"ถนนตรงนี้ก่อนหน้านี้เป็นอะไรหรือครับ"
"เป็นทางรถไฟขนอ้อยน่ะ
วิ่งมาจากทางด้านโน้น
ออกไปบ้านหัวกุญแจ
เดิมมันอยู่ต่ำกว่านี้อีก
มิดหัวเลย มองไม่เห็นรถไฟหรอก
พอถมไปถมมามันก็เลยสูงจนถึงระดับนี้"
บทสนทนาข้างบนเกิดขึ้นเมื่อเช้าวันอังคารที่
๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๕ ที่ผ่านมา
รูปที่
๑ แผนที่แนบท้ายราชกิจจานุเบกษาเล่ม
๘๗ ตอนที่ ๑๐๐ วันที่ ๒๗ ตุลาคม
๒๕๑๓ เรื่องเปลี่ยนแปลงเขตสุขาภิบาลอ่าวอุดม
อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
ตัดมาเฉพาะบริเวณเขาเขียว-เขาชมภู่
แนวเส้นสีแดงคือทางรถไฟ
บริเวณบ้านโค้งดารา
ถ้าใครขับรถมาจากทางศรีราชาจะไปสวนสันติธรรม
(เห็นคนจากกรุงเทพชอบมากันเส้นทางนี้)
จากแยกบ้านโค้งดาราขับรถเข้าไปนิดหน่อยด้านขวามือจะมีร้านขายกล้วยทอดมันทอดอยู่ร้านหนึ่ง
ผมผ่านไปแถวนั้นทีไรมักจะแวะเข้าไปซื้อกินทุกที
จนพี่แม่ค้าที่ขายกล้วยจำผมกับครอบครัวได้
(คงเป็นเพราะไม่ค่อยมีคนขับรถเก๋งต่างถิ่นแวะไปจอดซื้อของจากเขาและแวะคุยเรื่องต่าง
ๆ)
ผมสงสัยถนนเส้นดังกล่าวตอนที่ไปได้เห็นแผนที่แสดงเขตสุขาภิบาลหัวกุญแจในราชกิจจานุเบกษาเล่ม
๘๐ ตอนที่ ๒๖ วันที่ ๑๖ มีนาคม
๒๕๐๖ และแผนที่แนบท้ายราชกิจจานุเบกษาเล่ม
๘๗ ตอนที่ ๑๐๐ วันที่ ๒๗ ตุลาคม
๒๕๑๓ เรื่องเปลี่ยนแปลงเขตสุขาภิบาลอ่าวอุดม
อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
(ดู
Memoir
ปีที่
๕ ฉบับที่ ๕๑๕ วันจันทร์ที่
๘ ตุลาคม ๒๕๕๕)
ที่บ่งบอกถึงเส้นทางรถไฟไปยังอำเภอบ้านบึง
และยังพบปรากฏในแผนที่แนบท้ายราชกิจจานุเบกษาเล่ม
๙๑ ตอนที่ ๑๑๔ วันที่ ๒ กรกฎาคม
๒๕๑๗ เรื่องประกาศเขตอนุรักษ์พันธ์สัตว์ป่าเขาเขียว-เขาชมภู่อีก
(รูปที่
๓)
ซึ่งเมื่อเทียบกับแผนที่ปัจจุบันแล้ว
(รูปที่
๒)
ทำให้สงสัยว่าปัจจุบันส่วนหนึ่งเส้นทางดังกล่าวน่าจะเป็นถนนสาย
ชบ ๑๐๘๐ ที่วิ่งจากบ้านโค้งดาราไปยังบ้านหัวกุญแจ
รูปที่
๒
ภาพถ่ายดาวเทียมบริเวณเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าเขาเขียว-เขาชมภู่ในปัจจุบัน
เส้นประสีแดงคือแนวทางรถไฟในอดีต
ซึ่งปัจจุบันคือทางหลวงสาย
ชบ ๑๐๘๐
ถนนเส้นนี้ผมขับผ่านครั้งแรกเมื่อประมาณกว่า
๑๕ ปีที่แล้ว
ตอนนั้นขับรถตามแผนที่หาเส้นทางตัดจากบางพระไปบ้านบึง
เห็นในแผนที่มีถนนไม่ระบุชื่ออยู่หนึ่งเส้นทางอยู่ทางด้านหลังเขาเขียว
ก็เลยลองลุยเข้าไปดู
สภาพตอนนั้นเป็นทางลูกรังลุยผ่านเข้าไปในไร่มันสำปะหลัง
ตอนแรกก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าหลงทางหรือเปล่า
แต่พบว่ามีป้ายเครื่องหมายจราจร
(ที่สนิมเขรอะ)
ติดตั้งอยู่
ก็เลยคิดว่ายังไม่หลงทาง
ไปคราวหลังสุดนี้ก็เลยลองแวะถ่ายรูปข้างทางเก็บเอาไว้
นึกสงสัยอยู่เหมือนกันว่าในอดีตสมัยที่บริเวณนี้ยังเป็นป่าอยู่นั้น
คนที่ใช้เส้นทางนี้ได้เห็นธรรมชาติข้างทางอย่างไรบ้าง
ซึ่งเชื่อว่าคงจะร่มรื่นและอุดมสมบูรณ์กว่าในปัจจุบัน
ที่สภาพป่าเปลี่ยนไปเป็นไร่มันสำปะหลังและไร่สับปะรดแทน
ตำแหน่งต่าง ๆ ที่แวะถ่ายรูปได้ระบุไว้คร่าว
ๆ แล้วในรูปที่ ๒
สภาพข้างทางในปัจจุบันเป็นอย่างไรก็ลองดูตามรูปเอาเองก็แล้วกัน
รูปที่
๓ แผนที่แนบท้ายราชกิจจานุเบกษาเล่ม
๙๑ ตอนที่ ๑๑๔ วันที่ ๒ กรกฎาคม
๒๕๑๗ เรื่องประกาศเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าเขาเขียว-เขาชมภู่
ในวงแดงคือบริเวณเส้นทางที่แวะถ่ายรูป
รูปที่
๔ ร้านขายกล้วยทอด (๑)
ที่แวะซื้อกินประจำเวลาเดินทางผ่านไปแถวนั้น
บางทีก็มีผักสดมาวางขายด้วย
รูปนี้เป็นการมองย้อนไปทางเส้นทางที่มุ่งหน้ามาจากบ้านหนองค้อ
ผมว่ากล้วยทอดต้องกินร้อน
ๆ พึ่งขึ้นมาจากกระทะ
ที่เขามาเดินขายอยู่ตามสี่แยกรถติดนั้นไม่เคยคิดจะซื้อกินเลย
ป้ายบอกทางในกรอบแดงข้างหลังบอกว่าตรงไปจะไปทางหลวงหมายเลข
๗ ส่วนเลี้ยวซ้ายจะไปวัดโค้งดารา
รูปที่
๕ ยังอยู่ที่บริเวณหน้าร้านขายกล้วยทอด
(๑)
รูปนี้มองไปยังเส้นทางไปบ้านหัวกุญแจและ
อ.บ้านบึง
เดิมทีเป็นทางหินคลุก
คนมาจากกรุงเทพเกือบทั้งหมดจะมุ่งหน้าจากบ้านโค้งดาราไปยังสวนสันติธรรม
แล้วก็ย้อนกลับทางเดิม
ตอนนั้นดูเหมือนจะไม่ค่อยมีใครรู้ว่าเส้นทางดังกล่าวใช้ลัดไปออกบ้านบึงได้
เพราะถนนที่เลยสวนสันติธรรมไปแล้วมันดูแย่ลงไปอีก
