เรื่องวาล์วกันการไหลย้อนกลับ
(check
valve หรือ
non-return
valve) เคยเล่าไว้ใน
Memoir
ปีที่
๑ ฉบับที่ ๓๓ วันพุธที่ ๒๙
เมษายน ๒๕๕๒ เรื่อง
"วาล์วและการเลือกใช้ (ตอนที่ 2)"
เอาไว้ครั้งหนึ่งแล้ว
บังเอิญได้สังเกตเห็นการติดตั้งวาล์วกันการไหลย้อนกลับของระบบปั๊มน้ำของ
cooling
tower สองตัวที่เลือกใช้วาล์วต่างชนิดกัน
และติดตั้งในตำแหน่งท่อที่แตกต่างกัน
ดูเผิน ๆ ตอนแรกมันก็เหมือนกับว่าไม่มีอะไร
แต่พอพิจารณาให้ละเอียดก็พบว่ามันมีเรื่องน่าสนใจอยู่เหมือนกัน
ก็เลยขอนำมาเล่าสู่กันฟัง
(cooling tower ในที่นี้หอระบายความร้อนจากน้ำ ด้วยการให้น้ำร้อนตกลงสู่แอ่งข้างล่างสวนทางกับอากาศที่ไหลขึ้นข้างบน น้ำร้อนจะระเหยกลายเป็นไอไปบางส่วน โดยส่วนที่ระเหยไปนั้นจะดึงเอาความร้อนออกจากน้ำไปด้วย ทำให้น้ำร้อนเย็นตัวลงกลายเป็นน้ำเย็น และสามารถนำไประบายความร้อนได้ใหม่ (เช่นจากระบบเครื่องปรับอากาศหรือเครื่องยนต์ที่ติดตั้งอยู่กับที่)
วาล์วกันการไหลย้อนกลับมีหลายแบบ แต่ที่จะกล่าวถึงใน Memoir นี้คือชนิด swing check valve (รูปที่ ๑) และ lift check valve (รูปที่ ๒) โดยปรกติในการทำงานของวาล์วกันการไหลย้อนกลับนั้น การเปิดทางให้ของไหลไหลผ่านวาล์วได้นั้นจะอาศัยแรงดันของของไหลในทิศทางการไหลที่ถูกต้อง ส่วนการปิดกั้นการไหลนั้นจะอาศัยแรงดันของของไหลที่ไหลกลับทิศร่วมกับ "แรงโน้มถ่วงของโลก รูปที่ ๑ และ ๒ เป็นการทบทวนการทำงานของวาล์วทั้งสองแบบเอาไว้แล้ว
รูปที่
๑ Swing
check valve รูปซ้ายเป็นการไหลจากซ้ายไปขวา
(รูปจาก
http://www.spiraxsarco.com)
ตัว
disc
จะเปิดตัวขึ้นตามลูกศรสีแดง
(ไปอยู่ที่ตำแหน่งเส้นสีเขียว
โดยไม่ขนานไปกับทิศทางการไหล)
ถ้ามีการไหลย้อนกลับจากขวามาซ้าย
แรงดันจากการไหล (ลูกศรสีน้ำเงิน)
ก็จะดันให้ตัว
disc
ตกกลับมาอยู่ที่ตำแหน่งปิด
วาล์วชนิดนี้ติดตั้งในแนวดิ่งได้
แต่ต้องเป็นการไหลจากล่างขึ้นบน
(รูปขวา)
การติตตั้งเข้ากับท่อในแนวราบก็ห้ามติดตั้งกลับหัวหรือวางเอียง
เพราะจำเป็นต้องใช้แรงดึงดูดของโลกในการทำให้ตัว
disc
ปิดเวลาที่มีการไหลย้อนกลับ
และที่บอกว่าตัว disc
ต้องไม่เปิดจนขนานไปกับทิศทางการไหลก็เพราะถ้าตัว
disc
เปิดจนขนานกับทิศทางการไหลและนำไปติดตั้งในแนวดิ่ง
เมื่อเกิดการไหลย้อนกลับจะไม่มีแรงดันให้ตัว
disc
ปิดตัวลงมา
รูปที่
๒ Lift
check valve (รูปจาก
http://www.flosteer.com/checkvalves.htm)
วาล์วตัวซ้ายเป็นชนิดไม่มีสปริงช่วยกด
plug
แรงต้านการเปิดจะต่ำ
(ตามน้ำหนักของตัว
plug)
