"One
day ladies will take their computers for walks in the park and tell
each other, “My little computer said such a funny thing this
morning." " (Allan Turing)
ถ้าแปลเป็นไทยก็คงจะได้ว่า
"สักวันหนึ่ง
สุภาพสตรีจะออกไปเดินเล่นในสวนสาธารณะกับคอมพิวเตอร์ของพวกเขา
และจะคุยระหว่างกันว่า
"เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องเล็ก
ๆ ของฉันเล่าสิ่งตลก ๆ
ให้ฟังเมื่อเช้าวันนี้"
"
ช่วงคริสต์ศตวรรษที่
๒๐ (ค.ศ.
๑๙๐๐
-
๑๙๙๙)
นับว่าเป็นช่วงเวลาที่มีความแตกต่างทางเทคโนโลยีเป็นอย่างมากระหว่างช่วงต้นกับช่วงปลายคริสต์ศตวรรษ
มีคนกล่าวว่าคริสต์ศตวรรษที่
๑๙ เป็นยุครุ่งโรจน์ของเคมี
คริสต์ศตววษที่ ๒๐ เป็นยุคของฟิสิกส์
และคริสต์ศตวรรษที่ ๒๐
จะเป็นยุคของเทคโนโลยีชีวภาพ
ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้น
วิชาเคมีมีการพัฒนาอย่างมากในช่วงคริสต์ศตวรรษที่
๑๙ มีการค้นพบกฎเกณฑ์ต่าง
ๆ ว่าสารไหนทำปฏิกิริยากับสารไหนแล้วจะได้ผลิตภัณฑ์อย่างไร
แต่สิ่งที่ขาดไปก็คือคำอธิบายว่าทำไปจึงได้ผลเช่นนั้น
สิ่งที่ตามมาก็คือทำให้วิชาเคมีต้องเต็มไปด้วยการท่องจำ
ชื่อบุคคลต่าง ๆ
ที่ถูกนำตั้งชื่อการทำปฏิกิริยาที่เขาค้นพบ
(เพราะมันไม่มีคำอธิบายกฎเกณฑ์ที่ตั้งขึ้น
รวมทั้งการที่ทำไมกฏฎเกณฑ์เหล่านั้นถึงมีข้อยกเว้น)
สาเหตุหลักในเรื่องนี้น่าจะเป็นเพราะยังขาดแบบจำลองโครงสร้างอะตอมที่ดีที่จะนำมาใช้ในการอธิบายการทำปฏิกิริยาและการสร้างพันธะทางเคมีของระหว่างอะตอมต่าง
ๆ
พัฒนาการด้านแบบจำลองโครงสร้างอะตอมที่เริ่มในต้นคริสต์ศตวรรษที่
๒๐ ไม่เพียงแต่ช่วยให้คำอธิบายแก่กฎเกณฑ์ต่าง
ๆ ในการทำปฏิกิริยาเคมีที่ตั้งกันมาในคริสต์ศตวรรษก่อนหน้า
ความรู้ความเข้าใจทางด้านโครงสร้างอะตอมและโมเลกุลนำไปสู่ความรู้ทางด้านการถ่ายทอดพันธุกรรม
ซึ่งต่อไปสู่การดัดแปลงพันธุกรรมที่กำลังเป็นประเด็นให้ถกเถียงกันในแง่ต่าง
ๆ ในปัจจุบัน
นอกจากนี้พัฒนาการของแบบจำลองโครงสร้างอะตอมไม่เพียงแต่นำไปสู่การพัฒนาที่สำคัญทางด้านพลังงานนิวเคลียร์
แต่ยังนำไปสู่การพัฒนาที่ทำสำคัญทางด้านอิเล็กทรอนิกส์
โดยเฉพาะการพัฒนาสารกึ่งตัวนำที่ทำให้เราสามารถผลิตคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กลงมากแต่มีประสิทธิภาพเพิ่มสูงขึ้น
ในช่วงปีค.ศ.
๑๙๙๙
(พ.ศ.
๒๕๔๒)
นิตยสาร
TIME
ได้ทำการรวบรวมเหตุการณ์และบุคคลสำคัญของศตวรรษที่
๒๐ ในด้านต่าง ๆ เอาไว้
และฉบับวันที่ ๒๙
เดือนมีนาคมก็เป็นการรวบรวม
๑๐๐
นักคิดที่ความคิดของเขาส่งอิทธิพลต่อการพัฒนาการทางด้านวิทยาศาสตร์
สำหรับด้าน Computer
Science นั้นทางนิตยสาร
TIME
ยกตำแหน่งนี้ให้กับ
Alan
Turing นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ
ที่เป็นผู้ที่นำเสนอแนวความคิดที่สำคัญที่เป็นรากฐานในการทำงานของคอมพิวเตอร์
ก่อนหน้ายุคของ
Alan
Turing ในคริสต์ศตวรรษที่
๑๙ อังกฤษก็มี Charles
Babbage ที่นำเสนอแนวความคิดเรื่อง
Difference
Engine ที่เป็นเครื่องจักรกลที่สามารถทำการคำนวณแทนมนุษย์
แต่เครื่องจักรดังกล่าวก็ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นในยุคของ
Babbage
ต้องรอให้ครบรอบวันเกิด
๒๐๐ ปี เครื่อง Difference
Engine จึงได้รับการเปิดตัวที่
Science
Museum ในกรุงลอนดอน
(ซึ่งมันตั้งอยู่ข้าง
ๆ College
ที่ผมเรียนอยู่
ณ เวลานั้นผมก็เลยได้มีโอกาสแวะไปเยี่ยมชม)
Alum
Turing เป็นหนึ่งในทีมนักถอดรหัสของอังกฤษในช่วงสงครามโลกครั้งที่
๒ ที่ทำงานที่ Bletchley
park
ซึ่งผลงานของทีมนักถอดรหัสดังกล่าวถูกเก็บเป็นความลับเอาไว้เป็นเวลานาน
แม้แต่เครื่องดิจิตอลคอมพิวเตอร์ที่สามารถโปรแกรมได้เครื่องแรกของโลก
(เครื่อง
Colossus)
ที่ถูกสร้างขึ้นที่นี้ก็ยังถูกเก็บเอาไว้เป็นความลับ
สำหรับคนที่ยังเคยได้ยินชื่อว่า
Alan
Turing เป็นใครและมีผลงานที่สำคัญอะไร
ก็ขอเชิญอ่านได้จากบทความที่นิตยสาร
TIME
ฉบับวันที่
๒๙ มีนาคม พ.ศ.
๒๕๔๒
นำเสนอ ส่วนจะมีเนื้อหาตรงกับที่ปรากฏในภาพยนต์เรื่อง
Imitation
Game ที่กำลังฉายอยู่ในโรงภาพยนต์มาช่วงเวลาหนึ่งแล้วหรือไม่นั้น
ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน
เพราะยังไม่คิดจะไปดูภาพยนต์เรื่องดังกล่าว
วันที่
๗ มิถุนายน ค.ศ.
๑๙๕๔
(พ.ศ.
๒๔๙๗)
หรือ
๑๐ ปีกับอีก ๑ วันนับจากวัน
D-day
ที่กองทัพสัมพันธมิตรนำทัพโดยสหรัฐอเมริกา
อังกฤษ และแคนาดา
ยกพลขึ้นบกที่ประเทศฝรั่งเศสในสงครามโลกครั้งที่
๒ Alla
Turing (เจ้าของประโยคที่ผมนำมาขึ้นต้นบทความฉบับนี้)
จบชีวิตของเขาเองด้วยการกินแอปเปิลทาไซยาไนด์
ซึ่งเป็นผลจากกฎหมายของอังกฤษในช่วงเวลานั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น