วันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๕ Insulated Gate Bipolar Transistor (IGBT) MO Memoir : Saturday 29 May 2564

วิศวกรรมเคมีรุ่นก่อนหน้าผมจะเรียนวิชาพื้นฐานไฟฟ้ากันสองตัวด้วยกัน คือเรียนไฟฟ้ากำลังเทอมหนึ่งและไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์อีกเทอมหนึ่ง รุ่นที่ผมเข้าไปเรียนนั้นเขาปรับหลักสูตรใหม่ ด้วยการเอาไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ออกไป (คงคิดว่าไม่จำเป็นสำหรับวิศวเคมีมั้ง) แต่ก็ได้เรียนนิด ๆ หน่อย ๆ ตอนเรียนวิชาฟิสิกส์ ๒ ที่ยังทันได้เล่นกับหลอดสุญญากาศตอนทำแลป พอมีความรู้แค่พอรู้จักการทำงานของอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำพื้นฐานบางตัว ตอนนั้นหนังสือเรียนเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นที่นิยมมากสุดน่าจะเป็นหนังสือที่เขียนโดย อ. ยืน ภู่วรรวรรณ (คนที่เป็นฝาแฝดกับคุณหมอยง ที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไปในตอนนี้)

ตอนไปเรียนต่างประเทศก็ได้พบกับอาจารย์รุ่นพี่ท่านหนึ่งที่มาจากลาดกระบัง พี่เขามาเรียนทางด้านอิเล็กทรอนิกส์กำลัง (power electronic) ซึ่งตอนนั้นจัดว่าเป็นศาสตร์ค่อนข้างใหม่ในการนำมาใช้งานก็ได้ และเมื่อประมาณ ๔ ปีที่แล้วก็มีศิษย์เก่าคนหนึ่งมาปรึกษาเรื่องการประหยัดพลังงานให้กับปั๊มหอยโข่ง คือเขาพยายามนำเสนอการใช้เทคนิคปรับความถี่ของไฟฟ้าเพื่อไปปรับความเร็วรอบมอเตอร์อีกที แต่ผู้มีอำนาจตัดสินใจนั้นไม่ค่อยอยากจะยอมรับเท่าไรนัก ผมก็บอกกับเขาไปว่าไม่น่าแปลก เพราะในยุคสมัยเขานั้นอุปกรณ์พวกอิเล็กทรอนิกส์กำลังมันเป็นของใหม่ ยังมีปัญหาเรื่อง reliability อยู่ ทีนี้หลายบริษัทใหญ่ ๆ ในบ้านเราพอวิศวกรทำงานมาได้ถึงระดับหนึ่งก็มักจะย้ายไปทำงานบริหาร ไม่ได้ให้เติบโตและลงลึกทางด้านงานวิศวกร การเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่ย้ายหน้าที่ไปแล้วก็เลยไม่ค่อยจะได้ติดตาม อันนี้คือถ้ามองในแง่เทคโนโลยีเป็นหลัก แต่ถ้ามองจากอีกมุมหนึ่งคือการจัดการ การติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมนั้นหมายถึงผู้ปฏิบัติงานซ่อมบำรุงมีหน้าที่ความรับผิดชอบเพิ่มมากขึ้น (ในขณะที่จำนวนคนทำงานและเงินเดือนเท่าเดิม) มันไม่เหมือนกับการเปลี่ยนไปใช้มอเตอร์ที่มีความเร็วรอบลดลง หรือใช้ใบพัดขนาดเล็กลง เพราะภาระงานของผู้ซ่อมบำรุงนั้นยังคงเท่าเดิม

รูปที่ ๑ ตัวอย่างคุณลักษณะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กำลัง Insulated Gate Bipolar Transistor Module หรือย่อว่า IGBT (น่าจะเป็นคำย่อมาตรฐานด้วย) ที่ทางวิศวกรของบริษัท Mitsubishi ประเทศญี่ปุ่นยกมาเป็นตัวอย่างอบรบ

อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กำลังจำนวนไม่น้อยเป็นสินค้าควบคุมในกลุ่ม Nuclear Supplier Group (NSG) ลักษณะของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กำลังที่เข้าข่ายในกลุ่มนี้คือพวกที่ทำงานได้ที่ อุณหภูมิสูง, ความต่างศักย์สูง, กระแสสูง และทำงานได้อย่างรวดเร็ว (เช่นเปิด-ปิดได้อย่างรวดเร็ว) ตัวอย่างหนึ่งของอุปกรณ์นี้ได้แก่ Insulated Gate Bipolar Transistor Module หรือที่ย่อกันว่า IGBT ที่มีการนำไปใช้ในงานหลายอย่าง เช่นตัว inverter (ที่แปลงไฟกระแสสลับ-กระแสตรง), ควบคุมการจ่ายไฟให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้ความต่างศักย์สูงและกระแสไฟฟ้าสูง (เช่นรถไฟ) เป็นต้น

อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เป็น switching device ที่ใช้ในการควบคุมการไหลของกระแสไฟฟ้ามีอยู่ด้วยกันหลายชนิด (เช่น bipolar transistor, MOSFET, IGBT, หลอดสุญญากาศ) แต่ละชนิดก็มีช่วงการทำงานของมันเองที่โดดเด่นกว่าตัวอื่น ในรายการแรกของ EU-List คือ 3A001 จะใช้คำกลาง ๆ ว่า Electronic items (รูปที่ ๒) โดยไม่ระบุเฉพาะเจาะจงว่าเป็นอะไร ระบุแต่ว่าถ้ามันมีความสามารถในการทำงานถึงระดับนี้ก็ต้องเป็นสินค้าควบคุม จากนั้นในส่วนที่เป็น Note จึงค่อยยกตัวอย่างว่ามันครอบคลุมอุปกรณ์อะไรบ้าง

ในหัวข้อ 3A001.h. มีการใช้คำว่า 'modules' (อยู่ในเครื่องหมาย single quote ' .... ') ซึ่งรวมเอาอุปกรณ์ที่ประกอบด้วยชิ้นส่วนย่อย ๆ หลายชิ้นที่เมื่อนำมาประกอบรวมเข้าด้วยกันแล้วมีคุณสมบัติตามที่กำหนด

คำที่อยู่ในเครื่องหมาย single quote ' .... ' นั้นจะใช้กับหัวข้อนั้นเท่านั้น เช่นคำ 'modules' ที่อยู่ในหัวข้อ 3A001.h. ก็จะจำกัดเฉพาะหัวข้อนี้ แต่ถ้าเป็นคำที่อยู่ในเครื่องหมาย double quote " ... " จะครอบคลุมตลอดทั้ง Annex I (คือ List of Dual-Use Items) คือเป็นการนิยามความหมายของคำศัพท์ต่าง ๆ ที่ปรากฏในรายการ

รูปที่ ๒ ส่วนหนึ่งของรายละเอียดรายการ 3A001 โดย IGBT นั้นอยู่ในรายการ 3A001.h

เมื่อนำ IGBT ในรูปที่ ๑ มาพิจารณาว่าเข้าเกณฑ์สินค้าควบคุมหรือไม่ พบว่ามันเข้าเกณฑ์เพียงแค่ 2 ข้อคือข้อ 2. ที่ใช้กับความต่างศักย์ได้เกิน 300V (มันใช้ได้ถึง 3300V) และข้อ 3. คือรับกระแสต่อเนื่องได้เกิน 1A (มันรับได้ถึง 1500A) แต่ไม่เข้าเกณฑ์ข้อ 1. ที่ว่าต้องทำงานได้ที่อุณหภูมิ junction temperature สูงสุดสูงกว่า 215ºC ดังนั้นมันจึงไม่เป็นสินค้าควบคุมเพราะมันไม่เข้าเกณฑ์ "ครบ" ทุกข้อ

"junction temperature" ตัวนี้ไม่ใช่ ambient temperature ที่เป็นอุณหภูมิสิ่งแวดล้อม แต่เป็นอุณหภูมิที่บริเวณ "juction region" (คือจุดรอยต่อระหว่างสารกึ่งตัวนำสองชนิด)

เนื่องด้วย IGBT มักใช้กับกระแสไฟฟ้าสูง และด้วยการที่ความร้อนที่เกิดนั้นแปรตามปริมาณกระแสไฟฟ้ากำลังสอง การติดตั้ง IGBT จึงอาจต้องมีการติดตั้ง heat sink ช่วยในการระบายความร้อน (ซึ่งอาจจะใช้อากาศหรือน้ำช่วยระบายความร้อนออกจาก heat sink อีกทอดหนึ่ง) และในกรณีของ IGBT ที่มีขนาดใหญ่นั้น ขนาดของ heat sink ก็จะใหญ่ตามไปด้วย ทำให้เกิดกรณีที่ว่า heat sink สำหรับ IGBT นั้นเข้าข่ายเป็นเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนสำหรับใช้ในกระบวนการผลิตทางเคมีด้วยหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ได้กล่าวไว้ในตัวอย่างที่ ๒ ของบทความชุดนี้ (วันศุกร์ที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๔)

