หินลับ
๒๔
ธันวาคม ค.ศ.
๑๘๙๖
..........
แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพอพระราชหฤทัยที่จะทรงดำเนินมากกว่า
ดังนั้นเราจึงเดินไปจนถึงที่ยื่นออกมาซึ่งอยู่ไกลออกไปประมาณ
๗๐๐ เมตร ตรงกิโลเมตรที่
๑๓๖.๕
ณ
ที่แห่งนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงลงพระปรมาภิไธยด้วยชอล์กและทรงตอกหินด้วยพระแสงสิ่วและค้อนทอง
ผู้ที่ทรงตอกสิ่วต่อจากพระองค์คือพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายชายและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่อีก
๒๐ คน ..........
๑๘
กุมภาพันธ์ ปีค.ศ.
๑๘๙๓
ลูอิส ไวเลอร์
วิศวกรชาวเยอรมันได้เดินทางมาถึงกรุงเทพมหานคร
และได้เข้าพักในโรงแรมโอเรียนเต็ล
เพื่อไปทำหน้าที่เป็นวิศวกรควบคุมการก่อสร้างทางรถไฟช่วงปากเพรียวไปโคราชตั้งแต่กิโลเมตรที่
๘๐ ถึง ๑๑๒ และ ๑๒ ถึง ๑๓๓
ด้วยความที่เป็นคนชอบเขียนบันทึก
ทำให้บันทึกของเขานั้นเต็มไปด้วยการบรรยายสภาพการณ์ของประเทศสยามในช่วงเวลาที่เขาเข้ามาทำงาน
ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเหตุการณ์บ้านเมืองหรือชีวิตประจำวันของคนทั่วไป
และที่สำคัญคือด้วยหน้าที่การงานของเขาที่ต้องเข้าไปบุกเบิกเส้นทางรถไฟที่ตัดผ่านป่า
การทำงานร่วมกับชาวบ้านสยามทั่วไป
ทำให้บันทึกของเขาให้ภาพการใช้ชีวิตประจำวันของชาวสยามทั่วไปในยุคนั้นซึ่งเป็นสิ่งที่ทางราชการไม่ทำการจดบันทึกกัน
บันทึกของไวเลอร์ได้รับการแปลเป็นหนังสือเรื่อง
"กำเนิดการรถไฟในประเทศไทย
(Anfang
der Eisenbahn in Thailand)" โดย
ถนอมนวล โอเจิญ และ วิลิตา
ศรีอุฬารพงศ์
ในโครงการเผยแพร่ผลงานวิชาการคณะอักษรศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ลำดับที่ ๑๔๙ เมื่อปีพ.ศ.
๒๕๕๖
ในบันทึกแต่ละวันของเขาจะมีการจดบันทึกสถานที่ที่เขาทำการเขียนบันทึกนั้น
"ปากเพรียว"
ก็เป็นหนึ่งในสถานที่แรก
ๆ ที่เขามาพัก
(คิดว่าเป็นบริเวณสถานีรถไฟสระบุรีในปัจจุบัน)
และอีกสถานที่หนึ่งที่เขาไปประจำการเพื่อควบคุมการก่อสร้างทางคือที่
"หินลับ"
บนเส้นทางระหว่างบ้านมาบกระเบาและบ้านหินลับมีช่วงหนึ่งเป็นหุบเขาแคบ
ๆ เป็นตำแหน่งที่เด่นเป็นพิเศษโดยมีหินยื่นออกมา
ณ
ที่นี้ไวเลอร์ได้ให้คนงานจัดเตรียมสถานที่เพื่อให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่
๕ ที่จะเสด็จพระราชดำเนินมาเพื่อทรงเยี่ยมชมหินลับในวันพุธที่
๒๒ ธันวาคม ค.ศ.
๑๘๙๖
นั้นทรงจารึกข้อความ
บริเวณนั้นปัจจุบันเรียกว่า
"ผาเสด็จ"
อยู่เลยไปทางด้านตะวันตกของสถานีรถไฟผาเสด็จในปัจจุบันไม่กี่ร้อยเมตร
และข้อความที่นำมาขึ้นต้น
Memoir
ฉบับนี้คือส่วนหนึ่งของเหตุการณ์การเสร็จพระราชดำเนินครั้งดังกล่าวที่ไวเลอร์ได้บันทึกไว้
วันเสาร์ที่ผ่านมาจำเป็นต้องเดินทางไปร่วมงานทอดกฐิน
ณ วัดแห่งหนึ่งที่โคราช
ก็เลยถือโอกาสแวะเข้าไปเยี่ยมชมบริเวณดังกล่าว
เส้นทางเข้าจะอยู่เลยโรงงานปูนซิเมนต์นครหลวงเล็กน้อย
(มีป้ายบอก)
พอเลี้ยวเข้าไปจะพบป้ายบอกว่าแยกซ้ายไปผาเสด็จ
(ประมาณ
๒ กิโลเมตร)
และแยกขวาไปหินลับ
(๕
กิโลเมตรเศษ)
เส้นทางไปผาเสด็จเป็นถนนลาดยางอย่างดี
๒ ช่องทางจราจรเล็ก ๆ
พอรถเก๋งวิ่งสวนกันได้
(ทางตัน)
ส่วนบรรยากาศข้างในเป็นอย่างไรนั้นก็เชิญชมรูปภาพที่ถ่ายมาฝากก็แล้วกันครับ
ถือว่าวันนี้เป็นการเล่าเรื่องด้วยรูป
เผื่อจะมีใครอยากได้สถานที่เงียบ
ๆ เพื่อนั่งพักผ่อนกินข้าวหรือเปลี่ยนบรรยากาศถ่ายรูปในที่
ๆ คนอื่นเขาไม่ไปกัน
รูปที่
๑ อนุสาวรีย์รัชกาลที่ ๕
ตรงบริเวณผาเสด็จ
ก้อนหินที่ไวเลอร์กล่าวถึงอยู่ติดทางด้านขาวของรูปนี้
รูปที่
๒ จากหน้าอนุสาวรีย์มองกลับไปยังเส้นทางที่มาจากสถานีมาบกระเบา
(มาจากสระบุรี)
รูปที่
๓ จากหน้าอนุสาวรีย์มองไปยังสถานีผาเสด็จ
จะเห็นก้อนหินที่โผล่ยื่นออกมา
ที่บังศาจเจ้าพ่อหินลับทางด้านขวาของรูป
รูปที่
๔ ก้อนหินที่โผล่ยื่นออกมาและศาลเจ้าพ่อหินลับ
มองไปยังทิศทุ่งไปยังสถานีผาเสด็จ
รูปที่
๕ ถ่ายจากหน้าศาลเจ้าพ่อ
พ้นโค้งนี่ไปคือสถานีผาเสด็จ
รูปที่
๖ สถานีรถไฟผาเสด็จ
รูปที่
๗ ยืนอยู่หน้าสถานี
มองกลับไปทางผาเสด็จ
รูปที่
๙ ป้ายบอกตำแหน่งที่ตั้งสถานีผาเสด็จ
รูปที่
๑๐ ถนนที่แยกจากถนนมิตรภาพมายังสถานีผาเสด็จ
(สบ.
๑๐๖๒)
รูปนี้ถ่ายตอนขับรถออกจากสถานี
รูปที่
๑๑ แยกจากทางรถไฟ
ทางรถไฟจะเลี้ยวโค้งอ้อมเขาไปทางซ้าย
ส่วนถนนจะเบี่ยงอ้อมมาทางขวาออกถนนมิตรภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น