แต่ตอนนี้พอทำเป็นถนนลาดยาง
(แต่ไม่ตลอดทั้งเส้น)
ปรากฏว่ามีรถบรรบุกขนาดใหญ่ใช้เป็นเส้นทางสัญจรร่วมด้วย
รูปที่
๖ จากตำแหน่ง (๑)
มายังตำแหน่ง
(๒)
เส้นทางก่อนถึงสวนสันติธรรม
แถวนี้ช่วงหน้าหนาวอากาศดี
ลมแรงดี ไม่เย็นมากเกินไป
รูปที่
๗ บริเวณหน้าสวนสันติธรรม
(๒)
ที่อยู่ทางขวามือ
มุ่งหน้าไปยังบ้านหนองน้ำเขียว
ถนนเส้นนี้จะลาดยางไปจนถึงเข้าเขตอนุรักษ์พันธ์สัตว์ป่า
ช่วงที่อยู่ในเขตอนุรักษ์นั้นจะเป็นทางลูกรัง
เลยจากจุดนี้ไปสักนิดพอเข้าเขตอนุรักษ์
เส้นทางจะมีปัญหาอยู่นิดหน่อย
คือไหล่ทางทรุดพังบริเวณทางน้ำไหลผ่าน
รถวิ่งสวนกันไม่ได้
แต่ถนนเส้นนี้ช่วงเลยจากจุดนี้ไปปรกติก็ไม่ค่อยจะมีรถวิ่งอยู่แล้ว
รูปที่
๘ ถนนช่วงที่อยู่ในเขตอนุรักษ์พันธ์สัตว์ป่า
ยังคงเป็นถนนหินคลุกอยู่
รูปนี้เป็นการมองย้อนไปยังบ้านโค้งดารา
(บริเวณตำแหน่ง
๓)
เส้นทางข้างหน้า
(ตรงลูกศรสีเหลือง)
จะเป็นโค้งที่ออกขวาก่อนเล็กน้อยและวกกลับไปทางซ้ายลงต่ำไปข้างล่าง
เป็นจุดที่ไหล่ถนนพังลงไปเพราะโดนน้ำเซาะ
รูปที่
๙ พอพ้นออกจากเขตอนุรักษ์พันธ์สัตว์ป่าแล้ว
ถนนก็จะมีสภาพเป็นถนนราดยางอย่างดีอีกครั้งหนึ่ง
ทางด้านซ้ายจะเป็นเนินเขามีคนทำไร่ข้าวโพด
ส่วนทางด้านขวาเป็นทุ่งโล่ง
(บริเวณตำแหน่ง
๔)
วันนั้นขับรถไปถึงแค่นี้แล้วก็วนกลับ
แต่ช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมาก็ต้องใช้เส้นทางนี้อีกโดยขับจากบ้านหัวกุญแจไปออกบางพระ
รูปที่
๑๐ ทีนี้ลองย้อนมาทางอีกฝั่ง
จากบ้านโค้งดารามุ่งหน้าไปยังหนองค้อ
(ตำแหน่ง
๕)
ระดับถนนเส้นนี้ต่ำกว่าระดับถนนของบ้านโค้งดาราอยู่มาก
แสดงว่าถนนบ้านโค้งดารานั้นมีการถมให้สูงขึ้นมามาก
และก็เป็นไปได้ที่ระดับเดิมนั้นจะต่ำจนเป็นอย่างที่พี่แม่ค้าขายกล้วยทอดบอกว่าระดับเดิมมันต่ำจนมิดหัวรถไฟ
(หัวรถจักรรถไฟเล็กนี้ไม่ได้สูงมากนะ
ลองไปดูรูปได้ใน Memoir
ปีที่
๕ ฉบับที่ ๕๑๕ วันจันทร์ที่
๘ ตุลาคม ๒๕๕๕ ในรูปนั้นตอนนั้นเขาใช้ลากไม้
แต่ต่อมาภายหลังใช้ขนอ้อยไปเข้าโรงงานน้ำตาล)
รูปที่
๑๑ รูปนี้อยู่ที่บริเวณตำแหน่ง
๖ กำลังมุ่งหน้าไปยังตำแหน่ง
