วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

รถไฟเล็กลากไม้สายตะวันออก (ศรีราชา) ภาค ๑๐ (ก่อนจะเลือนหายไปจากความทรงจำ ตอนที่ ๑๓๗) MO Memoir : Sunday 29 July 2561

สงสัยตั้งแต่ได้เห็นมาตั้งนานแล้วว่าเอาหัวรถจักรคันนี้มาจอดทิ้งไว้ตรงนี้ทำไม (รูปที่ ๑) ผ่านไปทีไรก็ไม่เห็นมีใครไปยุ่งอะไรกับมัน และแม้ว่าจะอยู่ใกล้กับป้ายโฆษณาร้าน แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่เกี่ยวอะไรกับร้านนั้น


รูปที่ ๑ หัวรถจักรไอน้ำ (ที่คงเป็นหัวรถจักรที่ใช้ในช่วงที่ยังมีการชักลากจูงไม้) ที่ถูกนำมาจอดทิ้งไว้ทางด้านริมคลองทางด้านทิศใต้ของสวนสุขภาพศรีราชา

เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา ระหว่างแวะไปค้นดูหนังสือเก่า ๆ ในห้องสมุดมหาวิทยาลัย ได้ได้พบกับหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ "ทัศนาสารไทย จังหวัดชลบุรี" ฉบับของสำนักวัฒนธรรมทางศิลปกรรม สภาวัฒนธรรมแห่งชาติ หนังสือเล่มที่ห้องสมุดมีนี้ไม่มีการระบุว่าพิมพ์โดยใครและพิมพ์เมื่อใด แต่หนังสืออีกเล่มหนึ่งในชุดเดียวกันที่เป็นของจังหวัดพระนครศรีอยุธยานั้นมีการระบุไว้ที่ปกหลังว่า จัดพิมพ์โดยโรงพิมพ์ภักดีประดิษฐ์ ถนนหลังวังบูรพา พระนคร โดยนายเฉลิม พันธุ์ภักดี ผู้พิมพ์และผู้โฆษณา เลขที่ ๒๐ โทร 29715 พ.ศ. ๒๔๙๙ ดังนั้นหนังสือเล่มจังหวัดชลบุรีก็น่าจะจัดพิมพ์ในเวลาเดียวกัน
 
หนังสือเล่มนี้มีบันทึกเรื่องราวที่น่าสนใจของจังหวัดชลบุรีเอาไว้หลายอย่าง เหมือนกับเป็นการแนะนำตัวจังหวัดและสถานที่ท่องเที่ยว ที่หลายแห่งนั้นไม่มีให้เห็นหรือแทบจะไม่เป็นที่รู้จักกันแล้วในปัจจุบัน ยกเว้นแต่ในหมู่ผู้สูงวัยที่เกิดทันได้เห็น เอาไว้จะค่อย ๆ ย่อยออกมาเล่าให้ฟัง แต่วันนี้ขอเป็นเรื่องเกี่ยวกับรถไฟลากไม้ก่อน 

รูปที่ ๒ ในหน้าแรกของหนังสือเป็นแผนที่เส้นทางการเดินทางจากพระนครไปสัตตหีบ (สะกดตามแผนที่) ในแผนที่นี้ปรากฏเส้นทางรถไฟลากไม้อยู่ อ.โพธิ์ ที่ปรากฏในแผนที่คือ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ในปัจจุบัน

หลักฐานภาพถ่ายเก่าแสดงให้เห็นว่าในอดีตนั้นเคยมีสะพานรถไฟจากชายฝั่งไปยังเกาะลอยเพื่อใช้ในการขนถ่ายไม้ลงเรือ บริเวณจากชายฝั่งไปยังเกาะลอยนั้นถ้าใครได้ไปตอนน้ำลงสุดจะเห็นชัดว่าน้ำแห้งลงไปมากจนเดินเรือไม่ได้ จะมีบริเวณที่น้ำยังลึกพอที่จะเอาเรือเข้าเทียบได้ตลอดเวลาก็ที่เกาะลอย ดังนั้นเพื่อที่จะขนถ่ายสิ่งของลงเรือได้ตลอดเวลา (โดยไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำขึ้นน้ำลง) ก็ต้องไปสร้างท่าเรือที่เกาะลอยและสร้างเส้นทางลำเลียงไปยังเกาะลอย สะพานที่เราเห็นกันในปัจจุบันนั้นเป็นสะพานที่สร้างขึ้นภายหลังสะพานรถไฟและอยู่คนละตำแหน่งกัน คำถามก็คือแล้วสะพานรถไฟเดิมนั้นอยู่ที่ตำแหน่งใด
คำตอบของคำถามดังกล่าวปรากฏอยู่ในแผนผังเทศบาลตำบลศรีราชา ขนาดมาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐ ที่จัดทำโดยกรมโยธาเทศบาล ที่แนบมาในตอนท้ายของหนังสือดังกล่าว (รูปที่ ๓)

รูปที่ ๓ แผงผังเทศบาลตำบลศรีราชา ช่วงปีพ.ศ. ๒๔๙๙ หรือก่อนหน้านั้น

รูปที่ ๔ ภาพขยายตอนบนของแผนผังในรูปที่ ๓

แผนที่ของกรมโยธาเทศบาลฉบับนี้ไม่มีการระบุว่าจัดทำไว้เมื่อปีพ.ศ.ใด แต่เมื่อถูกนำมาตีพิมพ์ในหนังสือที่จัดพิมพิ์ในปีพ.ศ. ๒๔๙๙ ก็แสดงว่ามันต้องถูกจัดทำช่วงปีพ.ศ. ๒๔๙๙ หรือก่อนหน้านั้น ในแผนที่นี้ปรากฏตำแหน่งเส้นโรงเลื่อยและเส้นทางรถไฟไปยังเกาะลอย ตัวคลองที่อยู่ทางด้านทิศเหนือของโรงเลื่อยนั้นในแผนที่ปัจจุบันแทบไม่เห็นแล้ว แต่ตำแหน่งที่ตั้งปัจจุบันของโรงสูบน้ำของเทศบาลก็ตรงอยู่กับตำแหน่งที่เป็นปากคลอง (และอยู่คนละฟากคลองที่หัวรถจักรจอดอยู่) บริเวณที่เป็นโรงเลื่อยเดิมก็กลายเป็นห้างสรรพสินค้า พอเทียบตำแหน่งสะพานรถไฟในแผนที่กับภาพถ่ายดาวเทียมจาก google earth ก็พบว่าแนวสะพานนั้นควรจะอยู่ตรงบริเวณเส้นประสีเหลืองในรูปที่ ๖ โดยจุดตั้งต้นสะพานนั้นอยู่ตรงบริเวณที่มีหัวรถจักร (รูปที่ ๑) จอดทิ้งอยู่ 
  
และนี่ก็คงเป็นสาเหตุที่ว่า (ที่ผมคาดเดาเอาเอง) ว่าทำไมจึงมีหัวรถจักรจอดทิ้งเอาไว้ตรงนั้น ก็คงเป็นเพราะตรงนั้นมันเคยมีเส้นทางรถไฟเดิมอยู่ (ไม่ใช่การยกหัวรถจักรจากที่อื่นมาตั้งโชว์เหมือนที่อยู่หน้าเทศบาล) พอเส้นทางรถไฟถูกรื้อออกไปโดยไม่มีการขนย้ายหัวรถจักรคันดังกล่าวไปด้วย มันก็เลยถูกทิ้งเอาไว้ตรงนั้น

ในหนังสือทัศนาสารกล่าวถึงสะพานนี้ไว้ในหัวข้อเกาะลอยว่า 
  
"ที่เกาะนี้มีสะพานยาวทอดจากริมฝั่งทะเล ยื่นล้ำต้วเกาะออกไปอีกหลายร้อยเมตร รวมความยาวของสะพานซึ่งทอดจากชายฝั่งออกไปประมาณ ๑,๔๐๐ เมตร ตรงกลางสะพานวางรางรถไฟเล็ก ๆ ขนาดเท่ารถไฟเล็กในงานฉลองรัฐธรรมนูญ สำหรับบรรทุกไม้จากโรงเลื่อยที่ตั้งอยู่ในป่ามาลงเรือ เพื่อส่งออกไปจำหน่ายนอกเขตจังหวัดชลบุรี ผู้ที่จะไปเที่ยวเกาะลอยอาจจะอาศัยสะพานนี้เดินไปได้ เพราะสองข้างทางรถไฟมีไม้สะพานทอดออกไปกว้าง พอเดินได้อย่างสบายโดยไม่ต้องกลัวตก น่าเสียดายที่สะพานนี้ถูกพายุพัดพังทลายลงไปเสียหลายแห่ง เมื่อพ.. ๒๔๙๖ และในปัจจุบันกำลังสร้างขึ้นใหม่ยังไม่ตลอดถึงตัวเกาะ การที่จะเดินไปเที่ยวชมเกาะลอยจึงทำไม่ได้เหมือนอย่างแต่ก่อน

รูปที่ ๕ ภาพขยายตอนกลางของแผนผังในรูปที่ ๓

รูปที่ ๖ ภาพถ่ายดาวเทียมจาก google earth เทียบกับรูปที่ ๕ แนวเส้นประสีเหลืองคือแนวสะพานรถไฟเดิมที่ตั้งต้นจากบริเวณที่มีหัวรถจักรจอดทิ้งอยู่ โรงเลื่อยเดิมกลายเป็นห้างแปซิฟิค พาร์ค ศรีราชา

รูปที่ ๗ ภาพขยายตอนล่างของแผนผังในรูปที่ ๓

รูปที่ ๘ ภาพขยายบริเวณกรอบสีเหลืองในรูปที่ ๗ แผนที่นี้แสดงให้เห็นว่าบริเวณดังกล่าวเสมือนกับเป็นเกาะเล็ก ๆ อีกเกาะหนึ่งแบบเกาะลอย มีการระบุฃื่อสถานที่ว่า "แหลมฟาน" ปัจจุบันบริเวณนี้เป็นท่าเรือที่ใช้สำหรับการเดินทางไปยังเกาะสีชัง

ข้อความนี้ช่วยระบุว่าหนังสือฉบับนี้พิมพ์หลังปีพ.ศ. ๒๔๙๖ ซึ่งเป็นปีที่สะพานรถไฟดังกล่าวได้รับความเสียหายจากพายุ ก่อนที่ท้ายสุดจะถูกรื้อทิ้งไป
 
หนังสือเล่มนี้ยังได้เล่าถึงบรรยากาศบริเวณรอบสะพานดังกล่าวเอาไว้ว่า 
  
"ที่โขดหินตามชายหาดใกล้ ๆ สะพานยาวนี้ ท่าจะพบเด็กรุ่นสาวเป็นจำนวนมาก มาเที่ยวหาหอยนางรม วิธีหาหอยของเชาไม่มีอะไรมาก นอกจากกระป๋องใส่น้ำใบ ๑ กับค้อนเหล็กปลายแหลมด้ามแบน ๆ คล้ายไขควงอัน ๑ เท่านั้น เมื่อมีของสองอย่างนี้แล้วก็ไปเที่ยวนั่งทุบเปลือกหอยนางรม ซึ่งจับติดแน่นอยู่กับโขดหินที่ชายหาด พอทุบเปลือกหอยแตกก็เอาปลายค้อนแซะตัวหอยออกมาใส่กระป๋องน้ำ เมื่อเห็นว่าได้มากพอควรก็นำไปขายที่ตลาด วันหนึ่งเด็กรุ่นสาวเหล่านี้อาจหาเงินได้คนละหลาย ๆ บาททีเดียว นับว่าเป็นรายได้อย่างหนึ่งของเด็กรุ่นสาวในตำบลศรีราชา โดยไม่ต้องลงทุนแต่อย่างไร
  
บันทึกนี้แสดงให้เห็นว่าการเก็บหอยแต่ก่อนนั้นไม่ได้เก็บมาทั้งเปลือก คือทุบเปลือกให้แตกแล้วเอาแต่ตัวมาขาย ซึ่งจะว่าไปก็เป็นการดีเหมือนกัน เพราะเป็นการคืนเปลือกหอยให้ทะเล ส่วนเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับเด็กสาวเหล่านั้น เขาใช้ช่วงชีวิตเวลาเดียวกันนั้นไปทำอะไร หนงสือไม่ยักจะบอกเล่าเอาไว้
 
ในหนังสือดังกล่าวยังมีภาพของสถานที่เที่ยวสถานที่หนึ่งในอำเภอศรีราชาที่ระบุว่าเป็น "แหลมฟาน" (รูปที่ ๗ - ๙) ที่ปัจจุบันเป็นท่าเรือสำหรับการเดินทางข้ามไปยังเกาะสีชัง และถ้าพิมพ์หาใน google ก็จะเจอแต่รีวิวร้านอาหาร ไม่ใช่สถานที่สำหรับออกไปชมวิวทิวทัศน์ สำหรับภาพที่ปรากฏในหนังสือนั้นผมงสัยว่าอาจไม่ใช่ภาพถ่ายของ "แหลมฟาน" แต่เป็นภาพที่ไปยืนอยู่ที่แหลมฟานแล้วถ่ายวิวทิวทัศน์ที่มองเห็นจากแหลมฟานเข้าหาฝั่งมากกว่า

เรื่องเล่าเบา ๆ ในสัปดาห์หยุดยาว ๔ วันก็คงมีเพียงแค่นี้


รูปที่ ๙ ภาพ "แหลมฟาน" ที่ปรากฏในหนังสือทัศนาสารไทย จังหวัดชลบุรี

ไม่มีความคิดเห็น: