อาจถือได้ว่าการรบที่เมือง
Kohima
และ
Imphal
ที่เป็นเมืองชายแดนรอยต่อระหว่างอินเดียที่อังกฤษยังคงปกครองและพม่าที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพจักรวรรดิญี่ปุน
ที่เริ่มต้นการรบในช่วงต้นปีค.ศ.
๑๙๔๔
ไปจนถึงกลางปีเดียวกันที่จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น
เป็นจุดเริ่มต้นของการล่าถอยครั้งใหญ่ของกองทัพญี่ปุ่นในพม่าที่เคยควบคุมไปจนประชิดชายแดนอินเดียด้านตะวันตกและชายแดนจีนด้านทิศเหนือ
การล่าถอยครั้งนั้นไม่เพียงแต่ทำให้อังกฤษสามารถส่งกำลังทางบกเข้ามายึดดินแดนประเทศพม่าคืนจากกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น
แต่ยังทำให้สามารถย้ายฐานปฏิบัติการของกองทัพอากาศเข้ามาใกล้ภูมิภาคอินโดจีนมากขึ้น
ทำให้สามารถย่นระยะการบินโจมตีที่แต่เดิมที่ต้องใช้วิธีการบินจากอินเดียออกสู่ทะเลเพื่อตัดเข้าสู่ทางภาคใต้ของประเทศไทย
มาเป็นการโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนตอนเหนือและตอนกลางของประเทศไทยได้มากขึ้น
รูปที่นำมาแสดงเป็นรูปที่เก็บเอาไว้นานหลายปีแล้ว
นำมาจาก fold3.com
และ
www.iwm.org.uk
ภาพการโจมตีที่เส้นทางรถไฟที่กบินทร์บุรี
(จ.
ปราจีนบุรี)
น่าจะเป็นช่วงเดือนพฤษภาคม
ค.ศ.
๑๙๔๕
ส่วนภาพการโจมตีที่สนามบินลำปางดูเหมือนจะเป็นช่วงเดือนมิถุนายน
ค.ศ.
๑๙๔๔
ส่วนภาพการโจมตีที่สถานีรถไฟโคราชและเส้นทางรถไฟสายกรุงเทพ-เชียงใหม่ไม่มีข้อมูลระบุว่าเป็นช่วงเวลาไหน
แต่เดาว่าน่าจะเป็นช่วงกลางปีค.ศ.
๑๙๔๔
ไปจนถึงช่วงสงครามสิ้นสุด
ญี่ปุ่นนั้นยกกองทัพเข้ามาตั้งมั่นอยู่ในอินโดจีนฝรั่งเศส
(French
Indochina)
หลังจากการเจรจาหยุดยิงระหว่างไทยกับฝรั่งเศสในกรณีพิพาทอินโดจีน
โดยทางฝ่ายไทยได้ดินแดนบางส่วนกลับคืนมา
ส่วนฝรั่งเศสนั้นอยู่ในช่วงที่เพิ่งจะแพ้สงครามกับเยอรมันในยุโรป
ก็เลยยอมให้ญี่ปุ่นมาตั้งฐานทัพ
ทำนองว่ากันฝ่ายไทยไม่ให้บุกเข้าไป
และคงกันไม่ให้ดินแดนดังกล่าวประกาศตัวเป็นเอกราช
ก็เลยฝากญี่ปุ่นให้ช่วยดูแลเอาไว้ก่อน
วัตถุประสงค์หลักของการโจมตีประเทศไทยในครั้งนั้นคือการตัดการส่งกำลังบำรุงให้กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นในพม่าที่มีทั้งจากอินโดจีนฝรั่งเศส
และมาขึ้นบนที่ไทย
ก่อนส่งต่อทางรถไฟไปยังประเทศพม่า
และใช้การทิ้งระเบิดเป็นเครื่องมือกดดันให้รัฐบาลไทยในขณะนั้นถอนตัวจากการเป็นพันธมิตรร่วมกับญี่ปุ่น
แต่พอเอาเข้าจริง
ๆ เมื่อสงครามสิ้นสุด
กองทัพอังกฤษทำเพียงแค่ปลดอาวุธกองทัพญี่ปุ่นในดินแดนที่อังกฤษเคยปกครองเป็นเมืองขึ้น
ส่วนดินแดนส่วนที่เป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสและเนเธอร์แลนด์
อังกฤษกลับยังคงให้กองทัพญี่ปุ่นช่วยดูแลรักษาความสงบ
เพื่อรอเจ้าของอาณานิคมเดิมกลับมาปกครอง
ป้องกันไม่ให้ประชาชนเจ้าของประเทศเดิมได้รับเอกราช
ประเด็นนี้แหละครับที่ทำให้สหรัฐอเมริกาไม่ทุ่มกำลังช่วยอังกฤษเต็มที่ในการรบกับกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น
เพราะสิ่งที่ญี่ปุ่นทำอยู่ในขณะนั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรกับสิ่งที่อังกฤษทำอยู่ก่อนหน้านั้น
สหรัฐอเมริกาเองไม่เห็นเหตุผลที่ทำไมต้องให้คนของเขามาตายเพื่อให้อังกฤษได้เมืองขึ้นของตนเองกลับมา
เขาช่วยเพียงแค่สนับสนุนให้ทางอังกฤษและจีนสามารถรบยันกองทัพญี่ปุ่นได้
เพื่อให้ทางญี่ปุ่นต้องคงกำลังทหารบกจำนวนมากไว้ในแนวรบด้านนี้
ส่วนตัวเองก็ไปเปิดศึกทางด้านมหาสมุทรแทน
รูปที่
๑ ภาพความเสียหายจากการทิ้งระเบิดเส้นทางรถไฟกรุงเทพ-อรัญประเทศ
ที่กบินทร์บุรี
เพื่อตัดการส่งกำลังบำรุงของกองทัพญี่ปุ่นจาก
French-Indochina
รูปนี้นำมาจาก
fold3.com
โดยที่ตัวรูปถ่ายระบุว่าเป็น
Krabinburi
(กบินทร์บุรี)
แต่ที่ตัวเว็บเองนั้นกลับบอกว่าเป็น
Kraburi
(กระบุรี)
ซึ่งเป็นเส้นทางรถไฟอีกสายที่กองทัพญี่ปุ่นสร้างขึ้นจากชุมพรไประนอง
ตรงนี้คงเป็นเพราะความเข้าใจผิดของคนทำเว็บที่ไม่ชินกับชื่อภาษาไทย
พอเห็นชื่อคล้าย ๆ
กันเลยคิดว่าเป็นสถานที่เดียวกัน
รูปที่
๒ คำบรรยายรูปที่อยู่ทางด้านหลังของรูปที่
๑ (รูปจาก
fold3.com)
รูปที่
๓ ภาพถ่ายทางอากาศของสนามบินลำปาง
ในสีขาวคือเป้าหมายที่กำหนดให้แต่ละฝูงบินเข้าโจมตี
มีทั้งสิ่งปลูกสร้าง
ลานจอดเครื่องบิน และรันเวย์
ลูกศรที่ชี้ลงทางด้านล่างของรูปบอกตำแหน่งทิศเหนือของภาพ
(ภาพจาก
fold3.com)
รูปที่
๔ ภาพการทิ้งระเบิด
พึงสังเกตตำแหน่งที่ระเบิดตกกับตำแหน่งที่มีการวงไว้ในรูปที่
๓ (รูปจาก
fold3.com)
รูปที่
๕ การทิ้งระเบิดสถานีรถไฟโคราช
แหล่งที่มาของรูปให้คำบรรยายรูปไว้ดังนี้
Vertical
aerial photograph taken during a daylight attack on the railway yards
at Korat, Thailand, by Consolidated Liberators of No. 231 Group,
showing sticks of bombs exploding among railway installations and
buildings.
รูปที่
๖ การทิ้งระเบิดเส้นทางรถไฟกรุงเทพ-เชียงใหม่
แหล่งที่มาของรูปให้คำบรรยายรูปไว้ดังนี้
A
bomb explodes on the Bangkok-Chiengmai railway line in Thailand,
during a low-level attack by Consolidated Liberators of No. 159
Squadron RAF. Photograph taken from the port side gun hatch of one of
the attacking aircraft.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น