๗ สภาพเส้นทางสายนี้ดูแล้วได้บรรยากาศดี
ทางด้านขวาที่เห็นต้นไม้รก
ๆ นั้นเป็นต้นไม้ที่โผล่ขึ้นมาจากธารน้ำข้างทาง
ที่อยู่ต่ำลงไปขนาดมิดหัวคนได้
ดังนั้นถ้าเจอรถวิ่งสวนหลบกัน
ใครอยู่ฝั่งนั้นก็ต้องระวังด้วย
ไม่เช่นนั้นมีหวังลงไปล้างรถอยู่ในธารน้ำข้างทางได้
รูปที่
๑๒ บริเวณตำแหน่งที่ ๖
แต่เป็นการมองย้อนกลับไปยังบ้านโค้งดารา
ฝั่งที่เป็นธารน้ำคือด้านซ้ายมือของรูป
รูปที่
๑๓
ขับมาจนถึงจุดที่เชื่อว่าเป็นทางแยกระหว่างเส้นทางไปบ้านบึงและเส้นทางที่มุ่งไปยังบึงตาต้าเขตอ.ปลวกแดง
(ตำแหน่งที่
๗)
รูปนี้เป็นการมองย้อนกลับไปยังบ้านโค้งดารา
รูปที่
๑๔ ระหว่างเส้นทาง (ตำแหน่ง
๕ ถึง ๗)
ถ้าขับมาจากบ้านโค้งดาราจะพบโรงงานบริษัทศรีมหาราชาอยู่ทางด้านซ้ายมือ
ปัจจุบันไม่ทราบว่าใช้ทำอะไร
รู้แต่ว่าข้าง ๆ
โรงงานมีสวนยางพาราขึ้นอยู่
(แต่จะเกี่ยวข้องกันหรือเปล่าก็ไม่รู้)
ภายในเห็นมีรูปปั้น
เดาว่าคงเป็นรูปปั้นของเจ้าพระยาสุรศักดิ์ผู้ริเริ่มบุกเบิกเส้นทางรถไฟเส้นนี้
(ผมเดาถูกหรือผิดก็ไม่รู้นะ)
ในมุมมองของผมนั้นการอ่านหนังสือนั้นมันแตกต่างจากการอ่านการ์ตูนที่มีภาพ
เพราะหนังสือนั้นมันเปิดโอกาสให้เราจินตนาการถึงรูปร่างหน้าตาตัวละครและฉากต่าง
ๆ ในเรื่อง ต่างคนก็ต่างคิดไม่เหมือนกัน
หรือแม้แต่คน ๆ
เดียวกันเวลาอ่านใหม่ก็มีสิทธิ์ที่จะเห็นภาพแตกต่างไปจากเดิมได้
แต่พอเป็นการ์ตูนแล้วทุกคนก็จะมองเห็นภาพเดียวกันหมด
และไม่ว่าจะอ่านกี่ครั้งก็จะเห็นภาพเดิม
ๆ
แต่การอ่านการ์ตูนก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการปลูกฝังให้เด็กรักการอ่าน
(เพราะเด็กยังต้องการเห็นรูปภาพว่าอะไรคืออะไร)
การเดินทางท่องเที่ยวก็เช่นกัน
เมื่อเราได้ทราบถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเส้นทางที่เราเดินทางไปนั้น
เราก็อาจมองเห็นภาพสองข้างทางนั้นแตกต่างไปจากที่มันปรากฏต่อสายตาของเราในปัจจุบันได้
และเราจะได้พบว่าการท่องเที่ยวนั้นความสำคัญไม่ได้อยู่ที่จุดหมายปลายทาง
แต่อยู่ที่เส้นทางที่เราใช้ในการเดินทาง
ว่าเราเลือกจะใช้เส้นทางที่จะเปิดโอกาสให้เราได้มองเห็นอะไรบ้าง