วันอังคารที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2562

ทำไมสายดินจึงมีสองสี MO Memoir : Tuesday 5 March 2562

ไฟฟ้ากระแสสลับที่ใช้กันตามบ้านเรือนทั่วไปนั้นจะมีสายไฟฟ้าเข้าบ้านสองสาย สายหนึ่งเป็นสายที่มีไฟที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า live (ไลฟ) หรือ line (ไลน์) ซึ่งเรียกได้ทั้งสองแบบ สายนี้ถ้าเอาไขควงเช็คไฟไปตรวจก็จะเห็นหลอดไฟติด อีกสายหนึ่งนั้นเป็นสาย neutral (นิวทรอน) ที่เป็นสายสำหรับให้ไฟฟ้าไหลได้ครบวงจร สายนี้ถ้าเอาไขควงเช็คไฟไปตรวจจะไม่เห็นหลอดไฟติด และยังมีอีกสายหนึ่งที่แต่ละบ้านต้องเดินเองก็คือสายดิน ที่ภาษาอังกฤษเรียกว่าสาย earth (อังกฤษ) หรือ ground (อเมริกา) ที่เอาไว้ป้องกันผู้คนเวลาที่เกิดการรั่วไหลของไฟฟ้าเข้าสู่ตัวโครงสร้างอุปกรณ์

รูปที่ ๑ รูปบนเป็นรูปสี ส่วนรูปล่างใช้โปรแกรม Photoscape ปรับภาพเป็น grayscale
 
ตอนที่ผมไปเรียนที่อังกฤษเมื่อ ๓๐ ปีที่แล้ว เวลาที่ซื้ออุปกรณ์ไฟฟ้ามาใช้ต้องซื้อปลั๊กตัวผู้แยกต่างหากเพื่อมาต่อเข้ากับสายไฟของอุปกรณ์ไฟฟ้า ทั้งนี้เป็นเพราะช่วงนั้น (ซึ่งเริ่มเมื่อใดก็ไม่รู้ แต่น่าจเป็นช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒) อังกฤษอยู่ระหว่างการเปลี่ยนมาตรฐานการเดินสายไฟในอาคารซึ่งส่งผลไปถึงรูปแบบของปลั๊กตัวเมียที่ต้องเปลี่ยนไปด้วย (คือมีการใส่ฟิวส์ที่ปลั๊กตัวผู้ ทำให้ต้องเปลี่ยนปลั๊กตัวเมียให้มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม) ผู้ผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าก็เลยไม่ติดปลั๊กตัวผู้มาให้กับสายไฟ ผู้ใช้ต้องไปหาซื้อปลั๊กติดเองตามแบบที่บ้านตัวเองใช้ (ว่ายังคงใช้มาตรฐานเก่าหรือเปลี่ยนเป็นมาตรฐานใหม่แล้ว) และสิ่งหนึ่งที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นประจำทุกปีก็คือ การต่อผิด โดยเอาสายดินนั้นไปต่อเข้ากับสาย live
 
ตามมาตรฐาน IEC60446 นั้น สำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้ไฟเฟสเดียว สายที่ฉนวนมีสีเขียว-เหลืองกำหนดให้เป็นสายดิน สาย live ในฉนวนมีสีน้ำตาล และสาย neutral ให้ฉนวนมีสีน้ำเงิน (ปลั๊กตัวขวาในรูปที่ ๑) ซึ่งดูเหมือนว่าตอนนี้สายไฟในบ้านเราก็ใช้สีแบบนี้ (แต่ก่อนจะเห็นใช้สีเทากับดำ)
 
การกำหนดสายดินให้ฉนวนมีสีเขียว-เหลืองนั้นเริ่มต้นเมื่อใดก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ก็น่าจะไม่น้อยกว่า ๕๐ ปีมาแล้ว เพราะไปค้นพบคำถามหนึ่งที่ปรากฏใน ICI Newsletter ฉบับที่ ๒๓ ตุลาคม ค.ศ. ๑๙๗๐ (พ.ศ. ๒๕๑๓) (รูปที่ ๒) ที่มีผู้ถามว่าทำไปมาตรฐานใหม่จึงกำหนดให้สายดินมีสีเขียว-เหลือง ทั้ง ๆ ที่โลกก็ไม่ได้มีสีนี้ และทำไมสาย live จึงมีสีน้ำตาลและสาย neutral จึงมีสีน้ำเงิน

รูปที่ ๒ จาก ICI Newsletter ฉบับที่ ๒๓ ตุลาคม ค.ศ. ๑๙๗๐ (พ.ศ. ๒๕๑๓)

คำตอบที่มีผู้ตอบไว้ค่อนข้างชัดเจนดี คือตอนนั้นในแต่ละประเทศต่างใช้มาตรฐานที่ต่างกัน ทำให้สีของสายแตกต่างกันไปด้วย การเลือกสีที่ประเทศหนึ่งใช้กับสายแบบหนึ่งตามมาตรฐานของเขา แต่กลับมาระบุให้เป็นสายอีกแบบหนึ่งตามมาตรฐานสากลจะทำให้เกิดปัญหาได้ และสีที่เหลืออยู่ให้เลือกก็มีไม่มาก โดยสีน้ำเงินและน้ำตาลก็เป็นตัวเลือกไม่กี่ตัวที่เหลือง โดยปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการพิจารณาเลือกสีสายไฟก็คือ ควรต้องลดความผิดพลาดในการทำงานในสภาพที่มีแสงสว่างไม่มาก และต้องทำให้ "คนตาบอดสี" สามารถแยกแยะสายไฟได้
 
ด้วยเหตุนี้จึงต้องเลือกสีของสาย live และ neutral ให้ตรงข้ามกันในแง่ที่ว่าคนตาบอดสีต้องมองเห็นสีต่างกัน คือสายหนึ่งจะมีสีที่เข้มและอีกสายอื่นจะมีสีที่อ่อน ส่วนสายดินนั้นใช้ให้มันมีสองสีโดยเลือกสีที่คนตาบอดสีนั้นจะมองเห็นเป็นแถบสีเข้ม-อ่อน (สายอื่นจะเห็นเพียงสีเดียว) ตรงนี้ลองพิจารณารูปที่ ๑ ดูเอาเองก็แล้วกัน ตัวสายดินที่มีสองสีนั้นภาพอาจไม่ชัดหน่อย (เพราะขี้เกียจรื้อสายไฟ) แต่น่าจะพอมองเห็นได้ว่าเมื่อปรับภาพจากภาพสีเป็น grey scale แล้วจะมองเห็นสายดินมีสองเป็นแถบสีเข้ม-อ่อน

ไม่มีความคิดเห็น: