวแผ่น
gate
ปิดไม่สนิทแม้ว่าจะหมุน
hand
wheel จนสุดแล้วก็ตาม
ทำให้มีของเหลวรั่วไหลสะสมไปยังตำแหน่งที่ช่างจะทำการถอดแยกชิ้นส่วนท่อ
และด้วยการที่ไม่จัดให้มีระบบรองรับของเหลวที่รั่วไหลออกมา
ทำให้ของเหลวที่รั่วไหลออกมานั้นตกลงบนนั่งร้านและแผ่กระจายไปบนพื้นล่างที่เป็นที่ตั้งของนั่งร้านก่อนที่จะลุกติดไฟ
ทำให้ช่างประกอบท่อที่ทำงานบนนั่งร้านนั้นหมดทางหนี
และเสียชีวิต ๒ คน
ผู้สนใจสามารถอ่านเรื่องนี้เพิ่มเติมได้ในบทความหัวช้อเรื่อง
"เพลิงไหม้และการระเบิดที่
BP
Oil (Grangemouth) Refinery 2530(1987) Case 1 เพลิงไหม้ที่ระบบ
Flare"
ที่มีทั้งหมด
๔ ตอน
ICI
Newsletter เป็นเอกสารที่
Prof.
T. Kletz จัดทำขึ้นและแจกจ่ายเฉพาะภายในบริษัทโดยเริ่มในปีค.ศ.
๑๙๖๘
(พ.ศ.
๒๕๑๑)
ดังนั้นหลายเหตุการณ์ที่มีการเอ่ยถึงในนั้นจึงน่าจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายปีก่อนที่จะมีการเผยแพร่
หลายเหตุการณ์ที่มีการเอ่ยถึงในจดหมายข่าวดังกล่าวก็ถูกนำมาไว้ในหนังสือ
What
Went Wrong? ที่มีการจัดพิมพ์ซ้ำหลายครั้ง
แต่ด้วยการที่จัดทำเป็นหนังสือปกแข็งที่มีราคาแพง
ก็เลยไม่รู้เหมือนกันว่าในเมืองไทยจะมีสักกี่เล่ม
และจะมีสักกี่คนได้อ่าน
โชคดีหน่อยที่ในขณะนี้สามารถอ่าน
ICI
Newsletter ดังกล่าวได้ที่เว็บ
http://psc.tamu.edu/trevor-kletz
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น