"อย่าออกไปนอกเขตนะครับ
ยังกู้กับระเบิดไม่หมด"
นั่นเป็นคำเตือนที่เจ้าหน้าที่ประจำฐานปฏิบัติการบ้านห้วยโก๋น
(เก่า)
เตือนไว้ก่อนผมจะเดินเข้าไปเยี่ยมชมภายใน
รูปที่
๑ รายชื่อทหารผู้เสียชีวิตในการรบที่ฐานปฏิบัติการบ้านห้วยโก๋น
พฤษภาคม
๒๕๕๒ ผมพาครอบครัวไปเที่ยวยังภาคเหนือด้านตะวันตก
เราโดยสารเครื่องบินไปลงที่สนามบินเชียงราย
จากนั้นก็ขับรถเช่าที่จองไว้ล่วงหน้าออกจากสนามบินไปพักค้างคืนที่
จ.
พะเยา
๑ คืน
เช้าวันรุ่งขึ้นก็ขับรถออกจากพะเยาเพื่อตรงไปยังเป้าหมายหลักคือ
อ.
บ่อเกลือ
จ.
น่าน
จาก
อ.
เมือง
น่าน ตรงไปยัง อ.
ปัว
แวะเติมน้ำมันรถให้เต็มถัง
พร้อมทั้งสอบถามเส้นทางว่าที่
อ.
บ่อเกลือ
มีปั๊มน้ำมันหรือเปล่า
ก็ได้คำตอบว่ามีแต่ปั๊มหลอด
จากนั้นก็เดินทางโดยใช้เส้นทางผ่านอุทยานแห่งชาติดอยภูคา
แวะพักถ่ายรูปนิดนึงแล้วก็เดินทางต่อไปยัง
อ.
บ่อเกลือ
โดยใช้ทางหลวงแผ่นดินสาย
๑๒๕๖ ช่วงที่ไปนั้นถนนบางช่วงเหลือความกว้างเพียงแค่เลนครึ่ง
คืออีกครึ่งเลนมันทรุดตัวลงไปในหุบเขาข้างล่าง
นับว่าเป็นทางที่สวยงามและให้ความสนุกในการขับรถเส้นหนึ่ง
หวังว่าในอนาคตมันยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป
คงไม่ถูกขยายให้กว้างด้วยการตัดเขาหรือขยายจนเป็นเส้นทางสี่เลน
รูปที่
๒ แผนที่ท้ายกฎกระทรวงฉบับที่
๑๒๑๗ (พ.ศ.
๒๕๓๑)
ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ
พ.ศ.
๒๕๐๗
มาตราส่วน 1:500,000
ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่
๑๐๕ ตอนที่ ๒๙ วันที่ ๒๓
กุมภาพันธ์ ๒๕๓๑
กำหนดเขตป่าสงวนแห่งชาติในท้องที่
จ.
น่าน
เส้นทางขับรถคือตามแนวเส้นประสีส้ม
บ้านห้วยโก๋นและบ้านสบปืน
อยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมข้างบน
รูปที่
๓ บนเส้นทางสาย ๑๐๘๑
ช่วงบ้านเวร มุ่งหน้าไปยัง
อ.
เฉลิมพรเกียรติ
ถ่ายเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๐
พฤษภาคม ๒๕๕๒
ไปถึงบ้านบ่อเกลือก็บ่ายแล้ว
วันนั้นได้คุยกับคนที่นั่นถึงเส้นทางการเดินทางจากบ้านบ่อเกลือ
เลียบชายแดนไทย-ลาวและแม่น้ำน่าน
ไปยังบ้านห้วยโก๋น ที่ปัจจุบันอยู่ใน
อ.
เฉลิมพระเกียรติ
ทราบมาว่าเป็นเส้นทางที่แทบไม่มีผู้คนเดินทาง
แต่รถยนต์สามารถผ่านได้
ถนนรถสวนกันได้เกือบตลอดเส้นทาง
(ถ้าไม่มีเหตุไหลทางทรุดตัวลงเหว)
เช้าวันรุ่งขึ้น
หลังจากเที่ยวชมบ้านบ่อเกลือเล็กน้อยก็ออกเดินทางต่อไปยัง
อ.
เฉลิมพระเกียรติ
ไปตามเส้นทางสาย ๑๐๘๑
ขับรถไปเรื่อย ๆ ไม่ได้รีบร้อนอะไร
ตอนนั้นที่ไป
สภาพเส้นทางยังพอเป็นถนนลาดยางสภาพใช้ได้ไปจนถึงอุทยานแห่งชาติที่เป็นต้นแม่น้ำน่าน
ถัดออกไปเส้นทางมันกลายเป็นแบบชมธรรมชาติจริง
ๆ คือแทบไม่มีป้ายบอกทางเลยว่าข้างหน้าทางจะเป็นอย่างไร
แถมยังไม่มีอะไรบอกด้วยว่าไหลทางอยู่ตรงไหน
ขืนออกนอกถนนก็มีสิทธิลงไปยังหุบเหวข้างล่างได้ง่าย
ระหว่างการเดินทางก็เจอแต่รถมอเตอร์ไซค์ชาวบ้านเพียงไม่กี่คัน
และรถปิ๊คอัพสักสองหรือสามคันเท่านั้น
ส่วนตัวแล้วชอบขับรถตามเส้นทางแบบนี้
เพราะชอบที่จะชมวิวทิวทัศน์สองข้างทางตลอดการเดินทาง
ได้เห็นอะไรต่อมิอะไรหลายหลาย
ไม่ได้เป็นพวกประเภทต้องรีบ
ๆ เร่งไปให้ถึงปลายทางโดยเร็ว
ระหว่างการเดินทางยังได้แวะทักทายกับเจ้าหน้าที่ทหารและทหารพราน
ที่มีฐานปฏิบัติการอยู่บนเส้นทางดังกล่าวด้วย
ดู
ๆ
แล้วถนนเส้นนี้น่าจะเป็นเส้นทางสายยุทธศาสตร์เพื่อใช้ในการส่งกำลังบำรุงและการป้องกันประเภท
ในช่วงที่ยังมีภัยคุกคามจากพรรคคอมมิวนิสต์
เพราะชายแดนไทย-ลาวตรงบริเวณจังหวัดน่านนี้มันไม่ได้มีแม่น้ำโขงขวางกั้นเหมือนทางภาคอีสาน
มันเป็นเพียงแค่ทิวเขากับลำน้ำเล็ก
ๆ ดังนั้นในอดีตที่บริเวณนี้ยังเป็นป่าอยู่
การข้ามแดนจากฝั่งตรงข้ามโดยหลุดรอดการตรวจจับจึงกระทำได้ง่าย
และจะว่าไปแล้วถ้าสังเกตการตัดถนนตามแนวชายแดนของเรากับประเทศเพื่อนบ้านทางภาคเหนือและภาคอีสาน
ก็มักจะพบว่ามีเส้นทางเลียบชายแดนเกือบตลอดแนวพรมแดน
รูปที่
๔ บนเส้นทางสาย ๑๐๘๑
ช่วงบ้านเวร มุ่งหน้าไปยัง
อ.
เฉลิมพรเกียรติ
ถ่ายเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๐
พฤษภาคม ๒๕๕๒
จุดหมายปลายทางหลักของการเดินทางท่องเที่ยวในครั้งนั้นคือการไปยังฐานปฏิบัติการบ้านห้วยโก๋น
ที่ปัจจุบันอยู่ในเขตของ
อ.
เฉลิมพระเกียรติ
(แยกออกมาจาก
อ.
ทุ่งช้าง)
จำได้ว่าสมัยเด็ก
ๆ นั้นข่าวการรบที่ จ.
น่าน
นี้รุนแรงมาก
และหนึ่งในการรบที่รุนแรงครั้งหนึ่งเห็นจะได้แก่การรบในเช้ามืดวันที่
๙ เมษายน ๒๕๑๘
ที่ในครั้งนั้นต้องมีการร้องขอให้ฐานปืนใหญ่ที่บ้านสบปืนยิงลงฐานพวกเดียวกันเอง
ตรงเวลาเกิดเหตุนั้นข้อมูลหลายแหล่งมีความขัดแย้งกันอยู่
โปสเตอร์ที่ติดไว้หน้าฐานที่เป็นบทสัมภาษณ์ทหารที่ประจำฐานปฏิบัติการดังกล่าวในเหตุการณ์ก่อนวันปะทะและวันปะทะระบุว่าเป็นช่วงวันที่
๘-๙
ตุลาคม ๒๕๑๗
(เหตุผลที่เชื่อว่าเป็นการเล่าเหตุการณ์ในวันนั้นก็เพราะมีการเอ่ยถึงชื่อผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าว
-
ดูรูปโปสเตอร์ด้านท้าย)
แต่บทสัมภาษณ์ดังกล่าวก็มีความขัดแย้งเรื่องเวลาอยู่ตรงโปสเตอร์บทสัมภาษณ์ของ
พลฯ ดาว เภตรา ที่กล่าวว่าได้รับบาดเจ็บ
ไปนอนพักรักษาตัว ได้หยุดพัก
๑ เดือน
และกลับมาประจำการที่ฐานดังกล่าวใหม่อีกครั้งในเดือน
"ตุลาคม
๒๕๑๗"
และปลดประจำการในเดือนนั้น
ข้อมูลที่ให้รายละเอียดเหตุการณ์ในวันดังกล่าวมากเป็นพิเศษเห็นจะเป็นข้อมูลที่มีการนำเผยแพร่ในเว็บ
http://www.iseehistory.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538711211
ที่มีการสแกนสิ่งตีพิมพ์วารสารทางทหารต้นฉบับที่เล่าเหตุการณ์ดังกล่าว
โดยมีการระบุการสู้รบว่าเป็นวันที่
๙ เมษายน ๒๕๑๘
ถ้าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในวันที่
๙ เมษายน ดังนั้นวันนี้ก็เป็นวันครบรอบ
๔๑ ปีของเหตุการณ์ดังกล่าว
รูปที่
๕ สาย ๑๐๘๑ ช่วงบ้านบ่อหยวก-บ้านนาส้ม
ที่เห็นต่ำลงไปข้างล่างคือลำน้ำน่าน
ถ่ายเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๐
พฤษภาคม ๒๕๕๒
ภูเขาแถวนี้ที่อยู่นอกเขตอุทยานแห่งชาติ
ไม่มีต้นไม้ใหญ่เหลือแล้ว
ไม่ได้มีแต่เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจที่เป็นเป้าหมายในการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม
บรรดาเจ้าหน้าที่กรมทางหลวงที่ทำหน้าที่บุกเบิกเส้นทางก็ต้องสูญเสียชีวิตไปเป็นจำนวนไม่น้อย
บทความหนี่งที่น่าสนใจเป็นบทความสัมภาษณ์วิศวกรผู้ควบคุมการก่อสร้างเส้นทางสาย
น่าน-ปัว-ทุ่งช้าง-ปอน-ห้วยโก๋น
คุณเสถียร ชาติพงษ์
ที่เผยแพร่ในเว็บวารสารทางหลวง
http://www.dohjournal.com/index.php?option=com_content&view=article&id=365:-4-2555&catid=56:2012-06-09-18-03-34&Itemid=91
(เส้นทางสายนี้คงเป็นสาย
๑๐๑ ในปัจจุบัน)
แม้ว่าการรบในบริเวณดังกล่าวจะสงบมากว่า
๒๐ ปีแล้ว แต่บริเวณรอบ ๆ
ก็ยังมีกับระเบิดที่กู้ออกไม่หมด
(ดูเหมือนว่าพื้นที่ป่าใน
จ.
น่าน
ปัจจุบันยังคงมีปัญหานี้อยู่)
การเยี่ยมชมจึงต้องอยู่ในบริเวณที่เจ้าหน้าที่กำหนด
วันนั้นออกจากห้วยโก๋น
ก็บ่ายกว่าแล้ว
ตั้งเป้าว่าจะไปหาที่พักนอนตอนเย็นในอำเภอใดอำเภอหนึ่งในจังหวัดเชียงราย
ระหว่างทางก็ได้แวะไปทำความเคารพอนุสรณ์สถาน
พลเรือน ตำรวจ ทหาร (เรียกย่อว่า
พ.ต.ท.)
ณ
อ.
ทุ่งช้าง
จ.
น่าน
ที่อยู่ริมทางหลวงสาย ๑๐๑
แม้ว่าปัจจุบันบริเวณนี้จะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คนเมืองเริ่มเดินทางไปมากขึ้น
แต่สงสัยอยู่เหมือนกันว่าในปัจจุบันจะมีสักกี่คนที่จะสนใจว่ากว่าเส้นทางเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้
ต้องมีผู้เสียสละชีวิตไปเป็นจำนวนเท่าใด
ส่วนที่ฐานปฏิบัติการห้วยโก๋น
(เก่านั้น)
รูปที่
๖
สาย
๑๐๘๑ ช่วงบ้านบ่อหยวก-บ้านนาส้ม
บริเวณเดียวกับในรูปที่ ๕
ที่เห็นต่ำลงไปข้างล่างคือลำน้ำน่าน
ถ่ายเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๐
พฤษภาคม ๒๕๕๒ แทบจะไม่เห็นไม้ใหญ่บนเขาต่าง
ๆ เลย ส่วนสภาพเส้นทางด้านหนึ่งจะเป็นเนินเขา
ส่วนอีกด้านก็จะต่ำลงไปยังทางน้ำไหลข้างล่าง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น