"ตั้งตู้เย็นไว้ในห้องปิด
เดินเครื่องให้ตู้เย็นทำงาน
และเปิดประตูตู้เย็นทิ้งไว้
อุณหภูมิในห้องจะเปลี่ยนแปลงอย่างใด"
คำถามนี้มีมานานแล้ว
ผมเข้าเรียนวิศวใหม่ ๆ
เมื่อกว่าสามสิบปีที่แล้วก็ได้ยินคำถามนี้แล้ว
เรียกได้ว่าเป็นคำถามคลาสสิกในการสอบสัมภาษณ์วิศวกรเข้าทำงาน
เป็นคำถามสอบพื้นฐานความเข้าใจวิชาเทอร์โมไดนามิกส์
เครื่องปรับอากาศและตู้เย็นมีหลักการทำงานแบบเดียวกัน
คือใช้การเปลี่ยนเฟสของสารทำความเย็นในการรับความร้อนจากแหล่งหนึ่ง
และนำไประบายทิ้งยังอีกแหล่งหนึ่ง
แต่มันมีความแตกต่างมันอยู่ตรงตำแหน่งที่ตั้งของแหล่งรับความร้อนและแหล่งระบายความร้อน
แต่ก่อนอื่นเราลองมาทำความรู้จักระบบทำความเย็นที่ใช้กันทั่วไปในเครื่องปรับอากาศและตู้เย็นกันก่อนดีไหมครับ
พิจารณารูปที่ ๑
ข้างล่างตามไปด้วยก็แล้วกัน
เริ่มจากทางด้านขวาของรูปที่เป็นตัวคอมเพรสเซอร์
(compressor)
ตัวคอมเพรสเซอร์นี้จะรับพลังงานเข้ามา
(ปรกติก็คือพลังงานไฟฟ้า)
อัดไอสารทำความเย็นที่มีความดันต่ำ
ให้กลายเป็นไอสารทำความเย็นที่มีความดันสูงและมีอุณหภูมิสูงขึ้น
(พลังงานที่คอมเพรสเซอร์รับเข้ามา
ส่วนหนึ่งก็ถูกเปลี่ยนไปเป็นความดันและอุณหภูมิของตัวสารทำความเย็นที่เพิ่มขึ้น)
จากนั้นไอสารทำความเย็นที่มีความดันสูงและอุณหภูมิสูง
จะไหลไปยังเครื่องควบแน่นหรือแผงระบายความร้อน
ไอสารทำความเย็นจะระบายความร้อนสู่สารที่มารับความร้อน
(สำหรับตู้เย็นหรือเครื่องปรับอากาศขนาดเล็กก็คืออากาศ
แต่ถ้าเป็นเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่มักจะเป็นน้ำระบายความร้อน)
กลายเป็นสารทำความเย็นที่เป็นของเหลวที่มีความดันสูง
รูปที่
๑ แผนผังระบบทำความเย็น
ที่ใช้การเปลี่ยนแปลงเฟสของสารทำความเย็น
จากนั้นสารทำความเย็นที่เป็นของเหลวที่ความดันสูงจะไหลต่อผ่านวาล์วลดความดันหรือท่อแคปปิลารี
(ถ้าเป็นโรงงานขนาดใหญ่จะใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า
expander
หรือเครื่องกังหันเพื่อดึงเอาพลังงานกลับไปใช้ใหม่)
ทำให้ความดันและอุณหภูมิของสารทำความเย็นนี้ลดลง
สารทำความเย็นที่เป็นของเหลวและมีอุณหภูมิต่ำนี้จะไหลต่อไปยังคอยล์เย็น
(ในกรณีของเครื่องปรับอากาศคอยล์ก็คือตัวที่ติดตั้งอยู่ในห้อง
ในกรณีของตู้เย็นคอยล์เย็นก็คือตัวช่องทำน้ำแข็ง)
ที่คอยล์เย็นนี้สารทำความเย็นจะรับความร้อนจากอากาศที่อยู่ข้างนอกคอลย์เย็น
(ในกรณีของเครื่องปรับอากาศก็คืออากาศที่พัดลมพัดให้ไหลผ่าน
ในกรณีของตู้เย็นก็คืออากาศที่อยู่ในช่องทำน้ำแข็งนั่นเอง)
ทำให้อากาศภายนอกคอยล์เย็นมีอุณหภูมิลดลง
ส่วนตัวสารทำความเย็นเองจะระเหยกลายเป็นไอ
และไหลต่อไปยังด้านขาเข้าของเครื่องคอมเพรสเซอร์ก่อนที่จะถูกอัดให้มีความดันสูงขึ้นมาใหม่
ทีนี้เราลองมาพิจารณากรณีของเครื่องปรับอากาศดูบ้าง
(รูปที่
๒)
ดูเหมือนว่าเครื่องปรับอากาศเกือบทั้งหมดที่ใช้กันในปัจจุบันจะเป็นแบบแยกส่วนหมดแล้ว
(แต่ก่อนจะมีแบบติดหน้าต่าง
รูปทรงเป็นกล่องสีเหลี่ยมขนาดวงกบหน้าต่าง
แต่เดี๋ยวนี้ไม่เห็นแล้ว)
คือประกอบด้วยชุดคอยล์เย็นที่ติดตั้งอยู่ในห้องที่ต้องการทำความเย็น
(ที่มีลมเย็นพ่นออกมานั่นแหละ
ที่อาจติดห้อยอยู่กับเพดานหรือข้างผนัง
หรือไม่ก็ตั้งอยู่กับพื้น)
และชุดคอยล์ร้อยที่ติดตั้งอยู่ภายนอกห้องที่ต้องการทำความเย็นหรือภายนอกอาคาร
ชุดคอยล์ร้อนก็คือตัวที่มีทั้งคอมเพรสเซอร์และพัดลมเป่าอากาศผ่านคอยล์ร้อน
กรอบเส้นประสี่เหลี่ยมสีน้ำตาลคือเขตตัวห้อง
พึงสังเกตนะครับ
มีการดึงเอาความร้อนออกจากภายในตัวห้อง
(ที่คอยล์เย็น)
และไปปล่อยทิ้งนอกต้วห้อง(ที่คอยล์ร้อน)
ดังนั้นระดับพลังงานในห้องจะลดลง
ทำให้อากาศในห้องเย็นลง
จนกว่าจะถึงอุณหภูมิที่ตั้งเอาไว้
หรือจนกว่าอัตราการไหลของความร้อนเข้ามาในห้องร่วมกับอัตราการเกิดความร้อน
(เช่นจากตัวคน)
จะเท่ากับความสามารถของคอยล์เย็น
รูปที่
๒ แผนผังตำแหน่งที่ตั้งอุปกรณ์ต่าง
ๆ ของระบบปรับอากาศ
ทีนี้ถ้าเราลองมาพิจารณากรณีของตู้เย็นดูบ้าง
(รูปที่
๓)
เริ่มจากกรณีที่ย้งปิดประตูตู้เย็นอยู่
ตัวตู้เย็นนั้นทั้งชุดคอยล์เย็นและคอยล์ร้อนอยู่รวมเป็นชุดเดียวกันกับตัวตู้
ดังนั้นพอเราเอาตู้เย็นเข้าไปตั้งในห้อง
ตัวคอยล์ร้อนก็จะตามเข้าไปอยู่ในห้องด้วย
คอยล์เย็นจะดึงเอาความร้อนออกจากอากาศที่อยู่ภายในตู้เย็น
และระบายความร้อนออกทางคอยล์ร้อนที่อยู่ทางด้านหลังตู้เย็น
(รุ่นเก่าจะเห็นชัดว่าเป็นแผงตะแกรงท่อเหล็ก
แต่รุ่นใหม่เขาจะออกแบบซ่อนเอาไว้ทำให้เห็นผนังด้านหลังเรียบ)
ดังนั้นความร้อนที่ระบายออกมาก็ระบายออกสู่อากาศที่อยู่ในห้อง
ดังนั้นถ้าห้องที่ตั้งตู้เย็นนั้นไม่มีการระบายอากาศที่ดี
ก็จะทำให้อากาศในห้องร้อนขึ้น
(อันที่จริงการวางตู้เย็นเขาจะระบุว่าอย่าวางติดผนัง
ให้เว้นที่ว่างไว้
เพื่อให้มีอากาศไหลเวียนหลังตู้ได้
จะได้ระบายความร้อนออกจากคอยล์ร้อนได้สะดวก)
แต่สำหรับบ้านทั่ว
ๆ ไปนั้นไม่ค่อยจะรู้สึกเท่าใด
เพราะปริมาตรอากาศในตัวตู้เย็นมันน้อย
และตู้เย็นก็มีฉนวนความร้อนที่ดี
ถ้าไม่มีการเปิดตู้เย็นบ่อยครั้ง
ตู้เย็นมันก็จะทำงานเป็นพัก
ๆ พอระดับความเย็นได้ที่
มันก็จะหยุดการทำงาน
จนกว่าอุณหภูมิในตู้จะสูงเกินค่าที่ตั้งไว้
แล้วจึงค่อยทำงานใหม่
รูปที่
๓ แผนผังการตั้งตู้เย็นไว้ในห้อง
ภายในกรอบเส้นประสีน้ำเงินคือภายในตัวตู้เย็น
ภายในกรอบเส้นประสีน้ำตาลคือภายในตัวห้อง
ทีนี้มาลองพิจารณาว่าถ้าเราเปิดประตูตู้เย็นทิ้งเอาไว้จะเกิดอะไรขึ้น
อากาศที่คอยล์เย็นดึงเอาความร้อนออกก็คืออากาศที่อยู่ในห้องนั่นเอง
และอากาศที่คอยล์ร้อนระบายความร้อนออกก็คืออากาศที่อยู่ในห้องนั่นเอง
แต่ความร้อนที่คอยล์ร้อนระบายออกสู่อากาศภายในห้องนั้นมัน
"มากกว่า"
ความร้อนที่คอยล์เย็นดึงออกมาจากอากาศภายในห้อง
(ความร้อนที่คอยล์ร้อนระบายออกมาประกอบด้วย
ความร้อนที่ดึงออกมาจากอากาศภายในห้องที่คอยล์เย็น
และความร้อนที่เกิดจากการอัดสารทำความเย็นที่ตัวคอมเพรสเซอร์)
ดังนั้นอากาศภายในห้องนั้นจะ
"ร้อนขึ้น"
สำหรับวิศวกรจบใหม่ในปัจจุบัน
ผมว่าความยากของคำถามนี้มันไม่ได้อยู่ตรงที่ทฤษฎีเทอร์โมไดนานิกส์หรอก
แต่มันไปอยู่ตรงที่รู้จักกันหรือเปล่าว่าเครื่องปรับอากาศหรือตู้เย็นนั้นประกอบด้วยชิ้นส่วนใดบ้าง
ที่ทำหน้าที่อะไร และมันอยู่ตรงไหน
นั่นแหละ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น