Facebook
ขึ้นเตือนให้รำลึกความหลังของวันวานเมื่อ
๖ ปีที่แล้ว
ตอนที่ต้องย้ายหนีน้ำท่วมบ้านในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนตุลาคม
ตอนนั้นต้องรีบออกมาก่อนที่จะเอารถออกมาไม่ได้
กว่าจะกลับเข้าไปดูบ้านได้อีกครั้งก็อีกร่วม
๒ สัปดาห์ถัดมา
คือหลังจากที่น้ำท่วมสูงสุดและลดลงไปบ้างแล้ว
เขตบางพลัดด้านเหนือถูกกั้นไว้ด้วยแนวทางรถไฟสายใต้จากสะพานพระราม
๖ ที่ตีวงล้อมด้านตะวันตก
โดยมีแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ทางด้านฝั่งตะวันออก
ทางด้านทิศใต้ก็ถูกล้อมเอาไว้ด้วยแนวคลองบางบำหรุและคลองบางกอกน้อย
ตอนน้ำท่วมปี ๒๕๓๘
นั้นทางด้านตะวันตกได้แนวทางรถไฟสายใต้เป็นคันกั้นน้ำ
ส่วนทางด้านตะวันออกก็ได้เกาะกลางถนนจรัญสนิทวงศ์เป็นแนวคันกั้นน้ำ
คือฝั่งด้านตะวันตกของถนนนั้นน้ำไม่ท่วม
แต่ฝั่งด้านตะวันออกไปจนถึงแม่น้ำเจ้าพระยานั้นโดยน้ำท่วม
แต่ถึงกระนั้นก็ตามผู้ที่อยู่ในซอยที่เป็นพื้นที่ต่ำกว่าถนน
ก็ต้องคอยสูบน้ำออกจากบ้านช่วงเวลาน้ำขึ้น
เวลาจะขับรถกลับบ้านก็ต้องดูจังหวะเวลาน้ำขึ้น-ลงด้วย
เพราะช่วงเวลาน้ำขึ้นน้ำจะท่วมถนนทั้งสองฝั่งของสะพานกรุงธน
น้ำท่วมปี
๒๕๕๔ นั้นแตกต่างไป
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคันกั้นน้ำที่ท้ายซอยแห่งหนึ่งริมแม่น้ำพัง
ทำให้น้ำไหลเข้ามาทางคลองบางพลัดและคลองมะนาว
แต่ถึงคันกั้นน้ำนี้ไม่พังก็คงจะโดนท่วมอยู่ดี
เพราะน้ำที่มาจากทางฝั่งบางกรวยนั้นสูงมากจนล้นข้ามทางรถไฟสายใต้มาได้
รูปที่
๑
ฝูงเป็นสนุกกับการว่ายน้ำเล่นริมทางรถไฟสายใต้ช่วงก่อนถึงสถานีรถไฟบางบำหรุ
เรื่องเหตุการณ์วันนั้นเคยเล่าไว้แล้วในเรื่อง
"เมื่อน้ำบุกมาหลังบ้าน"
(Memoir ปีที่
๔ ฉบับที่ ๓๖๕ วันเสาร์ที่
๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๔)
มาวันนี้ก็เป็นเพียงแค่เอารูปที่ถ่ายไว้ตอนลุยน้ำเข้าไปเยี่ยมบ้านเมื่อ
๖ ปีที่แล้วมาบันทึกไว้หน่อย
รูปที่
๒ ปากซอยจรัญสนิทวงศ์ ๗๕
(ซอยภาณุรังษี)
แยก
๓๘ (สกุลชัยซอย
๙)
หลังจากที่ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว
(ระดับน้ำสูงสุดบนผิวถนนอยู่ที่
๑ เมตร ตอนนี้ลดลงไปเหลือ
๖๐ เซนติเมตร)
รูปที่
๓ รูปเหล่านี้ถ่ายไว้เมื่อวันเสาร์ที่
๕ พฤศจิกายน โดยเดินมาตามทางรถไฟจนถึงจุดกลับรถ
(ต่อจากนี้ไปก็น้ำท่วมทางรถไฟแล้ว)
จากนั้นก็เดินลุยน้ำต่อมาเรื่อย
ๆ มาถึงปากซอยในรูปที่ ๒
ก็ลุกน้ำมาเกือบกิโลแล้ว
จากนั้นก็เดินเลี้ยวเข้ามาในซอย
ก็เห็นมีสภาพอย่างนี้
รูปที่
๔ ผ่านหน้าบริเวณสถานีตำรวจ
ลานหน้าสถานีตำรวจเดิมสูงกว่าถนน
แต่พอทำถนนใหม่
ลานหน้าสถานีก็เลยต่ำกว่าถนน
ระดับน้ำบริเวณหน้าสถานีขณะนั้นน่าจะยังคงอยู่ที่ราว
ๆ หนึ่งเมตร
รูปที่
๖ รถตำรวจที่ย้ายมาจอดบนถนนหน้าสถานี
ก็ไม่วายโดนท่วมหนักเช่นกัน
รูปที่
๗ กำลังจะเลี้ยวเข้าซอยหลังสถานี
คันนี้เป็นรถของกลางในคดีอะไรก็ไม่รู้
มาจอดทิ้งไว้อยู่หลายปี
ตอนนี้หายไปแล้ว
ส่วนรถเบนซ์อีกคันที่จอดทิ้งเอาไว้ตั้งแต่ก่อนน้ำท่วม
ก็ยังคงจอดกีดขวางทางสัญจรอยู่เหมือนเดิม
ไม่มีใครเอาไปไหนเสียที
รูปที่
๘ ข้างขวาคืออาคารแฟลตที่พัก
ห้องที่อยู่ชั้นล่างสุดของแฟลตโดนน้ำท่วมอยู่ไม่ได้
แต่ชั้นบนยังอยู่ได้
ปัญหาก็คือไม่มีการขนขยะออกจากแฟลต
มันก็เลยมีการโยนทิ้งลงมาข้างล่างให้มันลอยน้ำเล่น
(เดือดร้อนคนอื่นแทน)
รูปที่
๙ ถ่ายจากบนบ้านชั้นสอง
สารพัดขยะลอยมากองหน้าประตูบ้านที่อยู่สุดซอย
รูปที่
๑๐ บ้านเก่าที่อยู่ข้างกันที่เป็นบ้านชั้นเดียว
ระดับน้ำสูงถึงขอบล่างของวงกบหน้าต่าง
บริเวณรอบบ้านนี้ตอนน้ำท่วมสูงสุดจะสูงประมาณเมตรครึ่ง
(เพราะบ้านอยู่ต่ำกว่าถนน)
เรื่องราววันนี้ไม่มีสาระอะไร
แค่เอาภาพความทรงจำมาบันทึกไว้พร้อมคำบรรยายเป็นลายลักษณ์อักษร
เพื่อกันลืมเท่านั้นเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น