ใน Annex I นั้นคำว่า IGBT มีปรากฏอยู่แค่หัวข้อ 3A001.h ดังนั้นถ้าตรวจสอบด้วยคำว่า IGBT ก็อาจทำให้ตรวจเพียงแค่หัวข้อ 3A001.h เท่านั้น แต่ถ้าดูหน้าที่การทำงานของมันที่เป็น switching device จะพบว่ามีหัวข้อที่ต้องตรวจสอบเพิ่มเติมอีกในหัวข้อ 3A228.c (รูปที่ ๓)

รูปที่ ๓ รายละเอียดหัวข้อ 3A228.c สำหรับ switching device ที่เป็นสินค้าควบคุม

รูปที่ ๔ เป็นผลการพิจารณาว่า IGBT ตัวที่ยกมาเป็นตัวอย่าง (รูปที่ ๑) เข้าข่ายสินค้าควบคุมในหัวข้อ 3A001.h และ3A228.c หรือไม่ การพิจารณาในกรณีของหัวข้อ 3A001.h นั้นค่อนข้างจะตรงไปตรงมา แต่ในกรณีของหัวข้อ3A228.c นั้นเห็นว่ามีข้อควรระวังอยู่นิดนึง

รูปที่ ๔ ผลการวินิจฉัยในหัวข้อ 3A228.c

ในหัวข้อ 3A228.c นั้น ข้อ 1. และข้อ 2. จะตรงไปตรงมา คือใช้กับความต่างศักย์ได้มากกว่า 2000V และใช้กับกระแสได้ 500A หรือมากกว่า ซึ่งก็พบว่า IGBT ที่ยกมาเป็นตัวอย่างนั้นเข้าเกณฑ์สองข้อแรก แต่ในหัวข้อ 3. นั้นเขาใช้คำว่า "Turn-on time" 1 micro sec (0.000001 s) หรือน้อยกว่า แต่คุณลักษณะในรูปที่ ๑ นั้นให้มาเป็น "Turn-on delay time (td)" และ "Turn-on rise time (tr)" โดยค่า "Turn-on time" นั้นคือค่าผลรวมระหว่าง "Turn-on delay time (td)" และ "Turn-on rise time (tr)" ซึ่งเท่ากับ 0.95 micro sec + 0.3 micro sec = 1.25 micro sec ซึ่งในเกณฑ์นั้นต้องไม่เกิน 1 micro sec จึงทำให้ IGBT ตัวนี้ไม่เป็นชิ้นส่วนควบคุม

รูปที่ ๕ เป็นตัวอย่างคุณลักษณะของ IGBT ยี่ห้อหนึ่งที่เห็นว่ามีรูปร่างหน้าตาใกล้เคียงกับในรูปที่ ๑ เท่าที่ค้นดูพบว่าเขาจะให้ค่า "Turn-on delay time (Td on)" และ "Turn-on rise time (tr)" มาให้ (ตรงที่ขีดเส้นใต้สีแดง) ดังนั้นผู้ตรวจสอบต้องรู้ว่าค่า "Turn-on time" นั้นต้องเอาค่าเวลาทั้งสองมาบวกรวมกัน

ตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นว่าการตรวจสอบนั้นจะดูแค่ชื่อเรียกอุปกรณ์ไม่ได้ ต้องดูว่าอุปกรณ์นั้นทำหน้าที่อะไร อยู่ในหมวดหมู่ไหน และไปตรวจสอบในหมวดหมู่นั้น และคุณลักษณะบางอย่างนั้นข้อกำหนดให้ไว้เป็นค่า "ผลรวม" ในขณะที่ผู้ผลิตอุปกรณ์นั้นจะให้ค่าแยกออกมา ซึ่งผู้ตรวจสอบต้องรู้ว่าควรต้องเอาค่าไหนมาบวกรวมกัน

รูปที่ ๕ คุณลักษณะของ IGBT ยี่ห้อหนึ่งที่เห็นมีรูปร่างหน้าตาใกล้เคียงกับตัวอย่างในรูปที่ ๑

ไม่มีความคิดเห็น: