เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
เนื่องในโอกาสวันครู
มีคลิปวิดิโอโฆษณาชิ้นหนึ่ง
ความยาวตลอดทั้งเรื่องประมาณ
๑๐ นาที
ซึ่งแน่นอนว่าไม่สามารถที่จะออกอากาศทางโทรทัศน์ได้ในครั้งเดียว
คลิปวิดิโอนั้นมีชื่อว่า
"อาจารย์ใหญ่
ครูผู้ให้ -
The Everlasting Teacher"
บ่ายวันวาน ผมได้มีโอกาสได้ชมโฆษณาชิ้นนี้เต็มตลอดทั้งเรื่องอีกครั้ง ตั้งแต่ต้นจนจบ แต่มีท่อนหนึ่งที่ผมประทับใจมาก คือท่อนที่เป็นข้อความในจดหมายที่กล่าวเอาไว้ว่า
บ่ายวันวาน ผมได้มีโอกาสได้ชมโฆษณาชิ้นนี้เต็มตลอดทั้งเรื่องอีกครั้ง ตั้งแต่ต้นจนจบ แต่มีท่อนหนึ่งที่ผมประทับใจมาก คือท่อนที่เป็นข้อความในจดหมายที่กล่าวเอาไว้ว่า
"....
ที่แรกที่คนตายจะเดินทางไปถึง
คือการได้เข้าไปในความทรงจำของใครสักคน
แต่จะเป็นความทรงจำที่ดีหรือไม่
ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราปฏิบัติกับคน
ๆ นั้น ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่
....."
-------------------------------
"อาจารย์
อย่าเพิ่งไป ขอพูดอะไรด้วยหน่อย"
เขาเรียกผมเมื่อผมกำลังจะเคลื่อนรถออกไป
หลังจากรับบัตรเข้าที่จอดรถจากเขา
"มีอะไรหรือครับ"
ผมถามเขา
"ขอบคุณอาจารย์มากเลยค่ะ"
ประโยคนี้ของเขาทำเอาผมงง
เขาจำผิดคนหรือเปล่า
ก็ผมไม่เคยไปช่วยอะไรเขาเลย
เจอหน้ากันก็ตอนรับบัตรเข้าอาคารจอดรถ
หรือไม่ก็ตอนคืนบัตรเมื่อออกจากอาคารจอดรถ
"เรื่องที่อาจารย์เปิดกระจกรถลงจนสุด
และกล่าวทักทายทุกครั้งที่เจอ"
-------------------------------
เมื่อปี
๒๕๓๗ เมื่อผมกลับมาทำงานใหม่
ๆ ต้องเข้ารับการอบรมบุคคลากรใหม่
อาจารย์ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่เคยทำหน้าที่เป็นผู้บริหารมหาวิยาลัยให้ข้อคิดว่า
ทุกคนในหน่วยงานต่างมีหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติ
การปฏิบัติหน้าที่ของเขาก็เพื่อให้กิจกรรมต่าง
ๆ มันเดินไปตามที่มันควรเป็น
เมื่อเขาปฏิบัติหน้าที่ตามที่เขาได้รับมอบหมาย
เราก็ต้องเคารพและให้เกียรติต่อการทำหน้าที่ของเขา
แม้กระทั่งยามที่ทำหน้าที่แจก-รับบัตรให้กับรถที่วิ่งผ่านเข้า-ออกมหาวิทยาลัย
(แต่ก่อนจะมีการแจก-รับบัตรให้กับรถที่ผ่านเข้าออกมหาวิทยาลัย
แต่เพิ่งจะเลิกไปหลังการชุมนุมใหญ่ปี
๒๕๕๖)
คนจำนวนไม่น้อยที่ขับรถผ่าน
ทำเพียงแค่ลดกระจกลงเพียงนิดเดียวเพียงแค่ให้สอดบัตรผ่านได้
ทำเหมือนกับเขาไม่มีตัวตนในสังคม
-------------------------------
"อาจารย์จะไม่ดู
portfolio
ของผมหน่อยหรือครับ"
เป็นคำถามที่ผมได้ยินเป็นประจำเวลาสอบสัมภาษณ์นักเรียนที่สอบผ่านข้อเขียนเพื่อเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย เขาคงแปลกใจที่กรรมการสอบไม่ได้แสดงความสนใจใน porfolio รวบรวมผลงานของเขาเลย ทั้ง ๆ ที่เขาอุตส่าห์เตรียมมาเป็นอย่างดี (ตามความคิดของเขา)
เป็นคำถามที่ผมได้ยินเป็นประจำเวลาสอบสัมภาษณ์นักเรียนที่สอบผ่านข้อเขียนเพื่อเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย เขาคงแปลกใจที่กรรมการสอบไม่ได้แสดงความสนใจใน porfolio รวบรวมผลงานของเขาเลย ทั้ง ๆ ที่เขาอุตส่าห์เตรียมมาเป็นอย่างดี (ตามความคิดของเขา)
นักเรียนที่ถามคำถามอย่างนี้มักจะโดนกรรมการถามคำถามกลับ
และสิ่งที่เขาแสดงออกเมื่อได้ยินคำถามนั้นมันก็บอกอะไรต่อมิอะไรได้หลายอย่าง
คำถามนั้นก็คือ
"ถามจริง
ๆ เถอะ ถ้าทำแล้วไม่ได้ใบประกาศ
จะทำไหม"
-------------------------------
"หนูเข้าใจคำพูดที่อาจารย์บอกไว้เมื่อ
๒ ปีที่แล้วแล้วค่ะ"
นิสิตหญิงปริญญาโทปีสองกว่าผู้หนึ่งบอกกับผม
เมื่อสองปีก่อนหน้านั้น
เมื่อเขากำลังจะจบการศึกษาระดับปริญญาตรี
และกำลังคิดจะมาเรียนต่อระดับปริญญาโทที่ภาควิชา
เขาได้มาคุยกับผมเรื่องเรียนต่อ
สิ่งหนึ่งที่ผมบอกเขาไปก็คือ
"เรื่องความรู้ความสามารถของพวกคุณ
ผมไม่มีข้อสงสัย
เพราะปั้นเองมากับมือตั้ง
๓ ปี
พวกคุณจะสมัครเรียนกับอาจารย์คนใดเขาก็พร้อมที่จะรับอยู่แล้ว
เป็นตัวเลือกอันดับแรก ๆ
ของพวกอาจารย์ด้วย แม้แต่ตัวผมเอง
เว้นแต่ว่าช่วงที่ผ่านมาคุณจะเคยก่อเรื่องเอาไว้เยอะจนเขาไม่อยากจะรับ
แต่การเรียนโทไม่เหมือนเรียนตรีนะ"
แล้วผมก็บอกเขาต่อไปว่า
"จากประสบการณ์ของผมเองที่ผ่านมา
ทำให้บางครั้งที่ผมคิดว่า
เราเก็บความทรงจำดี
ๆ ที่มีต่อกันตลอดช่วงเวลา
๓ ปีที่ผ่านมาให้มันคงอยู่อย่างนั้นตลอดไปดีไหม
ดีกว่าที่จะทำให้ไม่อยากจะเจอหน้ากันตลอดชีวิตเพราะสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีก
๒ ปีข้างหน้า"
-------------------------------
ในงานเลี้ยงรุ่นเมื่อ
๒ ปีที่แล้ว เพื่อนคนหนึ่งร้องทัก
"นี่มึงพูด
"ครับ"
กับนิสิตด้วยเหรอ
เด็กที่ไปทำงานด้วยมันเล่าให้ฟัง"
"ก็พูดอย่างนี้จนเคยชิน"
ผมตอบกลับไป
-------------------------------
"ถึงเขาจะจากไป
แต่เขาก็ยังคงอยู่นะอาจารย์"
ผู้ที่นั่งข้าง
ๆ ผมเอ่ยขึ้นในขณะที่กำลังฟังการสวดศพที่วัดหลักสี่เมื่อหลายปีมาแล้ว
"ใช่ครับ"
ผมตอบกลับเพียงสั้น
ๆ
-------------------------------
เมื่อเกือบ
๒๐ ปีที่แล้ว มหาวิทยาลัยต่าง
ๆ
ในประเทศได้รับการสนับสนุนครุภัณฑ์เพื่อการเรียนการสอนและการวิจัยจากโครงการเงินกู้สองโครงการด้วยกัน
ระยะเวลานั้นอาจเรียกได้ว่าเป็นช่วงที่เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ฝ่ายพัสดุที่ทำหน้าที่ประสานงานทั้งกับหน่วยงานภายนอก
หน่วยงานภายใน ติดต่อกรรมการผู้ออกข้อกำหนด
ผู้เปิดซอง ผู้ตรวจรับ
ให้คำปรึกษาทางเทคนิค ฯลฯ
ต้องทำหน้าที่ต่าง ๆ วุ่นวายไปหมด
เพราะไม่เพียงแต่งานเอกสารที่มีเพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัวอย่างกระทันหัน
แต่ยังต้องรองรับอารมณ์ผู้เกี่ยวข้องต่าง
ๆ ที่พอไม่ได้ดังใจก็มาลงที่งานพัสดุ
ผมเองก็ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับงานดังกล่าว
ในส่วนการออกข้อกำหนด
การตรวจรับ และกรรมการทางเทคนิค
ทำให้ได้มีโอกาสติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่หญิงสาวผู้หนึ่งของทางคณะ
ที่เวลาไปติดต่อทีไรก็เห็นทำงานวุ่นอยู่ทุกที
แต่ไม่ว่างานที่อยู่ตรงหน้าของเธอนั้นจะวุ่นวายสักแค่ไหน
สิ่งหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ผู้นั้นมีให้กับทุกคนที่ต้องเข้าไปติดต่อด้วยก็คือ
"คำพูดที่ไพเราะและรอยยิ้ม"
น่าเสียดายที่เจ้าหน้าที่ผู้นั้นต้องจบชีวิตก่อนเวลาอันควรจากอุบัติเหตุ
แต่สิ่งหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ผู้นั้นได้ทำไว้ในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่คือ
"การบริจาคอวัยวะ"
ให้ผู้อื่นที่ต้องการ
เพื่อให้เขาเหล่านั้นได้มีโอกาสที่จะมีชีวิตที่ยืนยาวต่อไป
-------------------------------
"วันนั้นนึกไม่ถึงจริง
ๆ นะว่าจะวนรถกลับไป"
ภรรยาผมพูดถึงเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นบนถนนสุขุมวิทช่วงจากบางแสนไปบางพระ
หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นไม่กี่วัน
"ก็สิ่งที่ทำลงไปในวันนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดี"
ผมตอบกลับไป
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีมาแล้ว
ผมขอไม่เล่าว่ามันเป็นเรื่องอะไร
แต่จะขอเก็บเอาไว้ในซอกเล็ก
ๆ ของลิ้นชักความทรงจำของตัวเอง
ว่าครั้งหนึ่งในชีวิตก็ได้มีโอกาสทำบางสิ่งบางอย่าง
ที่ได้ทำให้ใครสักคนที่ไม่เคยรู้จัก
ไม่เคยพบปะอะไรกันมาก่อน
ยิ้มได้ทั้งรอยยิ้มและแววตา
-------------------------------
วันนี้สามารถเรียกได้ว่าเป็นวันสุดท้ายของชีวิตการเรียนในระดับปริญญาตรี
และอาจเป็นวันสุดท้ายในชีวิตการเรียนของใครต่อใครอีกหลายคน
สำหรับนิสิตป.ตรีรหัส
๕๔ ของภาควิชา
เชื่อว่าแต่ละคนคงจะมีแผนการณ์ต่าง
ๆ อยู่ในใจแล้วว่าเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วจะทำอะไรต่อไป
เป้าหมายในชีวิตของตนนั้นคืออะไร
แต่มีสิ่งหนึ่งที่อยากฝากไว้ให้กับทุกคนก็คือ
"อย่าลืมหาโอกาสทำอะไรบ้างบางอย่าง
ที่มันจะทิ้งความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับตัวคุณเองไว้ในหัวใจผู้อื่น"
ขอให้โชคดีทุกคน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น