แต่ใช้ได้สำหรับการติดตั้งเข้ากับท่อในแนวราบเท่านั้น
ห้ามกลับหัวหรือวางเอียงด้วย
ตามรูปเมื่อมีของไหลไหลจากซ้ายไปขวา
ของไหลนั้นจะดันตัว plug
(หรือ
disc)
ให้ยกตัวขึ้น
(ตามลูกศรสีแดง)
และเปิดช่องให้ของไหลไหลผ่านไปได้
แต่ถ้าเป็นการไหลกลับทางจากขวามาซ้าย
ตัว plug
จะถูกของไหลร่วมกับแรงโน้มถ่วงของโลกกดให้ตัว
plub
ตกลงมาปิดรูการไหล
ส่วนตัวขวาเป็นชนิดที่มีสปริงช่วยกด
plug
(ตามแรงสปริง)
(รูปจากhttp://www.dalsonsvalves.com/lcv.htm)
รูปแบบหลังนี้จะมีแรงต้านทานการเปิดที่สูงกว่าแบบแรก
บางคนก็บอกว่าแบบที่มีสปริงช่วยนี้สามารถติดตั้งในท่อแนวดิ่งได้
แต่ตัวผมเองไม่มั่นใจว่าจะไว้วางใจได้สักเท่าใด
ที่นี้ลองมาดูตัวอย่างการติดตั้งที่ได้ไปถ่ายรูปมา
รูปที่ ๓ เป็นการติดตั้ง
swing
check valve ทางท่อด้านขาออกของปั๊มในส่วนที่น้ำไหลจากล่างขึ้นบน
จุดสังเกตที่ทำให้รู้ว่าวาล์วตัวนั้นเป็นชนิด
swing
check valve คือมันมีหัวนอตตัวเล็ก
ๆ ที่ทำหน้าที่เป็นส่วนของแกนบานพับปรากฏให้เห็นข้างตัววาล์ว
ระบบวาล์วตัวนี้ไม่มีปัญหาอะไร
ที่ทำให้ผมแปลกใจคือระบบ
piping
ของ
cooling
tower อีกตัวหนึ่ง
พบว่ามีการติดตั้ง lift
check valve อยู่ด้วยกันสามตัว
ตัวแรกเป็นวาล์วด้านขาออกจาก
cooling
tower
โดยปั๊มสูบน้ำเย็นที่อยู่ในอ่างที่อยู่ด้านล่างเพื่อส่งออกไปใช้เป็นน้ำระบายความร้อน
(รูปที่
๔ ด้านซ้ายบนและซ้ายล่าง)
โดยในกรณีนี้เป็นการไหลจากล่างขึ้นบน
(ตามลูกศรสีแดง)
ซึ่งผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไปถึงเลือกติดตั้งวาล์วชนิด
lift
check valve ในแนวดิ่ง
ในกรณีนี้คิดว่าการใช้
swing
check valve น่าจะดีกว่า
อีกสองตัว (รูปที่ ๔ ด้านขวาบนและขวาล่าง) เป็นตัวที่ทำให้ผมประหลาดใจ ตอนแรกคิดว่าเป็นการไหลจากล่างขึ้นบนเหมือนกับวาล์วตัวแรก แต่พอไล่ระบบท่อพบว่าเป็นการไหลจากบนลงล่าง โดยการไหลเมื่อผ่าน check valve ทั้งสองตัวแล้วจะรวมเป็นท่อเดียวกัน และไหลตรงลงสู่อ่างรับน้ำที่อยู่ด้านล่างของ cooling tower
ประเด็นคำถามของผมสำหรับวาล์วตัวนี้มีสองประเด็นคือ
(ก)
การติดตั้ง
lift
check valve ในรูปแบบนี้
lift
check valve จะทำงานป้องกันการไหลย้อนกลับได้หรือไม่
ซึ่งสำหรับคำถามข้อนี้เองผมเองก็คิดว่าไม่น่าจะไว้ใจได้
(ส่วน
swing
check valve ไม่ต้องพูดถึง
มันทำงานแบบการไหลจากบนลงล่างไม่ได้)
และ
(ข)
จำเป็นต้องมีการติดตั้ง
check
valve ในระบบท่อส่วนนี้หรือไม่
คำถามข้อ
(ข)
อาจทำให้หลายคงงง
ก็ในเมื่อน้ำไหลจากที่สูง
(มาตามท่อสีส้มในรูปที่
๔ ขวาล่างที่มีลูกศรสีแดงกำกับ)
ตรงลงมายังถังรับน้ำที่อยู่ต่ำกว่า
แล้วน้ำจะไหลย้อนกลับขึ้นไปยังที่สูงกว่าได้อย่างไร
รูปที่
๓ ตัวอย่างการติดตั้ง swing
check valve เข้ากับท่อด้านขาออกปั๊มซึ่งเป็นท่อในแนวดิ่ง
ในกรณีนี้เป็นการไหลจากล่างขึ้นบน
ที่วงแดงเอาไว้คือหัวนอตที่เป็นส่วนหนึ่งของแกนหมุนของ
disc
ทำให้บอกให้รู้ว่าเป็นชนิด
swing
check valve
คำตอบคือ
เป็นไปได้ "โดยมีข้อแม้ว่า"
ท่อที่อยู่อีกฟากหนึ่งของกำแพงนั้นมีส่วนที่มีระดับต่ำกว่าระดับน้ำในถังรับน้ำของ
cooling
tower และท่อส่วนดังกล่าวมีจุดให้น้ำรั่วไหลได้
(ดูรูปที่
๕ ประกอบ)
ซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นก็จะทำให้เกิดปรากฏการณ์
"กาลักน้ำ
-
siphon" ที่สามารถทำให้น้ำในถังรับน้ำของ
cooling
tower ไหลย้อนขึ้นที่สูงก่อนที่จะรั่วออก
ณ ตำแหน่งที่อยู่ที่ระดับต่ำกว่าระดับผิวน้ำในถังรับน้ำได้
ถ้าไม่ต้องการให้เกิดปรากฏการณ์นี้ก็คงต้องทำการติดตั้งวาล์วกันการไหลย้อนกลับ ตามรูปที่ ๕ นั้นบริเวณที่เหมาะสมได้แก่ตำแหน่งที่ 1 และตำแหน่งที่ 3 ที่สามารถติดตั้งได้ทั้งชนิด swing check valve และ lift check valve หรือตำแหน่งที่ 2 ที่ควรเป็นชนิด swing check valve หรือไม่ก็พวก ball check valve (ลองไปค้นรูปดูเอาเองก็แล้วกัน) ที่ติดตั้งได้ทั้งในแนวราบและในแนวดิ่งที่เป็นการไหลจากล่างขึ้นบน
รูปที่
๔ วาล์วกันการไหลย้อนกลับชนิด
lift
check valve (แบบที่แสดงในรูปที่
๒ แต่จะมีสปริงช่วยดันหรือเปล่าผมก็ไม่รู้)
พึงสังเกตว่ารอบตัววาล์วนั้นจะไม่มีหัวนอตที่เป็นส่วนของแกนบานพับเหมือนชนิด
swing
check valve ที่แสดงในรูปที่
๓ ให้เห็น
ส่วนในกรอบสี่เหลี่ยมสีแดงคือลูกศรบอกทิศทางการไหล
ของปั๊มหอยโข่งในรูปซ้ายจะเป็นการไหลจากล่างขึ้นบน
ส่วนของท่อในรูปขวาเป็นการไหลจากบนลงล่าง
ในระบบที่เป็นการไหลของน้ำด้วยแรงโน้มถ่วง
(gravity
flow) เช่นที่ใช้กันในระบบ
water
seal
นั้นใช้วิธีการที่แตกต่างกันออกไปโดยไม่ต้องพึ่งการใช้วาล์วกันการไหลย้อนกลับ
เรื่องนี้จะขอยกไปเป็นเรื่องต่างหาก
คอยติดตามได้ในตอนหน้า
(ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นเมื่อไร)
รูปที่
๕ ในกรณีนี้ drain
valve อยู่ที่ระดับต่ำกว่าระดับผิวบนสุดของน้ำในถังรับน้ำ
ดังนั้นถ้า drain
valve เปิดออกจะทำให้น้ำระบายออกทางวาล์วตัวนี้
และน้ำในถังรับน้ำจะไหลย้อนขึ้นสูงก่อนที่จะไหลออกทาง
drain
valve ได้เนื่องจากเกิดปรากฏการณ์
"กาลักน้ำ
-
siphon"