ช่วงสายวันเสาร์ที่ผ่านมาเห็นเขานั่งสับปะหงกอยู่ที่เก้าอี้หน้าระบบ
DeNOx
ตอนนั้นอุณหภูมิ
reactor
อยู่ที่
300ºC
เห็นกราฟโครมาโทแกรมหน้าจอคอมพิวเตอร์กำลังแสดงผลการวิเคราะห์
ผมก็เลยไปเอาน้ำใส่กาต้มน้ำเพื่อจะต้มน้ำร้อนชงกาแฟกิน
ระหว่างรอน้ำร้อนเดือดก็เดินเล่นไปรอบ
ๆ แลป สักพักก็เห็นเขาออกอาการ
สาเหตุก็คือโครมาโทแกรมไม่ปรากฎพีคออกซิเจน
มีแต่พีค NO
(อันที่จริงมีพีคออกซิเจนเล็กมากดังที่เอามาให้ดูในรูปที่
๑ จากเครื่อง GC-2014
ECD & PDD โดยใช้
ECD
วัด)
ทั้ง
ๆ ที่ก่อนหน้านี้ที่เขาเริ่มทดสอบโดยเพิ่มอุณหภูมิให้สูงขึ้นเรื่อย
ๆ จนถึง 250ºC
ทุกอย่างก็ยังปรกติอยู่
เหตุการณ์นี้ซ้ำรอยกับที่เขาประสบมาเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้
คราวนั้นเขาถึงกับต้องยุติการทดลอง
พอมาทดลองใหม่ในสัปดาห์นี้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา
เขาก็ลงทุนอดนอน
(ดูเหมือนจะได้นอนบ้างช่วงรอเก็บตัวอย่าง)
เพื่อที่จะดูว่ามันจะเกิดเหมือนเดิมอีกหรือไม่
(คือพีคออกซิเจนหายไปที่อุณหภูมิ
300ºC)
และมันก็เกิดจริง
ๆ สนองการรอคอยของเขา
รูปที่
๑ โครมาโทแกรมเส้นบน (สีม่วง)
คือเส้นปรกติ
จะเห็นพีคออกซิเจนเป็นพีคที่ใหญ่และสูงมาก
(15
vol%) ที่เริ่มออกมาเมื่อเวลาประมาณ
8
นาที
โดยมีพีค NO
ออกตามหลังมา
(ประมาณ
120
ppm) ส่วนเส้นล่าง
(สีดำ)
เป็นเส้นที่มีปัญหา
จะเห็นพีคออกซิเจนเหลือเพียงนิดเดียว
แม้ว่าจะใช้ระบบเดียวกัน
แต่วิธีการทดลองของเขาในวันนี้แตกต่างไปที่กลุ่มเราใช้
กล่าวคือเขาไม่ได้ผสมไอน้ำเข้าไปในแก๊สขาเข้า
แต่เขายังคงให้แก๊สออกซิเจนไหลผ่าน
saturator
อยู่
(ตามเส้นสีแดงในรูปที่
๒)
เพียงแต่ไม่เปิด
heater
เท่านั้นเอง
เมื่อวานผมก็เลยให้เขาปรับทิศทางการไหลของแก๊สออกซิเจนด้วยการใช้วาล์ว
3
ทางที่ติดตั้งอยู่
(รูปที่
๓)
ให้แก๊สออกซิเจนไหลผ่านจุดป้อน
SO2
ก่อนไปบรรจบกับเส้นทางการไหลของแก๊สไนโตรเจน
(แนวเส้นประสีเขียวในรูปที่
๒)
แต่การทำเช่นนี้จะทำให้แก๊สจากสายไนโตรเจนไหลย้อนเข้า
saturator
ได้
ดังนั้นควรที่จะปิดวาล์วด้านขาออกจาก
saturator
ด้วย
(ไม่ได้แสดงในรูป)
รูปที่
๒ แผนผังการไหลของแก๊สของระบบ
DeNOx
ที่เราใช้ทำการทดลอง
รูปที่
๓ ในกรอบสี่เหลี่ยมสีแดง
คือวาล์วสามทางที่ใช้เปลี่ยนทิศทางการไหลของแก๊สออกซิเจน
หลังจากนั้นก็ให้เขาทดลองวัดองค์ประกอบของแก๊สที่อุณหภูมิ
300ºC
ใหม่
ก็พบว่าได้พีคออกซิเจนกลับคืนมาเหมือนเดิมดังแสดงในรูปที่
