วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

เก็บตกท่องเที่ยวญี่ปุ่น MO Memoir : Sunday 15 May 2559

เป็นครั้งแรกที่การเดินทางไปต่างประเทศมีวัตถุประสงค์เพื่อไปเที่ยวเพียงอย่างเดียว นับเป็นการกลับไปยังดินแดนแห่งนั้นอีกครั้ง (แม้ว่าจะเป็นคนละเมืองกัน) เป็นครั้งที่ ๓ แต่ก็ห่างจากการไปครั้งที่ ๒ ถึง ๒๐ ปี เนื่องด้วยเพิ่งจะกลับมา ก็เลยยังไม่อยากเขียนเรื่องสาระวิชาการใด

. โคนันชูนิ้วกลาง

 ช่วงขณะนี้ทางญี่ปุ่นกำลังมีการฉายการ์ตูน Conan the movie ตอนที่ ๒๐ พอดี ลูก ๆ บอกว่าอยากจะดูเรื่องนี้เพราะกว่าจะเข้ามาฉายที่เมืองไทยก็คงอีกนาน เย็นวันหนึ่งก็เลยแวะไปดูรอบฉายที่โรงภาพยนต์ใกล้กับโรงแรมที่พัก พอเห็นใบปิดโฆษณาหนัง ลูกก็ทักขึ้นมาว่า "พ่อดูซิ โคนันชูนิ้วกลาง"
 



รูปที่ ๑ ใบปิดโฆษณาภาพยนต์ Conana the movie เรื่องที่ ๒๐ เป็นรูปโคนันชูนิ้วกลาง
 
อันที่จริงผมว่าคนออกแบบเขาคงตั้งใจจะเห็นเป็นรูปโคนันขยับแว่นตาให้เข้าที่ เห็นรูปนี้แล้วก็ทำให้นึกถึงการ์ตูนญี่ปุ่นหลายเรื่องที่เวลาตัวการ์ตูน (โดยเฉพาะผู้ชาย) เวลาจะขยับแว่นตาให้สูงขึ้น จะใช้นิ้วดันไปที่ส่วน "bridge" (คือส่วนที่เชื่อมกรอบเลนส์ด้านซ้ายและด้านขวาเข้าด้วยกัน

. างเท้านี้ไม่ได้มีไว้ให้สำหรับจักรยาน

บ้านเราพยายามที่จะทำทางเท้าให้ผู้พิการหรือผู้ที่ต้องนั่งรถเข็นเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ ด้วยการทำทางลาดขึ้น-ลง แต่สิ่งที่ตามมาก็คือกลายเป็นช่วยทำให้จักรยานยนต์ขึ้นมาขับขี่ไล่คนเดินเท้าบนทางเท้าได้ง่ายขึ้น 
  
ในญี่ปุ่นก็มีทางเท้าบางแห่งที่เขาไม่ต้องการให้จักรยานขึ้นมาใช้ทางเท้า (แต่ก็ยังมีการฝืนกันอยู่ให้เห็น) เขาก็เลยใช้วิธีการปักเสาเตี้ย ๆ ประมาณ ๕๐ - ๖๐ เซนติเมตร เพื่อไม่ให้จักรยานปั่นผ่านได้ (แต่ก็เห็นยกข้ามไปได้อยู่ดี) แต่การปักเสาดังกล่าวมันทำให้ผู้นั่งรถเข็นไม่สามารถขึ้นมาใช้ทางเท้าได้เช่นกัน จึงได้มีการออกแบบประตูที่รถเข็นสามารถผ่านไปได้ แต่จักรยานผ่านไม่ได้ ในเมืองที่ไปเดินเล่นนั้นก็เห็นมีอยู่ด้วยกัน ๒ รูปแบบ
 
รูปแบบแรกเป็นประตูแบบบานพับ (รูปที่ ๒) ผู้นั่งรถเข็นนั้นจะต้องผลักบานประตูไปด้านทางออกก่อน จากนั้นก็เข้าไปอยู่ในรั้วรูปตัว U แล้วก็ผลักบานประตูกลับมายังด้านทางเข้า ก็จะเปิดทางให้ไปอีกฟากหนึ่งได้ ขนาดของรั้วรูปตัว U จะกว้างเพียงแค่รถเข็นเข้าไปได้ แต่จักรยานที่ลำตัวยาวกว่าจะไม่สามารถเข้าไปกลับลำในรั้วดังกล่าวได้
 



รูปที่ ๒ ช่องทางสำหรับให้ผู้นั่งรถเข็นผ่านไปได้ แต่ไม่ให้จักรยานผ่านได้

รูปแบบที่สองเป็นประตูหมุนรูปโค้ง (รูปที่ ๓) รถเข็นจะต้องเข้าไปในวงประตูโค้งนั้นก่อน จากนั้นจึงค่อยหมุนวงประตูเพื่อเปิดทางออก ก็จะสามารถผ่านไปได้ ขนาดของวงประตูนี้เพียงแค่รถเข็น (และอาจรวมคนเข็นรถ) เข้าไปอยู่ข้างในได้ แต่จะเล็กกว่าความยาวจักรยาน ทำให้ถ้าจักรยานจะใช้ทางนี้เป็นทางผ่านจะไม่สามารถหมุนประตูให้เปิดได้ เพราะด้านท้ายของจักรยานจะขวางประตูเอาไว้


รูปที่ ๓ ช่องทางสำหรับให้ผู้นั่งรถเข็นผ่านไปได้ แต่ไม่ให้จักรยานผ่านได้ (อีกรูปแบบหนึ่ง)

. ไม่ทำให้ประเทศชาติเสียชื่อเสียง

เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเดินทางไปเที่ยวในครั้งนี้ แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตอนที่ผมไปอบรมการเดินเครื่องโรงงานที่ญี่ปุ่น เมื่อเกือบ ๓๐ ปีที่แล้วและเป็นครั้งแรกที่ได้เดินทางไปต่างประเทศ ตอนนั้นเป็นช่วงเดือน พฤษภาคม - มิถุนายน ๒๕๓๑
 
ช่วงนั้นผมเป็นวิศวกรเพิ่งจบ บริษัทที่ผมทำงานได้ซื้อเทคโนโลยีการผลิตจากบริษัทแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น และโรงงานที่เมืองไทยกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ผมเองอยู่ในทีมของฝ่ายผลิตก็เลยได้มีโอกาสไปเรียนรู้การเดินเครื่องโรงงานที่นั่นเป็นเวลาเกือบ ๒ เดือน มีทั้งการเรียนภาคทฤษฎีและเข้าร่วมทำงานในกะร่วมกับทางวิศวกรญี่ปุ่นด้วย
 
ในฐานะที่เป็นลูกค้า ทางบริษัทญี่ปุ่นก็เลยให้ทางวิศวกรของเขาที่ทำงานร่วมด้วยนั้นช่วยดูแลพวกเรา ด้วยการพาไปเที่ยวพักผ่อนตามที่ต่าง ๆ ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ (ช่วงที่ไม่มีการเข้ากะ) และสถานที่หนึ่งที่เขาพาไปก็คือ บ่ออาบน้ำร้อน (ที่เรียนกว่าออนเซ็นนั่นแหละ) แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ริมอ่าวโตเกียว ห้องที่เป็นบ่อแช่น้ำร้อนที่นี่จะมีหน้าต่างกระจกสำหรับชมทิวทัศน์ในทะเล
 
ในการเข้าไปอาบนั้น ด้านหน้าห้องจะมีตระกร้าวางไว้ ข้างในมีผ้าขนหนูสำหรับถูตัวและเช็ดตัว ผู้เข้าไปอาบจะต้องแก้ผ้าก่อน เอาเสื้อผ้าใส่ในตระกร้านั้น แล้วถือเข้าไปเฉพาะผ้าขนหนู วิศวกรของไทยแม้ว่าจะเคยเล่นกันตลกโปกฮา ทะลึ่ง ลามก กันอย่างไรก็ตาม แต่ก็ไม่เคยถึงขึ้นแก้ผ้าอาบน้ำร่วมกับคนอื่นเป็นหมู่ เย็นวันแรกที่ไปถึงก็เรียกว่าคิดหนักกันเลยว่าจะทำยังไงกันดี สุดท้ายก็มีพี่คนหนึ่งอาสาลุยเดี่ยวเข้าไปอาบน้ำเป็นคนแรกเพื่อดูลาดเลาให้ก่อน คนอื่นที่เหลือก็รอกันอยู่ที่ห้องพัก พักใหญ่ ๆ พี่คนที่อาสาเข้าไปอาบน้ำกับคนญี่ปุ่นเป็นคนแรกก็ออกมา พี่วิศวกรหัวหน้าทีมก็เลยรีบเข้าไปถามว่า "ข้างในเป็นยังไงบ้างวะ" พี่คนแรกที่เข้าไปอาบน้ำก่อนก็ตอบกลับมาด้วยความภาคภูมิใจว่า

"ไม่ทำให้ประเทศชาติเสียชื่อเสียง" (ส่วนจะเป็นเรื่องอะไร คิดกันเอาเองนะครับ วันนี้พอแค่นี้ก่อน )

ไม่มีความคิดเห็น: