วันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

แผนที่ทางหลวงประเทศไทย ๒๔๙๙ MO Memoir : Friday 20 July 2561

" ... รถไปวิ่งตั้งต้นตี ๒ ครึ่งที่สะพานพุทธยอดฟ้า ผ่านจังหวัดที่ต้องผ่านหัวหิน ประจวบฯ ศาลเจ้าพ่อเขาช้าง จุดประทัดกันแล้วก็ผ่านชุมพรไประนอง รถหยุดที่ด่าน มานีลุกเข้าห้องน้ำแล้วก็ไปกินข้าวกลางวันกันที่ระนอง จากนั้นก็ผ่านกระเปอร์ถึงตะกั่วป่าก็ ๑๕.๐๐ น. เห็นจะได้ เลี้ยวขึ้นเขาไปบ้านดอน ก่อนถึงพุนพินยางแตกเปลี่ยนยางแล้ววิ่งเข้าบ้านดอนเวลา ๑๘.๐๐ น. พอดิบพอดี ... " (จากเรื่อง "ผีหลอกที่บ้านดอน" ในหนังสือ "ผีกระสือที่บางกระสอ" โดย สง่า อารัมภีร พิมพ์ครั้งที่สาม โดยสำนักพิมพ์ดอกหญ้า กุมภาพันธ์ ๒๕๓๙)
 
ข้อความข้างบนนั้นผู้เขียนไม่ได้ระบุว่าเป็นเหตุการณ์ในปีพ.ศ. ใด แต่เดาว่าน่าจะหลังปีพ.ศ. ๒๔๙๙ เพราะดูจากเวลาที่รถเดินทางได้นั้นทำให้คาดเดาได้ว่าถนนช่วง ระนอง-ตะกั่วป่า และช่วงข้ามเขา ตะกั่วป่า-บ้านดอน นั้นสร้างเสร็จแล้ว เพราะแผนที่ทางหลวงประเทศไทยที่นำมาให้ดูกันในวันนี้ ไม่ได้ระบุว่าเป็นแผนที่ที่จัดทำในปีพ.ศ. ใด แต่ไปปรากฏอยู่ในหนังสือ "ทัศนาสารไทย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา" ที่จัดพิมพ์ในปีพ.ศ. ๒๔๙๙ แสดงว่าตัวแผนที่นั้นต้องได้รับการจัดทำเอาไว้ในปีพ.ศ. ๒๔๙๙ หรือก่อนหน้านั้น
  
รูปที่ ๑ แผนที่ที่นำมาแสดงมาจากหนังสือ ทัศนาสารไทย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ฉบับของสำนักวัฒนธรรมทางศิลปกรรม สภาวัฒนธรรมแห่งชาติ หน้าหลังของหนังสือมีตราประทับระบุไว้ว่า (นายเฉลิม พันธุ์ภักดี ผู้พิมพ์และผู้โฆษณา เลขที่ ๒๐ โทร 20715 พ.ศ. ๒๔๙๙ (หมายเลขโทรศัพท์สะกดด้วยเลขอารบิก นอกนั้นเป็นเลขไทย) โรงพิมพ์ภักดีประเสริฐ พ.ศ. ๒๔๘๐ ถนนหลังวังบูรพา พระนคร) ส่วนฉบับของจังหวัดฃลบุรีไม่ได้รายละเอียดปีที่พิมพ์ระบุไว้ แต่คาดว่าน่าจะอยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน

รูปที่ ๒ แผนที่ตอนบนของประเทศ

บทประพันธ์เก่า ๆ จำนวนไม่น้อย ถือได้ว่าเป็นบันทึกบรรยากาศของบ้านเราและการใช้ชีวิตประจำวันของคนไทยทั่วไปในอดีต อย่างเช่นการเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ นั้นทำได้อย่างไร ใช้เวลาเท่าใด ได้พบเจอกับอะไรบ้าง อย่างเช่นในเรื่อง "อภินิหารเจ้าพ่อกรมหลวงชุมพรฯ" ที่อยู่ในหนังสือเล่มเดียวกันนี้ สง่า อารัมภีร ได้บันทึกการเดินทางจากกรุงเทพไปยังชุมพรในช่วงปีพ.ศ. ๒๕๐๒ - ๒๕๐๓ เอาไว้ดังนี้
 
" ... ตอนแรกว่าจะไปรถไฟ แต่มนัสเขาบอกว่าไปรถ ร... ดีกว่า ทหารก็ครึ่งราคาเหมือนรถไฟ เย็น ๆ ก็ถึง ที่ประชุม ๔ คนจึงตกลงไปชุมพรด้วย ร... ด้วยความดีใจที่ได้เที่ยวไกล ๆ เรา ๔ คนจึงกินเหล้ากันจนดึกดื่น สันต์กินเสียจนเป็นไข้ พอขึ้นรถก็หลับเรื่อยไปทีเดียว รถสมัยก่อนไม่มีเบอร์ที่นั่ง เราไปช้าจึงต้องนั่งข้างหลัง รถกระแทกเสียจนสร่างเมาเชียวครับ ถนนสมัยโน้นดีแค่ถึงหัวหินเท่านั้นเอง ส่วนหัวหินไปประจวบฯ ยังเป็นลูกรัง ประจวบฯ ไปทับสะแกและบางสะพานเป็นหลานรัง คือแย่ยิ่งกว่าลูกรัง เมื่อถึงบางสะพานก็หยุดนาน ข้าวของบนหลังคาลงที่ทับสะแกเสียครึ่งหนึ่ง ลงที่บางสะพานหมดเลย คนโดยสารก็เหลือน้อยมาก .... "
" ... เรานอนไปได้จากบางสะพานถึงชุมพร เพราะรถทั้งคนมีคนโดยสารไม่ถึง ๑๐ คน ถึงชุมพรก็บ่ายโข ... "

รูปที่ ๓ แผนที่ตอนล่างของประเทศ

แผนการเชื่อมต่อเมืองต่าง ๆ ที่อยู่ห่างไกลกันด้วยการคมนาคมทางบกของไทยนั้น เดิมจะใช้เส้นทางรถไฟเป็นหลัก จากนั้นจึงค่อยใช้เส้นทางถนนแยกย่อยออกไปจากตัวสถานีรถไฟ ดังจะเห็นได้จากการพัฒนาถนนที่ปรากฏในแผนที่ กล่าวคือจะมีการพัฒนาถนนจากสถานีรถไฟหลักไปยังจังหวัดต่าง ๆ ที่ไม่มีรถไฟผ่านก่อน เช่นทางเหนือก็จะมีถนนจากแพร่ไปยังน่าน ถนนจากลำปางไปเชียงราย และถนนจากเชียงใหม่ไปยังอำเภอต่าง ๆ ของจังหวัด แต่ไม่ยักมีถนนเชื่อมระหว่าง แพร่-ลำปาง-เชียงใหม่ (รูปที่ ๔) การเดินทางไปภูเก็ตก็น่าจะเป็นนั่งรถไฟไปที่ตรังก่อน จากนั้นจึงค่อยเดินทางด้วยรถยนต์ย้อนขึ้นไปทางกระบี่ หรือไม่ก็คงลงเรือเพื่อเดินทางไปยังภูเก็ตเลย (รูปที่ ๖) ส่วนทางภาคอีสานก็ทำนองเดียวกัน เส้นทางถนนที่เชื่อมต่อระหว่างภาคกลางกับภาคอีสานก็จะเป็นทางด้านลพบุรี ชัยบาดาล ที่เชื่อมต่อไปยังชัยภูมิ (รูปที่ ๔) ซึ่งถ้าเทียบกับแผนที่ปัจจุบันก็น่าจะเป็นทางหลวงหมายเลข ๒๐๕ การที่เลือกสร้างถนนเส้นนี้ก่อนก็น่าจะเป็นเพราะเป็นช่วงที่ตัดผ่านภูเขาที่สั้นที่สุด และยังมีค่ายทหารอยู่ที่ลพบุรีด้วย ดังนั้นถ้าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นทางภาคอีสาน ก็สามารถที่จะเคลื่อนย้ายกำลังจากภาคกลางไปได้รวดเร็ว นอกเหนือไปจากเส้นทางรถไฟที่อาจถูกปิดกั้นได้ง่าย ดังที่เคยเกิดขึ้นในกรณีที่เรียกว่า "กบฎบวรเดช" ที่มีการต่อสู้กันตามทางรถไฟ โดยเฉพาะในช่วงสถานีหินลับ-ทับกวาง-ปากช่อง ที่มีการทำลายทั้งสะพานรถไฟและเส้นทาง

รูปที่ ๔ แผนที่ส่วนขยายบริเวณภาคเหนือและภาคกลาง

รูปที่ ๕ แผนที่ส่วนขยายบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

รูปที่ ๖ แผนที่ส่วนขยายบริเวณภาคใต้

รูปที่ ๗ แผนที่ส่วนขยายบริเวณภาคใต้และภาคตะวันออกตอนล่าง

รูปที่ ๘ แผนที่ส่วนขยายบริเวณภาคกลางและภาคตะวันออก

Memoir ฉบับนี้ก็ไม่มีอะไรมาก เป็นเพียงแค่เอาข้อมูลที่พบในหนังสือเล่มหนึ่งที่ยืมมาจากห้องสมุดมาบันทึกไว้ เพื่อที่จะได้ใช้ทำความเข้าใจในการอ่านหนังสือเล่มอื่น

ไม่มีความคิดเห็น: