วันพุธที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2557

โป้ง ชี้ กลาง นาง ก้อย MO Memoir : Wednesday 27 August 2557

แถวบางแสนรอบมหาวิทยาลัยมักจะมีตลาดนัดกลางแจ้งสลับกันเปิดขาย ด้านหลังมหาวิทยาลัยบ้าง ด้านหน้ามหาวิทยาลัยบ้าง ตอนลูกยังเรียนอนุบาลอยู่ที่นั่นนั้นครอบครัวผมก็มักจะไปจ่ายกับข้าวที่นี่เป็นประจำ ภรรยาจะเป็นคนเดินจ่ายกับข้าว ส่วนผมก็รับหน้าที่นั่งเฝ้าลูกที่ชอบไปนั่งระบายสีตุ๊กตาปูนปลาสเตอร์ ลูกจะเรียกตลาดนัดนี้ว่าตลาดระบายสี
  

มีวันหนึ่งคุณแม่ท่านหนึ่งที่พาลูกมานั่งระบายสีที่โต๊ะเดียวกันก็ถามว่าลูกผมเรียนชั้นไหน ผมก็ตอบไปว่าเรียนอนุบาลอยู่ แกก็ถามต่อว่าที่โรงเรียนอนุบาลที่ลูกผมเรียนนั้นเขาสอนเด็กให้บวกเลขได้กี่หลักแล้ว ที่โรงเรียนที่ลูกแกเรียนนั้นเขาสอนให้เด็กบวกเลขสองหลักได้แล้ว ผมก็ตอบกลับไปว่าที่โรงเรียนที่ลูกผมเรียนนี้เขาไม่เน้นวิชาการ แต่เน้นให้เด็กสนุกกับการเรียน ตอนนี้หนังสือยังอ่านได้เฉพาะคำง่าย ๆ บางคำเท่านั้นเอง แล้วแกก็ชมว่าลูกผมระบายสีตุ๊กตาได้เรียบร้อยดีจัง ในขณะที่ลูกของแกนั้นระบายซะเละเทะไปหมด








หลังจากที่ลูกเข้าเรียนชั้นประถมแล้ว อยู่มาปีหนึ่งน้องคนหนึ่งที่ลูกเพิ่งจะเข้าเรียนชั้นป. ๑ ก็มาถามผมว่า ตอนลูกผมเข้าเรียนป. ๑ นั้นเขาอ่านหนังสือได้หรือยัง ผมก็ตอบว่าเพิ่งจะมาอ่านพอได้ตอนเทอม ๒ ส่วนลูกของน้องคนนั้นเขาอ่านหนังสือเป็นเล่มได้แล้วตั้งแต่จบอนุบาล จากนั้นเขาก็ถามผมต่อว่าส่งลูกไปเรียนพิเศษที่ไหนบ้างหรือเปล่า ลูกของเขาเองนั้นต้องส่งไปเรียนพิเศษด้านศิลปะ เพราะงานศิลปะที่อาจารย์มอบหมายให้ทำนั้นออกมาไม่ค่อยจะได้เรื่อง
 

อาจเป็นเพราะว่าผมไม่ได้เดือดร้อนเรื่องหาโรงเรียนให้ลูกเรียนชั้นประถม ตอนหาโรงเรียนอนุบาลก็เลยไม่ได้เลือกโรงเรียนที่เน้นให้เด็กไปสอบเข้าป. ๑ แต่เลือกโรงเรียนที่เน้นให้เด็กสนุกกับการเรียน และเปิดโอกาสให้เขาได้มีการพัฒนาการตามวัยของเขา
  

วิชาหนึ่งที่ผมรู้สึกว่ามีความสำคัญกับเด็กเล็กคือวิชาศิลปะ วิชานี้มันไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิด มันเป็นจินตนาการหรือความรู้สึกนึกคิดของแต่ละคนที่จะแสดงออกมา และยังเป็นวิชาที่ดีสำหรับการฝึกฝนกล้ามเนื้อมัดเล็ก (เช่นนิ้วมือ) การทำงานประสานกันระหว่างประสาทตาและการควบคุมมือ และเป็นพื้นฐานที่ดีสำหรับการฝึกเพื่อการทำงานละเอียดที่ใช้มือทำ ไม่ว่าจะเป็นการระบายสีไม่ให้ล้ำแนวกรอบ การใช้มือในการปั้น วางเรียงสิ่งของ และประดิษฐ์สิ่งของต่าง ๆ



ในห้องปฏิบัติการเคมีที่ผมทำงานอยู่นั้นมันก็มีงานหลายอย่างที่ต้องใช้การควบคุมมือและนิ้วมือและการประสานการทำงานกับสายตาที่ดี ตัวอย่างง่าย ๆ ตัวอย่างหนึ่งเห็นจะได้แก่การใช้ปิเปต
  

สมัยที่ผมเรียนหนังสือนั้นอาจารย์ผู้สอนจะสอนให้ใช้นิ้วหัวแม่มือในการควบคุมการดูดของเหลวเข้าสู่ปิเปต คือกำลูกยางไว้ในมือ ไล่อากาศออกจากลูกยาง สวมลูกยางเข้ากับด้านบนของปิเปต แล้วค่อย ๆ คลายนิ้วหัวแม่มือเพื่อดูดของเหลวเข้าปิเปต (รูปกลาง) เหตุผลที่ให้ใช้นิ้วหัวแม่มือก็เพราะสามารถควบคุมอัตราการดูดสารเข้าปิเปตได้ง่าย และพอดูดสารขึ้นมาเลยขีดที่ต้องการแล้วก็นำเอาลูกยางออก แล้วใช้นิ้วชี้ของมืออีกข้างหนึ่งปิดรูด้านบนของปิเปตเอาไว้ จากนั้นใช้กาขยับนิ้วชี้เพื่อปรับระดับของเหลวในปิเปตให้ตรงกับขีดบอกปริมาตร เหตุผลที่ใช้นิ้วชี้ก็เพราะเป็นนิ้วที่ไวต่อความรู้สึก ทำให้สามารถควบคุมการปรับระดับของเหลวทีละน้อย ๆ ได้ง่าย
  

มาช่วงหลัง ๆ พบว่านิสิตใหม่ส่วนใหญ่เวลาที่ใช้ปิเปตมักจะใช้นิ้ว ๔ นิ้วคือ ชี้ กลาง นาง และก้อย ในการบีบลูกยาง เข้าหาอุ้งมือ โดยมีนิ้วหัวแม่มือลอยอยู่ข้างบน (ท่าเหมือนกับการใช้ autopipette) และใช้นิ้วหัวแม่มือของมืออีกข้างหนึ่งคอยอุดรูด้านบนปิเปตเอาไว้ตอนถอดลูกยางออก (รูปซ้าย) ผมเคยถามเขาดูว่าทำไมถึงใช้วิธีนั้น บางคนก็บอกว่ามีอาจารย์สอนมาอย่างนั้น (ผมเดาว่าอาจารย์คนนั้นคงเป็นคนที่อายุน้อยกว่าผมหลายปีอยู่) บางคนก็บอกว่าเขาถนัดที่จะทำแบบนี้



ความเคยชินบางอย่างมันไม่ใช่ว่าจะแก้ไขไม่ได้ ตอนที่ผมหัดเป่าฟลุตใหม่ ๆ นั้นผมจะมีปัญหาเรื่องการกดนิ้วเสียงมีขั้นที่สอง คือกดผิดเป็นประจำ พอกดผิดครูผู้สอนก็จะเตือน ตอนแรกเขาก็งงเหมือนกันว่าทำไมผมถึงกดโน๊ตตัวนี้ผิดเป็นประจำ พอผมตอบเขาไปว่าผมไปชินกับการกดนิ้วของ recorder ครูผู้สอนก็เข้าใจทันที เพราะการกดนิ้วของฟลุตกับ recorder นั้นสำหรับโน๊ตหลาย ๆ ตัวนั้นค่อนข้างจะคล้ายกัน จะมีบางตัวที่แตกต่างกันค่อนข้างจะเยอะอยู่ โดยเฉพาะเสียงเรขั้นที่สองและเสียงมีขั้นที่สอง แต่มันก็ต้องใช้การฝึก แม้ว่าตอนนี้จะดีขึ้นมากแล้ว แต่ถ้าเผลอก็หลงไปบ้างเหมือนกัน ตอนที่หัดยิงปืนก็เช่นกัน ปัญหาหนึ่งที่ทำให้ยิงลงต่ำก็เพราะการขยุ้มไก (กระชากนิ้วชี้ที่ใช้เหนี่ยวไกเข้ามากระทันหัน) ครูผู้สอนก็บอกได้แต่เพียงว่าต้องใช้การฝึกหัด ค่อย ๆ ฝึกลากไกเข้าหาตัวอย่างสม่ำเสมอจนมันลั่นไปเอง แต่กว่าจะควบคุมได้ก็หมดกระสุนไปหลายกล่องเหมือนกัน (ดีที่ตอนนั้นกระสุนราคาเพียงครึ่งเดียวของตอนนี้)



คืนนี้คิดว่าบ่นมามากพอแล้ว ว่าแต่ว่าพวกคุณเอง มีความสามารถในการควบคุมการใช้นิ้วมือได้มากน้อยแค่ไหน

ไม่มีความคิดเห็น: