วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2561

และแล้วก็ได้เวลาบอกลา ตลาดสะพานเหลืองและโรงเรียนปทุมวัน (ก่อนจะเลือนหายไปจากความทรงจำ ตอนที่ ๑๓๙) MO Memoir : Monday 13 August 2561

ในแผนที่แนบท้ายพระราชบัญญัติ โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินอันเป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ตำบลปทุมวัน อำเภอปทุมวัน จังหวัดพระนคร ให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พุทธศักราช ๒๔๘๒ ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๕๖ หน้า ๑๓๖๔ วันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๔๘๒ มีการโอนที่ดินให้กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ๓ แปลงด้วยกัน โดยทุกแปลงนั้นด้านทิศเหนือจรดถนนพระรามที่ ๑ ด้านทิศใต้จรดถนนพระรามที่ ๔ 
  
ที่ดินแปลงที่ ๑ ด้านทิศตะวันออกจรดคลองอรชร ทิศตะวันตกจรดถนนพญาไท ซึ่งตอนนี้คลองอรชรได้กลายเป็นส่วนหนึ่งถนนอังรีดูนังต์ไปแล้ว (ถนนอังรีดูนังต์หรือถนนสนามม้าเดิมจะเฉพาะฝั่งทางด้านสนามม้า แต่พอมีการถมคลองอรชรให้กลายเป็นถนน ถนนก็เลยกว้างขึ้น) ที่ดินแปลงที่ ๒ ทิศตะวันออกจรดถนนพญาไท ทิศตะวันตกจรดถนน "พระรามที่ ๖" และที่ดินแปลงที่ ๓ ทิศตะวันออกจรดถนน "พระรามที่ ๖" ทิศตะวันตกจรด "คลองสวนหลวง"
 
"ถนนพระรามที่ ๖" ที่กล่าวถึงในพระราชบัญญัตินั้นคือถนนบรรทัดทองในปัจจุบัน ส่วน "คลองสวนหลวง" นั้นไม่เหลือสภาพเป็นคลองแล้ว กลายเป็นคูระบายน้ำแบบเปิดคูใหญ่คูหนึ่งที่อยู่ทางด้านหลังตึกแถวทางซึกตะวันตกของถนนบรรทัดทอง โดยร่องรอยของสะพานข้ามคลองนี้ยังเหลืออยู่บ้างตรงจุดที่ถนนเจริญเมืองเข้าบรรจบถนนบรรทัดทอง

รูปที่ ๑ แผนที่แนบท้ายพระราชบัญญัติ โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินอันเป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พุทธศักราช ๒๔๘๒ ตัดมาเฉพาะมุมล่างด้านขวาที่แสดงตำแหน่งสะพานเหลืองที่ข้ามคลองสวนหลวงตรงตำแหน่งที่ออกมาบรรจบกับคลองเตย และยังปรากฏแนวทางรถไฟสายปากน้ำอยู่ระหว่างถนนพระราม ๔ กับคลองเตย
 
จากแผนที่ในรูปที่ ๑ จะเห็นว่าคลองสวนหลวงบรรจบกับคลองเตยทางด้านถนนพระรามที่ ๔ โดยสะพานข้ามคลองสวนหลวงของถนนพระรามที่ ๔ ตรงนี้คือ "สะพานเหลือง" (เข้าใจว่าเดิมตัวสะพานคงมีสีเหลือง" ทางแยกดังกล่าวจึงมีชื่อเรียกว่าแยกสะพานเหลืองมาจนถึงปัจจุบันแม้ว่าจะไม่มีตัวสะพานเหลือให้เห็นแล้วก็ตาม
 
บริเวณแยกสะพานเหลืองตรงบริเวณใกล้กับหัวมุมที่ดินของจุฬา ฯ จะมีตลาดสดอยู่ตลาดหนึ่งชื่อตลาดสะพานเหลือง ที่อยู่ติดกับตลาดนี้ก็คือโรงเรียนปทุมวันที่เป็นโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร และที่อยู่ติดกับโรงเรียนก็คือสถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน แต่เดิมนั้นฝั่งตรงข้ามกับสถานีตำรวจก็คือสำนักงานเขตปทุมวันที่ตอนนี้อาคารตรงนั้นถูกทุบทิ้งไปและกลายเป็นลาดจอดรถ ผมยังเคยได้ไปติดต่อที่สำนักงานเขตนี้ครั้งหนึ่งตอนปลายปี ๒๕๕๔ ตอนไปขอสำเนาเอกสารเพื่อนำไปขอรับเงินช่วยเหลือจากเหตุน้ำท่วมใหญ่ ส่วนตลาดสะพานเหลืองนี้เพิ่งจะแวะไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพราะเวลามาทำงานมักจะนำรถไปจอดที่อาคารจอดรถที่อยู่ใกล้บริเวณนั้น และของกินบางอย่างที่ตลาดนั้นก็ถูกว่าที่ตลาดสามย่านที่ถูกย้ายมาอยู่ใกล้ ๆ และของกินสิ่งหนึ่งที่ต้องไปหาซื้อที่ตลาดนั้นเพราะบริเวณรอบ ๆ จุฬาไม่มีขายก็คือปาท่องโก๋ที่จะมีการทอดขายเฉพาะตอนเช้าคู่กับน้ำเต้าหู้ และเจ้านี้ก็ทำปาท่องโก๋ได้อร่อยและขายถูกเสียด้วย
 
กลางสัปดาห์ที่แล้วแวะไปที่ตลาดแห่งนั้นอีกครั้งหนึ่งหลังจากไม่ได้แวะไปหลายเดือน ก็พบว่าตลาดปิดทำการอย่างถาวรไปแล้ว ดังนั้นวันนี้ก็เลยขอบันทึกเรื่องราวตรงนี้ไว้สักหน่อยว่าที่ตรงนี้เคยมีอะไรอยู่บ้าง ก่อนที่มันจะหายสาบสูญไป

รูปที่ ๒ ข่าวผู้ว่ากทม. ลงนามยุบโรงเรียนปทุมวัน (จาก manager online) 

รูปที่ ๓ ตลาดสวนหลวงที่แวะเข้าไปเมื่อเย็นวันพุธที่ ๘ สิงหาคม ที่ผ่านมาหลังจากที่ไม่ได้แวะเข้าไปหลายเดือน มีป้ายแขวนเอาไว้ว่าเปิดเป็นการถาวรตั้งแต่ ๑ เมษายน ๒๕๖๑ ส่วนตึกแถวเก่าด้านซ้ายมือมีป้ายบอกว่าจะสร้างเป็นโรงแรม

รูปที่ ๔ ตึกแถวเก่าตรงนี้เริ่มมีการรื้อทิ้งแล้ว มีป้ายบอกว่าจะมีการปรับปรุงเป็นโรงแรม หน้าตาคงออกมาเป็นแบบภาพบนผ้าใบที่เขาติดโชว์อยู่

รูปที่ ๕ โรงเรียนปทุมวันที่ปิดทำการแล้ว ตึกสีเหลืองคืออาคารเรียน

รูปที่ ๖ ประตูทางเข้าโรงเรียนปทุมวัน ปีการศึกษาที่แล้วยังเห็นพลุกพล่านไปด้วยนักเรียนในช่วงเช้าและบ่าย

รูปที่ ๗ ซอยจุฬาลงกรณ์ ๕ มองออกไปทางด้านถนนพระราม ๔ อาคารข้างขวาคือแฟลตตำรวจ

รูปที่ ๘ สถานตำรวจนครบาลปทุมวัน อาคารแบบเดิมที่อยู่คู่มากับย่านการค้าที่เป็นตึกแถวเก่า และยังคงเป็นเพียงแค่ไม่กี่อาคาร (สถานีดับเพลิงและศาลเจ้าแม่ทับทิม) ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในบริเวณนี้

บันทึกเพิ่มเติม

สมัยเรียนหนังสือ (ก็เมื่อกว่าสามสิบปีที่แล้ว) พื้นที่บริเวณนี้เคยแวะไปเพียงแค่ครั้งเดียวก็ตอนบัตรนิสิตหาย ต้องไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ เพื่อเอาใบแจ้งความมาขอทำบัตรนิสิตใหม่

ตอนนั้นคณะบัญชีน่าจะอุดมสมบูรณ์ที่สุด เพราะแค่เดินออกประตูบัญชีก็เป็นตลาดสามย่าน จำได้แต่ร้านหมงร้านใบ้ เมนูขึ้นชื่อก็ข้าวไข่ระเบิด  เวลารุ่นพี่เลี้ยงรุ่นน้องก็ไปหาร้านกินกันแถวนี้  การขายเหล้าก็ไม่จำกัดเวลา  หลายกลุ่มไปนั่งกินเหล้ากันตอนเย็นกันเป็นเรื่องปรกติ

