เวลาที่ฝนตกลงพื้นดิน
น้ำฝนบางส่วนจะซึมลงสู่พื้นดิน
ส่วนที่ว่าจะซึมได้ลึกแค่ไหนได้เร็วแค่ไหนก็คงขึ้นอยู่กับชนิดของพื้นดินว่าเป็นดินเหนียว
ดินทราย หรือความแน่นของพื้นดิน
แต่โดยทั่วไปอัตราการซึมนั้นค่อนข้างจะช้า
เวลาที่ฝนตกลงมาหนัก ๆ
มันก็เลยไหลล้นไปบนผิวดินไปยังที่ต่ำกว่า
แต่ถ้าเราให้เวลาน้ำซึมลงดินได้นานพอ
เราก็สามารถใช้ดินเป็นที่เก็บน้ำไว้ใช้ได้
สังเกตได้เวลาที่บางสถานที่นั้นขุดดินลึงลงไป
ก็จะเจอตาน้ำที่มีน้ำซึมออกมา
หลุมนั้นก็จะกลายเป็นบ่อบาดาลน้ำตื้นไป
ต้นไม้ใหญ่ ๆ
ที่รากอยู่ลึกมันก็อาศัยน้ำส่วนนี้ดำรงชีวิตในช่วงฤดูแล้งหรือฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานาน
บ่อแบบนี้มันไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องแก๊สพิษตอนขุด
ตอนขุดจะมีปัญหาก็เรื่องดินถล่มลงไปทับคนที่กำลังขุดอยู่มากกว่า
และอีกทีก็ตอนที่ส่งคนลงไปล้างบ่อที่ขุดเอาไว้นานแล้วที่มีการขาดอากาศหรือได้รับแก๊สพิษที่สะสมอยู่ที่ก้นบ่อจนเสียชีวิต
แหล่งน้ำใต้ดินที่ใหญ่กว่าจะเป็นพวกบ่อบาดาลน้ำลึก
ที่ต้องทำการขุดเจาะลงไปลึกในระดับหลายสิบเมตรหรือหลายร้อยเมตร
แต่ก่อนหมู่บ้านจัดสรรหลาย
ๆ
หมู่บ้านในกรุงเทพก็ใช้น้ำบาดาลนี้มาทำเป็นน้ำประปาแจกจ่ายให้บ้านเรือนในหมู่บ้านก่อนที่ระบบประปาจะขยายไปจนถึง
ดังจะเห็นได้จากหมู่บ้านจัดสรรเก่า
ๆ บางหมู่บ้านยังมีถังน้ำประปาตั้งสูงให้เห็นอยู่
หลายโรงงานที่ผลิตภัณฑ์ใช้น้ำปริมาณมากเป็นวัตถุดิบ
ก็จะใช้น้ำบาดาล
ในช่วงฤดูแล้วที่ผ่านมาหรือไม่กี่ปีก่อนหน้านี้
ในหลายจังหวัดก็มีการขุดเจาะบ่อบาดาลน้ำลึกเหล่านี้
เพื่อนำน้ำขึ้นมาใช้บรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้าน
รูปที่ ๑
ที่ตั้งของหมู่บ้านคีรีราบ
อ.กาญจนดิษฐ์
จ.สุราษฎร์ธานี
(ก็คงอยู่แถวโรงเรียนบ้านคีรีราบในรูปที่นำมาจาก
google map นี้)
ที่เกิดเหตุแก๊สไข่เน่าพุ่งขึ้นมาจากหลุมขุดเจาะน้ำบาดาลจนทำให้เด็กเสียชีวิต
๒ ราย
รูปที่ ๒
รายงานการสำรวจโครงสร้างทางธรณีวิทยาบริเวณหมู่บ้านคีรีรอบ
ซึ่งเข้าไปสำรวจหลังเกิดเหตุการณ์ไม่นาน
รายงานนี้ดาวน์โหลดจาก
http://www.dmr.go.th/bgs_ebook3/document/DMR-06_0572.PDF
รูปที่ ๓
คำนำของรายงาน
ระบุไว้ว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่
๑๘ พฤษภาคม ๒๕๔๒ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต
๒ ราย (ทั้งคู่เป็นเด็กในหมู่บ้าน)
จากแก๊สไฮโดรเจนซัลไฟล์หรือแก๊สไข่เน่าที่พุ่งขึ้นมา
แต่บางครั้งการขุดเจาะบ่อบาดาลน้ำลึกก็ก่อให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้
ดังเช่นกรณีที่เกิดที่บ้านคีรีรอบ
อ.กาญจนดิษฐ์
จ.สุราษฎร์ธานี
เมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม พ.ศ.
๒๕๔๒ (รูปที่
๒ และ ๓)
คือแทนที่จะขุดเจาะลงไปเจอบ่อน้ำ
กลับไปเจอเอาบ่อแก๊สธรรมชาติแทน
และที่สำคัญก็คือแก๊สที่พุ่งขึ้นมานั้นมีไฮโดรเจนซัลไฟล์
(H2S
หรือแก๊สไข่เน่า)
ในปริมาณมาก
และด้วยแก๊สที่เป็นแก๊สที่หนักกว่าอากาศ
เมื่อรั่วไหลออกมาจึงตกลงสู่พื้นดิน
เข้าไปปกคลุมหมู่บ้านที่อยู่บริเวณนั้น
ส่งผลให้เด็กเสียชีวิต ๒
ราย และเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอีก
๒๕ ราย ชาวบ้านต้องอพยพออกจากหมู่บ้านเป็นการชั่วคราว
แม้ว่าในวันรุ่งขึ้นจะได้ทำการอุดบ่อนั้นด้วยการใช้คอนกรีตกว่า
๒ ตันเทอัดลงไป ต้องรออีกร่วม
๑๐ วันหลังจากได้ทำพิธีสวดภาณยักษ์
จึงได้กลับเข้าไป (รูปที่
๔)
รูปที่ ๔
บทคัดย่อรายงานการสำรวจสภาวะสุขภาพจิตของชาวบ้านที่ประสบเหตุ
โดยเจ้าหน้าที่ของทีมงานกรมสุขภาพจิต
เสียดายที่ไม่มีรายงานฉบับเต็มให้อ่านได้ทางอินเทอร์เน็ต
มีแต่เฉพาะบทคัดย่อให้ดู
ช่วงปี
๒๕๕๘ ก็มีเหตุการณ์คล้ายกันเกิดขึ้นอีก
(รูปที่
๕)
คราวนี้ที่จังหวัดตาก
อาจโชคดีตรงที่ไม่ได้มีแก๊สรั่วออกมาในปริมาณมาก
และคงมีแก๊สไข่เน่าไม่มาก
(แก๊สไฮโดรคาร์บอนมันไม่มีสีไม่มีกลิ่น
ที่แก๊สหุงต้มมันมีกลิ่นก็เพราะเขาเติมสารให้กลิ่นลงไป)
ก็เลยไม่เกิดเหตุการณ์เศร้าสลดเหมือนกับที่เกิดที่บ้านคีรีรอบ
รูปที่ ๕
ข่าวนี้เกิดขึ้นเมื่อไม่นานนี้
โชคดีที่คงมีแก๊สรั่วออกมาไม่มากและมีแก๊สไข่เน่าไม่มาก
ก็เลยไม่เกิดเรื่องเหมือนที่หมู่บ้านคีรีรอบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น