๔ ข้างล่าง
และจากการติดตามก็พบว่าออกมาเป็นปรกติจนถึงอุณหภูมิ
400ºC
รูปที่
๔ การกลับมาของพีคออกซิเจน
(เส้นสีดำ)
เทียบกับข้อมูลเดิม
(เส้นสีม่วง)
จะเห็นว่าจุดเริ่มต้นเกิดพีคและจุดสิ้นสุดของพีคออกซิเจนของทั้งสองเส้นนั้นอยู่ที่เดียวกัน
อันที่จริงถ้าย้อนหลังกลับไปดูข้อมูลของเขาก่อนหน้านี้ (รูปที่ ๕) จะเห็นปัญหาเกิดกับพีคออกซิเจนตั้งแต่อุณหภูมิ
reactor
200ºC แล้ว
คือเห็นพีคออกซิเจนแคบลงเล็กน้อย
และที่อุณหภูมิ 250ºC
ก็เห็นพีคออกซิเจนแคบลงมาก
พอเพิ่มอุณหภูมิ reactor
สูงถึง
300ºC
พีคออกซิเจนก็แทบไม่เหลือเลย
ทั้ง ๆ ที่อัตราการไหลของออกซิเจนนั้น
(30
ml/min) มากเป็นอันดับสองรองจากไนโตรเจน
รูปที่
๕ ข้อมูลก่อนหน้าของเขาที่วัดที่อุณหภูมิต่าง
ๆ กันจนถึง 300ºC
เมื่อทำการเปรียบเทียบข้อมูลจะเห็นว่าพีคออกซิเจนเริ่มมีขนาดแคบลงเล็กน้อยตั้งแต่อุณหภูมิ
200ºC
และที่สำคัญก็คือการหายไปของออกซิเจนนั้นเห็นได้ชัดเจนตั้งแต่อุณหภูมิ
250ºC
แล้ว
การแก้ปัญหานั้นถ้าเราแก้ด้วยการหาสาเหตุที่เป็นต้นตอของปัญหา
เราก็จะหาทางหลีกเลี่ยงมันได้
หรือถ้าเราพบเจอกับมันอีกในอนาคต
เราก็จะรู้ว่าควรต้องทำอย่างไรกับมัน
แต่ถ้าแก้โดยการลองถูกลองผิด
หรือทำตามที่คนอื่นบอกมาโดยที่ไม่รู้ว่าหรือสนใจว่าทำไมต้องทำอย่างนั้น
เมื่อพบกับปัญหาใด ๆ
ก็จะไม่รู้วิธีการแก้
หรือกว่าจะหาได้ก็คงต้องลองผิดลองถูกไปเยอะ
ดังนั้นในกรณีนี้เราจะมาลองพิจารณากันว่าอะไรเป็นต้นตอของเรื่อง
สิ่งที่เราต้องพิจารณาคือเกิดอะไรขึ้นเมื่อเพิ่มอุณหภูมิ
reactor
และการที่แก๊สออกซิเจนไหลผ่าน
saturator
และไม่ไหลผ่าน
saturator
นั้นมันแตกต่างกันอย่างไร
เมื่อเราเพิ่มอุณหภูมิของ
fixed-bed
ให้สูงขึ้น
สิ่งที่เราทราบกันอยู่แล้วก็คือความต้านทานการไหลจะสูงขึ้น
เพราะเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นแก๊สจะมีความหนืดมากขึ้น
และบันทึกของกลุ่มเราหลายเรื่อง
(เกี่ยวกับ
GC-2014
ECD & PDD และระบบ
DeNOx)
ก็ได้บันทึกเหตุการณ์ต่าง
ๆ และการแก้ปัญหาเอาไว้
แต่ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับแก๊สที่มีอัตราการไหลที่ต่ำมาก
(คือ
NO
NH3 และ
SO2)
เมื่อเทียบกับอัตราการไหลรวมของระบบ
กรณีที่เห็นว่าใกล้เคียงกับเหตุการณ์นี้มากที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องที่เคยเล่าไว้ใน
Memoir
ปีที่
๓ ฉบับที่ ๒๗๗ วันเสาร์ที่
๒๖ มีนาคม พ.ศ.
๒๕๕๔
เรื่อง "สรุปปัญหาระบบ DeNOx (ภาค ๒)"
ที่แนบมาด้วย
เมื่อให้แก๊สออกซิเจนไหลผ่าน
saturator
นั้นจะมีแรงต้านทานการไหลเพิ่มขึ้นจากเมื่อไม่ไหลผ่านคือ
"ระดับน้ำที่อยู่ใน
saturator"
(ความสูง
h
ในรูปที่
๒)
แต่ถ้าคิดว่ามันเกิดจากระดับน้ำใน
saturator
มันก็จะเกิดปัญหาตามมาคือ
"ทำไมเมื่อสาวน้อยจากเมืองวัดป่ามะม่วงและสาวน้อยโซเฟอร์สิบล้อทำการทดลอง
จึงไม่เห็นพีคออกซิเจนหายไป
ทุกอย่างออกมาเป็นปรกติ"
ตรงจุดนี้จากประสบการณ์ที่เคยเจอ
และเมื่อพิจารณาจากโครงสร้างของอุปกรณ์
พอจะคาดเดาสาเหตุที่เป็นไปได้
๒ ข้อดังนี้ (คือคิดออกแค่นี้
แต่จะมีมากกว่านี้หรือเปล่าก็ไม่รู้)
(ก)
เส้นทางแก๊สไหลผ่าน
saturator
นั้นมีการรั่วไหลอยู่เล็กน้อย
และ/หรือ
(ข)
เขาบรรจุตัวเร่งปฏิกิริยาอัดแน่นเกินไป
กรณีมีการรั่วไหลอยู่เล็กน้อยนี้กลุ่มเราเคยพบกับระบบ
gas
phase partial oxidation
ในกรณีที่แก๊สมีทางออกได้สองทางที่มีความต้านทานการไหลแตกต่างกันมาก
แก๊สจะเลือกออกทางเส้นทางที่มีความต้านทางการไหลต่ำมากก่อน
แต่ถ้าหากเส้นทางที่มีความต้านทานการไหลต่ำนี้มีความต้านทานการไหลเพิ่มสูงขึ้น
แก๊สก็จะรั่วออกทางเส้นทางที่มีความต้านทานการไหลสูงกว่าเพิ่มมากขึ้น
เราก็จะเห็นแก๊สหายไปจากระบบ
สิ่งแรกที่ผมถามเขาคือเขาได้ไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับ
saturator
หรือเปล่า
เขาบอกว่าไม่ได้ไปยุ่งอะไร
คนก่อนหน้าที่ทำการทดลองที่มีการเพิ่มน้ำในระบบปล่อยให้
line
เส้นนี้อยู่อย่างไรก็ยังคงอยู่อย่างนั้น
เขาทำเพียงแค่ไม่เปิด heater
เท่านั้นเองเพื่อไม่ให้มีน้ำระเหยเข้าระบบ
ดังนั้นต้นตอของสาเหตุที่น่าจะเป็นไปได้คือเกิดจากการอัดเบดตัวเร่งปฏิกิริยาแน่นเกินไป
ซึ่งเรื่องนี้เราเคยประสบมาในกรณีของแก๊ส
SO2
ที่สาวน้อยหน้าบาน
(คนใหม่)
และสาวน้อยร้อยห้าสิบเซนต์
(คนใหม่)
เจอมาเมื่อปีที่แล้ว
ที่พบว่าการ
อัดเบดตัวเร่งปฏิกิริยาแน่นเกินไปนั้นส่งผลต่อการไหลของแก๊ส
(ที่มีอัตราการไหลต่ำมากเมื่อเทียบกับอัตราการไหลรวม)
ได้เมื่ออุณหภูมิของ
reactor
เพิ่มสูงขึ้น
แต่ตรงนี้ผมก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าการอัดเบดตัวเร่งปฏิกิริยาของเขานั้นเขาอัดแน่นเกินไปหรือไม่เมื่อเทียบกับที่กลุ่มเราใช้อยู่
แต่ถึงกระนั้นก็ตามก็คงต้องขอให้ผู้ที่ทำการทดลองกับระบบ
DeNOx
นี้คำนึงถึงปัญหานี้เอาไว้ด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น