กลับมาทำงานบริเวณนี้ถูกทุบทิ้งแล้ว กำลังสร้างคอนโด ที่ท้ายสุดแล้วต้องปล่อยทิ้งร้างราว ๆ สิบปี ผลพวงจากฟองสบู่แตกปี ๒๕๔๐  ส่วนตลาดสามย่านถูกย้ายไปฝั่งตรงข้าม (ที่กำลังก่อสร้างอาคารมิตรผลอยู่ในปัจจุบัน)  ช่วงนั้นแวะไปแถวนั้นบ่อย เพราะต้องไปซื้ัอฟิล์มถ่ายรูปและเอาฟิล์มไปล้าง ใช้ FUJI เป็นหลัก (ชอบโทนสีของมันมากกว่า KODAK และ KONIKA หรือ AGFA) ได้ของแถมมาเพียบ ทั้งถุงผ้าและแก้วน้ำเป็นสิบใบ (เรียกว่าครบทุกลาย)  ป้ายรถเมล์ตรงน้ันคนจะพลุกพล่าน มีทั้งร้านเซเว่น จีฉ่อย สเต็ก ร้านขายยา ขายและซ่อมนาฬิกา ฯลฯ หลังตึกแถวก็เป็นตลาดสามย่าน แวะเข้าไปกินบะหมี่แห้งที่ร้านหนึ่งในนั้นก็บ่อยครั้ง  จนในที่สุดพื้นที่นี้ก็ถูกเรียกคืน ตึกถูกทุบทิ้งและปล่อยร้างไว้ช่วงหนึ่ง  แต่ช่วงหนึ่งก็มีคนมาเปิดเป็นสวนสนุกด้วย  ตึกแถวที่อยู่ลึกเข้ามาข้างในไม่ถูกทุบ แต่ได้รับการปรับปรุงให้กลายเป็นหอพักแทน

ตลาดสามย่านถูกย้ายลึกเข้าไปข้างใน  พื้นที่ว่างฝั่งตรงข้ามโรงเรียนสาธิตมัธยมที่แสนจะรกและถุกใช้เป็นลานจอดรถ  และพื้นที่ที่เป็นสนามเทนนิสที่อยู่บริเวณนั้น ถูกนำมาสร้างเป็นอาคารจามจุรี ๙  ส่วนปั๊มน้ำมันก็กลายเป็นที่จอดรถป๊อปไป  รั้วรอบสนามจุ๊บด้านทิศตะวันออกถูกรื้อออกเพื่อเปิดห้องใต้อัฒจันทร์ให้เป็นห้องสำหรับชมรมต่าง ๆ  สนามยิงปืนเดิมที่อยู่กลางแจ้งมีช่องยิง ๑๐ เมตรที่หันไปทางด้านทิศเหนือและทิศใต้ขนานกับสนามจุ๊บ ก็ถูกย้่ายเข้าไปเป็นสนามติดแอร์ที่เล็กลงเหลือพื้นที่เพียงครึ่งเดียวที่อยู่ใต้อัฒจันทร์  รอบตลาดสามย่านยังมีร้านค้าตึกแถวอยู่  ผมเองก็เคยเอารถไฟซ่อมแอร์ที่ร้านแถวนั้นอยู่หลายครั้ง  ถนนเส้นที่ตรงออกไปทางสนามกีฬาแห่งชาติและพระราม ๑ ก็ยังมีร้านขายของกิน ที่ตอนเย็น ๆ จะมีนิสิตมากินกันเต็มไปหมด  ในขณะที่หลากหลายซอยนั้นจะเต็มไปด้วยร้านขายอะไหล่รถยนต์เก่า  เครื่องยนต์เก่า ๆ กองเต็มถนนไปหมด คราบน้ำมันเครื่องก็เลอะทั่วไป  ซอยจุฬา ๒๒ ที่อยู่ตรงประตูธรรมสถานก็ยังเปิดให้รถวิ่งสวนทางกันได้  เป็นทางตรงที่เชื่อมถนนเจริญเมืองจากแยกบรรทัดทอง (ที่เดิมเป็นสี่แยก แต่ตอนนี้กลายเป็นสามแยก) กับมหาวิทยาลัยโดยตรง

พื้นที่ตั้งโรงเรียนสวนหลวงและสถานบริการสาธารณสุขของกรุงเทพมหานครตรงจุฬาซอย ๙ ก็ถูกเรียกคือ เพื่อนำพื่นที่มาสร้างเป็นอาคารสูงให้เช่าระยะยาวและหอพักอินเตอร์

ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา  และขณะนี้อีกบริเวณหนึ่งก็กำลังจะเปลี่ยนแปลงไป  เลยต้องขอบันทึกเอาไว้หน่อยกันลืม

ไม่มีความคิดเห็น: