วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2563

เมทานอลกับเจลล้างมือ MO Memoir : Monday 30 March 2563

"อาจารย์คะ หนูมีคำถามค่าาา
อันนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องเรียนนะคะ
เหมือนกับว่าก่อนหน้านี้มันมีข่าวว่าพบว่ามีการแอบใช้เมทานอลในการทำเจลล้างมือ
แล้วหนูกับพวกรุ่นพี่บางกลุ่มกำลังคิดว่าอาจทำ infographic มาให้ความรู้
คือที่เมทานอลมันไม่สามารถใช้ได้ นอกจากเรื่องที่มันกินไม่ได้
แล้วมีเรื่องอะไรอีกหรอคะ คือมัน toxic ไรงี้หรอคะ"

เย็นวันวานมีสาวน้อยรายหนึ่งส่งข้อความถามมาเรื่องเกี่ยวกับการเอาเมทานอลมาทำเจลล้างมือ อันที่จริงผมก็ได้ให้ความเห็นส่วนตัวของผมกับเขาไปแล้ว แต่เห็นว่ามันน่าจะมีประโยชน์กับผู้อื่นอยู่บ้าง ก็เลยขอนำมาขยายความเพิ่มเติมบันทึกไว้ในที่นี้
  
ปัจจุบันมีการนำเสนอข้อมูลในรูปของ Infographic กันมากขึ้น ซึ่งวิธีการนี้ในความเห็นส่วนตัวของผมแล้ว มันเหมาะมากสำหรับการนำเสนอให้ผู้ที่รับสื่อนั้น "เชื่ออย่างรวดเร็ว โดยไม่คิดพิจารณา" ซึ่งในบางงานนั้นมันก็ใช้ได้ดี เช่นการเผยแพร่ คำเตือน ข้อห้าม อันตราย ฯลฯ แต่ถ้าเป็นการให้ความรู้ที่ถูกต้อง ก็ต้องพิจารณาให้ดี เพราะด้วยเนื้อที่จำกัดนั้น ทำให้มันไม่สามารถใช้รายละเอียดที่จำเป็นบางประการเพิ่มเติมเข้าไปได้ เช่น ข้อยกเว้น ข้อจำกัด ข้อควรระวัง เป็นต้น บ่อยครั้งที่เห็นว่าข้อมูลที่ Infographic ให้มานั้น "ไม่ผิด" แต่คนที่รับข้อมูลนั้นเอาไป "ขยายความ" แบบไม่ถูกต้อง มันก็เลยก่อให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา
  
สำหรับเรื่องนี้ สิ่งแรกที่ผมบอกเขาไปว่า จะกล่าวถึงอะไรที่ไม่ใช่ศาสตร์ของเรา (ก็คือทางด้านวิศวกรรมเคมี) ก็ต้องหาแหล่งอ้างอิงหน่อย และควรเป็นแหล่งที่เชื่อถือได้ โดยในที่นี้ผมขอยกเอาข้อมูลมาจาก 
  
- Center for Disease Control (CDC) หรือหน่วยงานควบคุมและป้องกันโรคติดต่อของสหรัฐอเมริกา (รูปที่ ๑)
  
- "Infection prevention and control of epidemic- and pandemic-prone acute respiratory infections in health care" WHO Guidelines เป็นเอกสารที่จัดทำโดยองค์การอนามัยโลกเมื่อปีค.ศ. ๒๐๑๔ เกี่ยวกับการรับมือโรคที่เกิดกับระบบทางเดินหายใจ ซึ่งตอนนั้นตัวสำคัญที่รู้จักกันก็มีไข้หวัดจากเชื้อไวรัส H5N1, H1N1, H7N9, MERSE และ SARS เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจาก https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK214356/ ซึ่งเป็นเว็บของNational Institute of Health (NIH) หรือหน่วยงานด้านสุขภาพของสหรัฐอเมริกา (รูปที่ ๒)
  
- หน้าที่ ๒๔๐ และ ๒๔๑ ของหนังสือ "Disinfection, Sterilization, and Preservation" โดย Seymour Stanton Block ที่ค้นผ่านทาง Google book (รูปที่ ๓ และ ๔) โดยจับภาพหน้าจอสองหน้านี้มาให้อ่านกัน
  
เนื้อหาใน Memoir ฉบับนี้ไม่ได้ต้องการจะบอกว่าเอาเมทานอลมาทำเจลล้างมือแล้วจะมีปัญหาไหม แต่อยากให้ตั้งคำถามแยกเป็นประเด็นดังนี้

ข้อ ๑ สารดังกล่าวมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อที่ต้องการหรือไม่
ข้อ ๒ สารดังกล่าวก่อให้เกิดปัญหาอะไรกับพื้นผิวที่มันสัมผัสหรือกับผู้ใช้งานหรือไม่
ข้อ ๓ การตกค้างของสารดังกล่าวบนพื้นผิวก่อให้เกิดปัญหาหรือไม่
   
เชื้อจุลชีพที่ทำให้เกิดโรคนั้น ในทางจุลชีววิทยาจะแบ่งออกเป็นกี่กลุ่มผมก็ไม่รู้ เท่าที่พอรู้ก็มีพวก แบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา และพาราสิต (เช่นเชื้อที่ทำให้เกิดมาลาเรีย) และในแต่ละกลุ่มนั้นมันก็แยกกลุ่มย่อยออกไปอีก สารที่มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อโรคก็ไม่ได้หมายความว่ามันฆ่าได้ทุกกลุ่ม หรือแม้แต่ในแต่ละกลุ่ม ก็ไม่ได้หมายความว่ามันฆ่าได้ทุกกลุ่มย่อย อย่างเช่นเอทานอลที่เรารู้กันว่าฆ่าเชื้อโรคบนผิวหนังได้ แต่มันฆ่าเชื้อราที่ทำให้เกิดโรคผิวหนังไม่ได้ เวลาที่เราเป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา เอาเอทานอลทามันก็ไม่หาย ต้องใช้ยาฆ่าเชื้อราต่างหาก หรือแม้แต่เราไม่สบายเนื่องจากติดเชื้อแบคทีเรีย หมอก็ยังต้องดูว่าเกิดจากเชื้อแบคทีเรียประเภทไหน จะได้ใช้ยาปฏิชีวนะได้ถูกชนิด
  
รูปที่ ๑ ข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อของแอลกอฮอล์ที่ปรากฏในหน้าเว็บของ CDC เรื่อง "Guideline for Disinfection and Sterilization in Healthcare Facilities (2008)" ผมจับภาพหน้าจอเฉพาะเนื้อหาตรงส่วนนี้มาแสดง (จาก https://www.cdc.gov/infectioncontrol/guidelines/disinfection/disinfection-methods/chemical.html)

ข้อมูลในย่อหน้าแรกของรูปที่ ๑ กล่าวถึงบทบาทของแอลกอฮอล์ในการฆ่าเชื้อ "แบคทีเรีย" โดยกล่าวว่าเมทานอลมีฤทธิ์อ่อนสุด (คิดว่าเป็นการเทียบกันระหว่าง เมทานอล เอทานอล และไอโซโพรพานอล) แม้แต่เอทานอลและไอโซโพรพานอลเองก็ยังมีความสามารถในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่แตกต่างกัน
   
ย่อหน้าที่สองของรูปที่ ๒ กล่าวถึงความสามารถในการฆ่าเชื้อ "ไวรัส" ของเอทานอลและไอโซโพรพานอล (ไม่มีการกล่าวถึงเมทานอล) ที่แม้ว่าแอลกอฮอล์ทั้งสองชนิดจะมีความสามารถในการฆ่าเชื้อไวรัสได้อย่างกว้างขวาง แต่ก็มีฤทธิ์ในการฆ่าที่แตกต่างกัน และก็มีข้อยกเว้นด้วย เช่นเอทานอลไม่สามารถจัดการกับเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคตับอักเสบชนิด A และโรคปอลิโอได้ แต่จัดการกับไวรัสไข้หวัดใหญ่ (influenza ได้)
   
รูปที่ ๒ จากเอกสาร "Infection prevention and control of epidemic- and pandemic-prone acute respiratory infections in health care" WHO Guidelines จัดทำโดยองค์การอนามัยโลก

ข้อมูลในหัวข้อ G.1 ของรูปที่ ๒ กล่าวว่าแอลกอฮอล์เป็นสารที่มีประสิทธิผลในการฆ่าเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ โดยเอทานอลเข้มข้น 70% จัดว่ามีประสิทธิผลสูงกว่าไอโซโพรพานอล สารอีกตัวหนึ่งที่มีประสิทธิผลสูงเช่นกันคือโซเดียมไฮโปคลอไรต์ (NaOCl) สารตัวนี้เป็นตัวออกซิไดซ์ ในชีวิตประจำวันเราใช้เป็นน้ำยาซักผ้าขาว คือให้มันทำความสะอาดคราบสกปรก แต่สารตัวนี้ค่อนข้างจะระคายเคือง ทำให้มันเหมาะสำหรับการทำความสะอาดพื้นผิว (ที่ไม่ใช่ผิวหนังคน) มากกว่า และสิ่งที่ต้องคำนึงถึงด้วยก็คือ มันสามารถออกซิไดซ์สารอื่นนอกเหนือไปจากเชื้อโรคได้เช่นกัน
  
รูปที่ ๓ หน้า ๒๔๐ จากหนังสือ "Disinfection, Sterilization, and Preservation" โดย Seymour Stanton Block

รูปที่ ๓ และ ๔ ได้จากการใช้ google ค้นหาว่าเมทานอลสามารถฆ่าไวรัสได้หรือไม่ ซึ่งมันก็พาไปยังหน้า ๒๔๐ และ ๒๔๑ ของหนังสือชื่อ "Disinfection, Sterilization, and Preservation" โดย Seymour Stanton Block ที่กล่าวถึงประสิทธิผลของแอลกอฮอล์โมเลกุลเล็ก (C1 - C4) ในการฆ่าเชื้อไวรัสชนิดต่าง ๆ ข้อมูลในตารางที่ 12.12 (รูปที่ ๔) นั้นก็รายงานประสิทธิผลของเมทานอลในการฆ่าเชื้อไวรัสบางชนิดเทียบกับแอลกอฮอล์ตัวอื่น ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามันก็ฆ่าได้เช่นกัน ส่วนที่ว่าเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคไข้หวัดใหญ่นั้น อยู่ในกลุ่มไหนของเชื้อไวรัสที่เขาใช้ทดสอบ หรืออยู่ในกลุ่มเชื้อที่เขาทดสอบหรือไม่นั้น อันนี้ผมไม่รู้
   
รูปที่ ๔ หน้า ๒๔๑ จากหนังสือ "Disinfection, Sterilization, and Preservation" โดย Seymour Stanton Block

ประเด็นถัดมาก็คือสารที่มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อนั้น มันก่อให้เกิดปัญหากับพื้นผิวที่มันสัมผัสหรือไม่ พื้นผิวสัมผัสนั้นมันมีตั้งแต่ผิวหนังคนไปจนถึงเครื่องเรือนเครื่องใช้และอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่าง ๆ ที่มีทั้งส่วนที่เป็นโลหะ แก้ว และพอลิเมอร์(ไม่ว่าจะเป็นพอลิเมอร์สังเคราะห์หรือวัสดุที่ทำจากยางธรรมชาติ) สารบางตัวฆ่าเชื้อได้ดีมาก แต่ระคายเคืองต่อผิวหนัง ดังนั้นเราอาจใช้มันทำความสะอาดพื้นผิวได้ แต่อย่าให้สัมผัสกับผิวหนังก็แล้วกัน บางตัวอาจไม่มีปัญหากับผิวหนัง (เช่นเอทานอล) แต่มีปัญหากับชิ้นส่วนที่เป็นพอลิเมอร์หรือทำจากยาง ที่อาจทำให้วัสดุเหล่านี้เสื่อมสภาพได้
   
รูปที่ ๕ ป้ายคำเตือน กรุณารอให้แอลกอฮอล์เจลแห้งก่อนที่จะจับต้องชิ้นส่วนต่าง ๆ ของรถยนต์ เพราะอาจมีผลเสียได้ รูปนี้ถ่ายมาจากศูนย์บริการรถยนต์แห่งหนึ่ง

ทีนี้ก็มาถึงประเด็นที่ว่าการตกค้างของสารฆ่าเชื้อบนพื้นผิวนั้นก่อให้เกิดปัญหาหรือไม่ แอลกอฮอล์โมเลกุลเล็กมันมีข้อดีคือมันระเหยง่าย ดังนั้นมันจึงไม่ตกค้างบนพื้นผิว แต่การที่มันระเหยง่ายก็เป็นข้อเสียของมันที่ควรพึงระวังก็คือ มันเป็นสารไวไฟ ดังนั้นในการใช้งานจึงต้องระวังไม่ให้มีไอระเหยของแอลกอฮอล์สะสมในปริมาณมากเกินไป และไม่ควรใช้ในบริเวณที่มีเปลวไฟหรือแหล่งความร้อนที่สามารถจุดระเบิดไอระเหยของแอลกอฮอล์ได้ นอกจากนี้การระเหยของมันยังอาจทำให้ผู้ใช้รับมันเข้าสู่ร่างกายผ่านทางการสูดดมได้ด้วย
  
ปัญหาของแอลกอฮอล์ที่จะเอามาทำเจลล้างมือ มันไม่ได้อยู่ตรงที่ว่าแอลกอฮอล์นั้นมันกินได้หรือไม่ (มีใครเอาไอโซโพรพานอลที่ฆ่าเชื้อโรคได้เช่นกันมากินไหมครับ) แต่อยู่ตรงที่มัน "สัมผัส" ผิวหนังได้หรือไม่และ "สูดดม" เข้าไปจะเป็นอันตรายไหม โดยเฉพาะประเด็นหลังคือ "สูดดม" เมื่อเราเอาเจลล้างมือทามือ แอลกอฮอล์มันจะระเหยออกมา ตัวนี้แหละที่เป็นปัญหา เพราะไอระเหยของเมทานอลนันเป็นอันตรายกว่าเอทานอลมาก 
  
ทีนี้กลับมาที่มีการเอา "เมทานอล" มาทำเจลล้างมือ คำถามหนึ่งที่น่าตั้งก็คือคนทำเขารู้หรือเปล่าว่าแอลกอฮอล์มันมีหลายชนิด (เขาอาจไม่ได้มีความรู้เคมีที่ดีก็ได้) เมทานอลที่ขายสำหรับใช้เป็นตัวทำละลายมันก็เขียนไว้ข้างกระป๋องว่าแอลกอฮอล์เหมือนกัน ก่อนหน้านี้เคยลองค้นในเว็บ Shopee ใช้คำค้นหา "แอลกอฮอล์" จะเห็นเมทานอลสำหรับใช้เป็นตัวทำละลายปรากฏขึ้นมาเป็นรายการแรก ๆ เลย แต่ตอนนี้มันโดนพวกเจลล้างมือเบียดออกไป และพอเข้าไปดูรายละเอียดฉลากที่เห็นในรูป มันก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นเมทานอลหรือเอทานอล รู้แต่ว่ามันราคาถูกกว่าแอลกอฮอล์ล้างแผลมาก ดังนั้นการเอาเมทานอลมาใช้จึงอาจเกิดจากความเข้าใจที่ผิดก็ได้ เพราะคิดว่าแอลกอฮอล์ไหน ๆ ก็เหมือนกันหมด

ไม่มีความคิดเห็น: