นอกเหนือไปจากวิชาการออกแบบเครื่องปฏิกรณ์เคมี
(Chemical
reactor) แล้ว
เนื้อหาวิชาอีกวิชาหนึ่งที่ทำให้วิศวกรรมเคมีแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงกับวิศวกรรมเครื่องกลคือการออกแบบหน่วยแยกสาร
ไม่ว่าจะเห็นหน่วยกลั่น
(Distillation)
หรือหน่วยสกัด
(Extraction)
หอกลั่นเป็นหน่วยปฏิบัติการ
(Operation
unit) ที่สำคัญหน่วยหนึ่งของอุตสาหกรรมเคมี
เพราะเป็นหน่วยที่ใช้พลังงานมาก
(ใส่ความร้อนเข้าทางด้านล่างและระบายออกทางด้านบน)
มี
delay
time ต่อการตอบสนองที่สูง
(สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะมีปริมาณสารอยู่ในระบบมาก)
ในกระบวนการกลั่นนั้น
ไอร้อนจะไหลขึ้นจากด้านล่างหอกลั่นขึ้นสู่ด้านบน
สวนทางกับของเหลวเย็นที่ป้อนลงมาจากทางด้านบนของหอกลั่น
ตกลงสู่ด้านล่างด้วยแรงโน้มถ่วง
ในระหว่างการไหลสวนทางกันนี้
องค์ประกอบที่มีจุดเดือดสูงในไอเมื่อสัมผัสกับของเหลวที่เย็นกว่าที่ตกสวนลงมา
องค์ประกอบที่มีจุดเดือดสูงก็จะควบแน่นออกมาจากไอ
เข้ามาอยู่ในของเหลว
และไหลลงสู่ด้านล่างพร้อมกับของเหลวนั้น
ส่วนองค์ประกอบที่มีจุดเดือดต่ำที่อยู่ในของเหลวที่ตกลงมา
เมื่อสัมผัสกับไอร้อนที่ไหลสวนขึ้นไป
องค์ประกอบที่มีจุดเดือดต่ำก็จะระเหยออกจากของเหลวไปอยู่ในส่วนที่เป็นไอและไหลขึ้นไปพร้อมกับไอระเหยนั้น
ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นตลอดตั้งแต่ด้านล่างขึ้นสู่ด้านบนของหอกลั่น
ทำให้สารผสมที่ประกอบด้วยสารที่มีจุดเดือดสูงและจุดเดือดต่ำแยกตัวออกจากกัน
โดยสารที่ออกทางด้านล่างของหอกลั่น
(หรือก้นหอกลั่น
-
Bottom) จะมีความเข้มข้นของสารที่มีจุดเดือดสูงเพิ่มสูงขึ้น
และไอระเหยที่ออกทางด้านบนของหอกลั่น
(หรือยอดหอกลั่น
-
Top) จะมีความเข้มข้นของสารที่มีจุดเดือดต่ำเพิ่มมากขึ้น
เพื่อให้การส่งผ่านสารที่มีจุดเดือดสูงจากไอไปยังของเหลว
และสารที่มีจุดเดือดต่ำจากของเหลวไปยังไอนั้นเกิดขึ้นได้ดี
จำเป็นต้องมีการเพิ่มพื้นที่สัมผัสระหว่างไอกับของเหลวให้มากขึ้น
วิธีการปฏิบัติที่ใช้กันทั่วไปคือการใช้สิ่งที่เรียกว่า
"Tray"
หรือ
"Packing"
บรรจุอยู่ภายในตัวหอกลั่น
ส่วนจะเลือกใช้ชนิดไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับการออกแบบ
เพราะแต่ละแบบนั้นต่างก็มีข้อจำกัดของตัวมันเองอยู่
สำหรับผู้ที่เรียนทางด้านวิศวกรรมเคมีที่ได้เรียนวิชานี้มาแล้วก็คงพอจะนึกภาพออกว่าหอกลั่นแบบ
Tray
และแบบ
Packing
นั้นแตกต่างกันอย่างไร
เรื่องรายละเอียดของการกลั่นนั้นจะยังไม่ขอกล่าวในที่นี้
วางแผนไว้ว่ากำลังจะเขียนอยู่เหมือนกันสำหรับให้ผู้ที่ไม่ได้เรียนมาทางด้านวิศวกรรมเคมีจะได้รู้จักการทำงานของหอกลั่น
ปัญหาหนึ่งของการเรียนเรื่องการกลั่นของนิสิตวิศวกรรมเคมีคือการที่ไม่มีโอกาสได้เห็นโครงสร้างภายในหอกลั่น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Tray
ที่มีรูปแบบหน้าตาต่าง
ๆ
บังเอิญว่าเมื่อกลางปีที่แล้วได้มีโอกาสไปเยี่ยมภาควิชาวิศวกรรมเคมีที่
University
of Malaya และได้เห็นเขามี
Tray
หอกลั่นที่มีบริษัทหนึ่งทำขึ้นและบริจาคให้ภาควิชาเพื่อให้ผู้เรียนได้รู้จักว่า
Tray
แบบต่าง
ๆ นั้นมันมีหน้าตาที่แท้จริงอย่างไร
(ของบ้านเราไม่รู้เหมือนกันว่ามีใครทำไว้บ้างหรือเปล่า)
ก็เลยถือโอกาสถ่ายรูปมาให้ดูกัน
เพราะเขาทำมาเพียงแค่ Tray
เดียวแต่ประกอบด้วย
Tray
รูปทรงต่าง
ๆ ไม่ว่าจะเป็นชนิด Bubble
cap, Sieve หรือ
Perforated
และชนิด
Valve
ส่วนแต่ละชนิดมีหน้าตาอย่างไรนั้นก็ดูในรูปเอาเองก็แล้วกัน
มาถึงตรงนี้อาจมีบางคนบ่นว่าผมควรจะเขียนเรื่องนี้ตั้งแต่ก่อนเริ่มปีการศึกษา
๒๕๕๗ เพราะมีบางคนต้องเรียนเรื่องนี้ในภาคการศึกษาที่ผ่านมา
(ผมเองก็ไปถ่ายรูปเหล่านี้มาก่อนเปิดภาคการศึกษาด้วย)
แต่ก็ช่วยไม่ได้จริง
ๆ ครับเพราะช่วงนั้นมันมีอะไรต่อมิอะไรอย่างอื่นให้ทำเยอะไปหมด
เพิ่งจะมีเวลาว่างก็ช่วงหยุดปีใหม่นี้แหละ
เพราะไม่ได้ไปเที่ยวไหน
นั่งเขียน Memoir
นี่แหละ
วันละฉบับ จะได้หยุดพักหน่อยก็วันพรุ่งนี้
ที่จะได้ไปเที่ยวกับเขาบ้างซักที
:)
รูปที่
๑ หน้าตารูปแบบต่าง ๆ ของ
Tray
หอกลั่นที่ตั้งแสดงไว้ที่หน้าภาควิชาวิศวกรรมเคมีที่
University
of Malaya
รูปที่ ๒ หน้าตาของ Bubble cap ซึ่งมีราคาแพง แต่มีช่วงการทำงานที่กว้าง
รูปที่ ๒ หน้าตาของ Bubble cap ซึ่งมีราคาแพง แต่มีช่วงการทำงานที่กว้าง
รูปที่
๓ Sieve
tray หรือ
Perforated
tray เป็น
tray
ที่มีราคาถูก
แต่ของเหลวจะรั่วลงทางรูได้ถ้าความเร็วของไอต่ำเกินไป
เพราะไม่มีอะไรคอยปิดรู
รูปที่ ๔ Valve tray เป็นตัวที่อยู่ตรงกลางระหว่าง Sieve tray กับ Bubble cap tray รูปนี้เป็นวาล์วรูปวงกลม
รูปที่ ๖ ด้านขวาเป็นอีกหน้าตาหนึ่งของ Sieve tray ส่วนด้านซ้ายเป็น Valve tray ที่ใช้วาล์วรูปทรงสี่เหลี่ยม
รูปที่ ๗ ด้านขวาคือ Sieve tray รูปทรงเดียวกับในรูปที่ ๖ ต่างกันตรงที่ในรูปนี้มีจำนวนช่องเปิดที่มากกว่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น