เป็นเรื่องปรกติในการทดลองที่ผลการทดลองหรือผลการวิเคราะห์จะได้มาในรูปของจุดข้อมูล
(x,y)
แต่เราต้องการแสดงผลในรูปของกราฟเส้นที่เป็นเส้นโค้งที่เรียบ
(smooth
line) ที่ออกมาดูดี
และวิธีการที่เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ทำกันก็คือใช้โปรแกรม
spreadsheet
(โดยเฉพาะ
Excel)
ลากเส้นดังกล่าวให้
โดยใช้ค่า "default"
ของโปรแกรม
และบ่อยครั้งที่พบว่าเส้นกราฟที่ลากด้วยค่า
default
นั้น
มันให้ภาพที่ผิดความจริงไป
(เช่นให้เส้นกราฟที่มีการบิดโค้งกลับไปกลับมา
ทั้ง ๆ ที่ค่า y
ควรมีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางใดทิศทางหนึ่งเพียงทิศทางเดียวเมื่อเทียบกับค่า
x)
รูปที่
๑ ความสัมพันธ์ระหว่างค่าความดันสัมพัทธ์ของระบบ
(P/P0)
และปริมาตรแก๊สไนโตรเจนที่ตัวอย่างดูดซับเอาไว้ได้
ลาก smooth
line โดยใช้ค่าฟังก์ชัน
default
ของโปรแกรม
OpenOffice
4.1.2 คือ
cubic
spline ความละเอียด
20
จะเห็นการบิดเบี้ยวที่ไม่ถูกต้องของเส้น
desorption
(สีส้ม)
ตรงกรอบที่ล้อมเอาไว้
ตัวอย่างเช่นในการวัดพื้นที่ผิวด้วยการใช้เทคนิคการดูดซับแก๊สไนโตรเจน
ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณแก๊สไนโตรเจนที่ตัวอย่างดูดซับไว้ได้และความดันของระบบ
จะมีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางเดียวกัน
กล่าวคือที่ความดันระบบสูงขึ้น
ปริมาตรแก๊สไนโตรเจนที่ตัวอย่างดูดซับเอาไว้ได้ก็จะเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
(รูปที่
๑)
เมื่อทดลองนำจุดข้อมูลที่ได้จากการวัดมาทำการเขียนกราฟด้วยการใช้โปรแกรม
spreadsheet
ของ
OpenOffice
4.1.2 โดยสั่งให้ลาก
smooth
line และใช้ค่า
default
ของโปรแกรม
(รูปที่
๒)
พบว่าเส้นที่ลากเชื่อมต่อจุดข้อมูลของ
desorption
line มีการบิดเบี้ยวที่ไม่ถูกต้อง
(กรอบสี่เหลี่ยมบน)
และมีความโค้งที่ไม่เหมาะสม
(กรอบสี่เหลี่ยมล่าง)
ดังแสดงในรูปที่
๑
รูปที่
๒ คำสั่งวาดกราฟชนิด
xy(กระจัดกระจาย)
(หรือ
xy(scatter))
ของโปรแกรม
OpenOffiece
4.1.2 ถ้ากำหนดให้ลากเส้นแบบเส้นเรียบ
(1)
ค่า
default
ของโปรแกรมจะใช้ฟังก์ชัน
cubic
spline (2) ความละเอียด
20
(3)
เมื่อทดลองทำกราฟใหม่โดยเปลี่ยนจาก
cubic
spline เป็น
B-spline
โดยใช้ระดับขั้นของพหุนามเป็น
3
(ค่า
default
ของเครื่อง)
พบว่าพฤติกรรมการบิดเบี้ยวของเส้นสีส้มนั้นหายไป
แต่ถ้าสังเกตระยะห่างในแนวนอนระหว่างกราฟเส้นสีส้มและเส้นสีน้ำเงินช่วงที่เส้นกราฟไต่ชึ้นอย่างรวดเร็ว
(กรอบสี่เหลี่ยมในรูปที่
๓)
จะเห็นว่ากราฟที่ได้ยังมีรูปร่างที่ไม่เหมาะสมเท่าใด
คือตรงกลางจะคอด
ในขณะที่ส่วนบนและส่วนล่างโป่งออก
แต่เมื่อเปลี่ยนระดับขั้นของพนุนามเป็น
2
พบว่าภาพโดยรวมของเส้นกราฟดูดีขึ้นมาก
แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าเวลาจะวาดกราฟเมื่อใดต้องใช้
B-spline
และระดับขั้นของพหุนามเป็น
2
เสมอไปนะ
สิ่งที่ต้องทำก็คือพิจารณารูปร่างที่ควรจะเป็นของกราฟโดยอิงจากทฤษฎีความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร
x
และ
y
ก่อน
จากนั้นจึงทดลองเลือกฟังก์ชันมาทำการลากเส้นเชื่อมต่อจุด
แล้วดูว่าเส้นกราฟที่ได้นั้นให้แนวโน้มแบบเดียวกับทฤษฎีหรือไม่
(ทฤษฎีในที่นี้คือทฤษฎีที่เป็นที่ยึดถือกันอยู่ทั่วไปนะ
ไม่เช่นทฤษฎีที่ตั้งขึ้นมาเอง
แล้วพยายามลากกราฟให้เส้นเชื่อมต่อจุดข้อมูลนั้นมีการบิดไปบิดมา
หรือออกมาเป็นเส้นตรง
ตามแบบที่ตัวเองต้องการ)
อันที่จริงปัญหาแบบนี้คงไม่เกิดถ้าใช้จุดข้อมูลที่ถี่มากพอ
แต่ในทางปฏิบัตินั้นบ่อยครั้งที่เราไม่สามารถทำการวัดอย่างละเอียดได้
(จะเนื่องด้วยข้อจำกัดด้านเวลาหรือความสามารถของอุปกรณ์ก็ตามแต่)
ทำให้เราได้ข้อมูลออกมาเป็นจุดที่อยู่ห่างกัน
โดยในบางช่วงข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างช้า
ๆ แต่บางช่วงก็เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
รูปที่
๓ ความสัมพันธ์ระหว่างค่าความดันสัมพัทธ์ของระบบ
(P/P0)
และปริมาตรแก๊สไนโตรเจนที่ตัวอย่างดูดซับเอาไว้ได้
ลาก smooth
line โดยใช้ค่าฟังก์ชัน
B-spline
ระดับขั้นของพหุนาม
3
(ค่า
default
ของ
B-spline
ในโปรแกรม)
พบว่ากราฟที่ได้นั้นดูดีกว่าในรูปที่
๑ แต่ช่วงที่กราฟไต่ขึ้น
(ในกรอบสี่เหลี่ยม)
นั้นออกมาไม่ดีเท่าใดนัก
เห็นได้จากระยะห่างในแนวนอนระหว่างเส้นสีส้มกับเส้นสีน้ำเงิน
spline
interpolation เป็นเทคนิคที่พัฒนามาจากการลากเส้นโค้งเชื่อมจุดด้วยมือ
โดยแต่เดิมเวลาที่มีข้อมูลเป็นจุด
(x,y)
แล้วต้องการลากเส้นโค้งเชื่อม
ก็จะใช้ไม้บรรทัดที่ภาษาไทยเรียกว่า
"กระดูกงู"
(หรือ
eleasti
ruler) มาบิดโค้งไปตามจุดข้อมูลให้ความโค้งนั้นออกมาดูดีตามสายตาผู้วาด
แล้วก็ลากเส้นไปตามกระดูกงูนั้น
(สมัยผมเรียนเขียนแบบก็ยังได้ใช้กันอยู่
แต่ไม่รู้ว่าวิศวกรยุคใหม่นี้จะรู้จักหรือเปล่า)
ที่นี้พอจะเอาสมการคณิตศาสตร์เข้ามาจับ
ก็เลยมีการคิดค้นวิธีการสร้างฟังก์ชันรูปแบบต่าง
ๆ เพื่อให้เส้นโค้งที่ออกมานั้นดูดี
spline
interpolation ไม่เหมือน
polynomial
interpolation ตรงนี้ในกรณีของ
polynomial
interpolation นั้น
ระดับขั้น (degree
หรือยกกำลังสูงสุด)
ของ
polynomial
จะเท่ากับ
n
- 1 เมื่อ
n
คือจำนวนจุดที่นำมาทำ
curve
fitting ส่วน
spline
interpolation นั้นเราอาจใช้ข้อมูลเพียงแค่
2
จุด
แต่นำมาสร้างสมการกำลัง 3
ได้
(เช่นด้วยการบังคับให้ฟังก์ชันที่เชื่อมต่อระหว่าง
2
จุดนั้นมีความต่อเนื่องทั้งค่า
y
ค่าอนุพันธ์อันดับ
1
และ
2
กับฟังก์ชันที่เชื่อมต่อระหว่างจุดข้างซ้ายและข้างขวา)
รูปที่
๔ ความสัมพันธ์ระหว่างค่าความดันสัมพัทธ์ของระบบ
(P/P0)
และปริมาตรแก๊สไนโตรเจนที่ตัวอย่างดูดซับเอาไว้ได้
ลาก smooth
line โดยใช้ค่าฟังก์ชัน
B-spline
แต่ปรับระดับขั้นของพหุนามเป็น
2
จะเห็นว่าได้เส้นโค้งที่ราบเรียบและดูดีขึ้น
โปรแกรมคอมพิวเตอร์เป็นเพียงเครื่องมือช่วยในการประมวลผลข้อมูลหรือจัดทำรายงาน
ไม่ใช่สำหรับใช้เป็นข้ออ้างในการแก้ตัวเวลาที่มีการทักท้วงว่าทำไมผลการวิเคราะห์ที่ได้
(เช่นเส้นกราฟความสัมพันธ์)
มันดูไม่สมเหตุสมผล
และอันที่จริงนั้นผู้ออกแบบโปรแกรมก็มักจะเปิดช่องให้ทำการปรับเปลี่ยนพารามิเตอร์ต่าง
ๆ ให้เป็นไปตามความต้องการของผู้ใช้ได้ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว
ส่วนจะปรับเปลี่ยนได้แค่ไหนนั้นตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละโปรแกรม
ส่วนการเลือกที่จะปรับเปลี่ยนพารามิเตอร์หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้โปรแกรมนั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น