ทิ้งห่างจากเรื่อง
piping
layout ของปั๊มหอยโข่งไป
๓ สัปดาห์ ก็ได้เวลากลับมาเขียนเรื่อง
piping
layout ต่อ
คราวนี้เป็นตัวอย่าง piping
layout ของ
shell
and tube heat exchanger
รูปที่
๑ เป็นตัวอย่าง piping
layout ของ
shell
and tube heat exchanger
ทางด้านซ้ายเป็นกรณีที่มีเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนเพียงเครื่องเดียวที่การไหลในด้าน
shell
เป็นแบบ
single
pass (ท่อเข้าออกส่วน
shell
จะอยู่ที่ปลายคนละด้านของตัว
shell)
ส่วนทางด้านขวาเป็นกรณีการติดตั้งเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนสองเครื่องวางขนานกันที่การไหลในด้าน
shell
เป็นแบบ
double
pass (ท่อเข้าออกส่วน
shell
จะอยู่ที่ปลายด้านเดียวกันของตัว
shell)
รูปนี้เป็นภาพเมื่อมองจากทางด้านบน
ส่วนรูปที่ ๒ เป็นภาพเมื่อมองจากทางด้านข้าง
เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนเป็นอุปกรณ์ที่ต้องการการบำรุงรักษา
ในกรณีของเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนที่สามารถดึงเอามัดท่อ
(tube
bundle) ออกจากตัว
shell
ได้
จึงต้องมีที่ว่างที่มีระยะทางไม่น้อยกว่าความยาวท่ออยู่ทางปลายด้านที่จะดึงเอามัดท่อออก
(ทางด้านบนของรูปที่
๑ ที่เขียนว่า tube
withdrawal area)
ในรูปที่
๒ มีคำย่อปรากฏคือ T.O.S.
ที่ย่อมาจาก
Top
of support (คือพื้นผิวบนของ
pipe
support ที่ใช้วางท่อ)
และ
B.O.P
ที่ย่อมาจาก
Bottom
of pipe หรือผิวท่อด้านล่าง
(ในกรณีที่เป็นท่อไม่หุ้มฉนวน)
แต่ถ้าเป็นท่อหุ้มฉนวนจะใช้เป็นระยะ
Bottom
รูปที่
๓ และ ๔
เป็นคำอธิบายหมายเหตุที่ปรากฏในรูปตัวอย่างที่นำมาแสดง
(ทั้งในฉบับนี้และฉบับที่จะออกตามมา)
ดังนั้นจะขออธิบายขยายความหมายเหตุเพิ่มเติมแต่ละหัวข้อก่อน
Note
1 หรือหมายเหตุ
๑ เป็นการกำหนดระยะห่างระหว่างกันอย่างน้อย
600
mm
ที่วัดจากผิวนอกของฉนวนหุ้มถึงผิวนอกของฉนวนหุ้มของเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนที่อยู่เคียงข้าง
(ระยะที่แคบที่สุดที่คนพอจะเดินแทรกเข้าไปได้
อย่างน้อยก็ตอนติดตั้งฉนวนหุ้มตัว
shell
ที่ต้องมีคนเข้าไปทำงานอยู่ในที่ว่างดังกล่าว
Note
2 หรือหมายเหตุ
๒ เป็นส่วนของที่ว่างรอบตัววาล์วควบคุม
(control
valve) ที่ต้องมีที่ว่างออกไปรอบข้างอย่างน้อย
150
mm ไม่ว่าจะวัดจากลำตัววาล์วหรือตัวไดอะแฟรม
Note
3 หรือหมายเหตุ
๓ กล่าวถึง breakout
flange ซึ่งเป็นชิ้นส่วนของท่อที่ใช้หน้าแปลนในการเชื่อมต่อ
ที่สามารถถอดออกมาได้เพื่อความสะดวกในการซ่อมบำรุง
(เป็นชิ้นส่วนสั้น
ๆ ที่ไม่ควรจะมีน้ำหนักมากเกินไปจนทำให้เกิดปัญหาในการถอดและยกออกได้)
แต่การติดตั้งหน้าแปลนเส้นท่อมากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี
เพราะตัวหน้าแปลนเองแม้จะมีความยาวไม่มาก
(เมื่อวัดในแนวแกนท่อ)
แต่มีน้ำหนักมากกว่าตัวท่อมาก
(ที่ระยะทางความยาวเท่ากัน)
ดังนั้นการติดตั้งหน้าแปลนมากเกินไปจะส่งผลต่อความเค้นในท่ออันเกิดจากน้ำหนักหน้าแปลนได้
ส่วน companion
flange เป็นหน้าแปลนชนิดที่เป็นเบ้า
(socket)
สวมเข้ากับปลายท่อ
หรือมีเกลียวตัวเมียอยู่ตรงกลาง
(thread)
เพื่อขันเข้ากับเกลียวตัวผู้ที่ทำขึ้นบนผิวด้านนอกของปลายท่อ
Note
4 หรือหมายเหตุ
๔ กล่าวถึงขาตั้ง (หรือ
support)
ที่ใช้รองรับน้ำหนักอุปกรณ์ที่มีความยาวและวางตัวในแนวนอน
(เช่น
vessel
และ
shell
and tube heat exchanger)
การติดตั้งอุปกรณ์เหล่านี้ต้องเผื่อให้อุปกรณ์ขยายตัวได้ตามความยาวเมื่อตัวอุปกรณ์ร้อนขึ้น
ดังนั้นตัว support
จะถูกตรึงไว้ที่ปลายข้างเดียว
อีกข้างหนึ่งให้เคลื่อนได้อย่างอิสระ
(ดูตัวอย่างได้ใน
Memoir
ปีที่
๕ วันพุธที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๕
เรื่อง "การเผื่อการขยายตัวของ
vessel
วางตัวในแนวนอน")
Note
5 หรือหมายเหตุ
๕ กล่าวถึงการติดตั้ง "davit"
ซึ่งเป็นแขนช่วยในการยกชิ้นส่วนที่หนัก
เช่น blind
flange ขนาดใหญ่ที่ติดตั้งในแนวนอนหรือแนวดิ่ง
เช่นในรูปที่ ๕(บน)
ที่เป็น
blind
flange ขนาดใหญ่วางนอน
การมี davit
ติดตั้งอยู่ถาวรทำให้เมื่อถอดนอตออกหมดแล้วก็สามารถผลักหน้าแปลนออกไปทางด้านข้างได้เลย
ส่วนรูปที่ ๕(ล่าง)
เป็นกรณีของ
blind
flange ขนาดใหญ่ติดตั้งในแนวดิ่ง
การมี davit
ทำหน้าที่รับน้ำหนักหน้าแปลนทำให้ผู้ปฏิบัติงานไม่ต้องกังวลว่าต้องคอยแบกรับน้ำหนักหน้าแปลนในระหว่างที่ทำการถอดนอตแต่ละตัวออกมา
และเมื่อถอดนอตออกหมดแล้วก็สามารถหมุนหน้าแปลนดังกล่าวออกทางด้านข้างได้เลยเหมือนกับการเปิดประตู
รูปที่
๕(บน)
นำมาจาก
http://www.jamisonproducts.com/product-gallery.html
รูปที่
๕(ล่าง)
นำมาจาก
http://www.rcspecialtymetals.com/default.aspx?tabid=742793
Note
6 หรือหมายเหตุ
๖ กล่าวถึงระยะจากใต้ handwheel
ของตัววาล์วลงมาถึงพื้น
ถ้าระยะนี้มากเกินกว่า 2100
mm (คือสูงจนต่อบันไดแล้วก็ยังหมุนไม่สะดวก)
ก็อาจพิจารณาใช้
handwheel
ชนิดที่มีโซ่คล้อง
เพื่อที่จะได้ดึงโซ่เพื่อหมุน
handwheel
ได้โดยไม่ต้องปีนบันไดขึ้นไปหมุน
แต่ทั้งนี้ต้องได้รับความเห็นชอบจากลูกค้า
(เจ้าของโรงงาน)
Note
7 หรือหมายเหตุ
๗ (section
B-B ในรูปที่
๒ ขวา)
กล่าวถึงรูปแบบการเชื่อมต่อท่อน้ำหล่อเย็นที่อยู่ใต้ดินเข้ากับส่วน
shell
ของ
heat
exchanger โดยในกรณีของท่อน้ำหล่อเย็นขนาดไม่เกิน
6
นิ้วนั้นอาจเชื่อมต่อกันเข้าโดยตรง
แต่ต้องเผื่อกรณีที่จุดโผล่ของท่อและตำแหน่ง
nozzle
ที่ตัว
shell
นั้นอาจจะเยื้องกันอยู่เอาไว้ด้วย
ส่วนท่อขนาดตั้งแต่ 8
นิ้วขึ้นไปนั้นจุดโผล่ของท่อจากใต้ดินและตำแหน่ง
nozzle
ที่ตัว
shell
ควรจะเยื้องกันอยู่
และใช้ข้องอ ๒
ตัวพร้อมท่อตรงในแนวนอนเป็นตัวเชื่อม
โดยติดตั้งวาล์วเอาไว้ในส่วนของท่อตรงในแนวนอน
ทั้งนี้เพื่อจะได้ไม่ต้องติดตั้ง
heat
exchanger ให้สูงจากพื้นมากเกินไป
(รูปที่
๖)
Note
8 หรือหมายเหตุ
๘ กล่าวถึงการติดตั้งวาล์วระบายความดันให้กับท่อที่ไหลเข้าออก
tube
โดยติดตั้งอยู่ระหว่างวาล์วท่อด้านไหลเข้า
tube
และวาล์วท่อด้านไหลออกจาก
tube
ทั้งนี้เพื่อปกป้อง
tube
ไม่ให้รับความดันสูงเกินไปในกรณีที่วาล์วท่อไหลเข้า-ออก
tube
นั้นปิดทั้งสองด้าน
(ความดันเพิ่มได้จากการที่ของเหลวที่ค้างอยู่ใน
tube
นั้นได้รับความร้อนและไม่มีที่ว่างให้ขยายตัว
Note
9 หรือหมายเหตุ
๙ กล่าวถึงการติดตั้ง nozzle
สำหรับต่อท่อไหลเข้าไหลออก
โดยแนะนำว่าในกรณีของตัวกลางที่ร้อนขึ้น
ควรให้เข้าจากด้านล่างและไหลออกทางด้านบน
ในทางกลับกัน
สำหรับตัวกลางที่ต้องการลดอุณหภูมิให้ต่ำลง
ควรให้ไหลเข้าด้านบนและไหลออกด้านล่าง
รูปที่
๕ ที่ลูกศรสีส้มชี้คือ
Davit
รูปบนเป็นกรณีของ
blind
flange ขนาดใหญ่วางนอน
ทำให้เมื่อถอดนอตออกแล้วสามารถผลัก
blind
flange ออกข้างได้ง่าย
ส่วนรูปล่างเป็นกรณีของ
blind
flange ขนาดใหญ่วางตั้ง
ทำให้เมื่อถอดนอตออกแล้วสามารถเปิด
blind
flange ออกได้เหมือนกับเปิดประตู
รูปที่
๖ ขยายความหมายเหตุ ๗
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น