ราว
ๆ ๑๕
ปีที่แล้วต้องไปรับหน้าที่เป็นกรรมการตรวจนับพัสดุของหน่วยงาน
ซึ่งเป็นเหมือนกับงานเล่นซ่อนหา
โดยเราเป็นฝ่ายหาของ
และหน่วยงานต่าง ๆ เป็นคนซ่อนของ
แต่เกมส์นี้ดีอย่างตรงที่ถ้าคนหาหาของได้ไม่ครบ
คนที่ซ่อนของเอาไว้จะเป็นผู้เดือดร้อน
ต้องชี้แจงให้ได้ว่าของนั้นหายไปได้อย่างไร
พัสดุของหน่วยงานราชการนั้นอาจแบ่งออกได้เป็นพวกที่ใช้แล้วหมดไปซึ่งจะเรียกว่าเป็น
"วัสดุสิ้นเปลือง"
(เช่น
กระดาษ หมึกพิมพ์ เครื่องเขียน
หลอดไฟ ฯลฯ)
และพวกที่อยู่ทนถาวรที่เรียกว่า
"ครุภัณฑ์"
(เช่น
โต๊ะ ตู้ เครื่องพิมพ์ดีด
คอมพิวเตอร์ ฯลฯ)
พวกที่เป็นวัสดุสิ้นเปลืองนั้นแต่ละปีก็ต้องมานับว่ามีคงเหลืออยู่เท่าใด
ส่วนพวกที่เป็นครุภัณฑ์นั้นก็ต้องไปตรวจว่ายังคงอยู่หรือไม่
ถ้ายังคงอยู่ยังอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้หรือไม่ได้
รอซ่อม หรือรอจำหน่าย
(จำหน่ายก็คือโยนทิ้งนั่นแหละ
เพียงแต่ว่าจะมีคนมาซื้อซากเอาไป)
การตรวจครุภัณฑ์นั้นจะต้องตรวจตามเลขหมายกำกับ
คือครุภัณฑ์แต่ละชิ้นจะมีการลงเลขหมายเอาไว้
เช่นโรงเรียนหนึ่งซื้อเก้าอี้มาใหม่
๑๐๐๐ ตัว เก้าอี้แต่ละตัวจะมีหมายเลขที่เรียกว่า
"เลขครุภัณฑ์"
ที่ไม่ซ้ำกันเลยอยู่บนตัวมัน
ส่วนจะใช้วิธีการเขียนด้วยสีที่ติดถาวร
พ่นสี
หรือทำรอยบนพื้นผิวนั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละหน่วยงานจะเลือกวิธีการของตัวเอง
แต่เดิมการให้เลขครุภัณฑ์นั้นก็ไม่ค่อยมีระบบเท่าใดนัก
หลัก ๆ
ก็มีเพียงระบุปีพ.ศ.ที่ได้รับมากับชื่อหน่วยงานที่เป็นเจ้าของ
ดังนั้นในหน่วยงานใหญ่หน่วยงานหนึ่ง
ระบบเลขครุภัณฑ์ในหน่วยงานย่อยในระดับเดียวกันก็อาจไม่เหมือนกัน
(เช่นในระดับคณะ
ระบบการให้เลขครุภัณฑ์ของแต่ละภาคอาจแตกต่างกันไปโดยสิ้นเชิง)
ภายหลังรู้สึกว่าจะเริ่มมีการปรับปรุง
คือมีการกำหนดเลขหมายให้กับหน่วยงานต่าง
ๆ ว่า แต่ละหน่วยงานมีเลขหมายอะไร
ดังนั้นหมายเลขพัสดุจึงประกอบด้วยรหัสที่บ่งบอกหน่วยงาน
ปีพ.ศ.
ที่ได้รับพัสดุนั้น
และประเภทของพัสดุ
หมายเลขของประเภทพัสดุแต่ละประเภทนั้นทางหน่วยงานผมเคยได้รับจากต้นสังกัดส่งมาในแผ่นดิสก์
ผมเคยเอาแผ่นดิสก์นั้นมาเปิดดูก็ไม่คิดว่าสำนักนายกฯจะมีหมายเลขพัสดุของสิ่งของเช่นนี้ด้วย
แถมเป็นหมายเลขอยู่ในกลุ่มต้น
ๆ ด้วย พัสดุนั้นคือ
"อาวุธนิวเคลียร์"
นอกจากอาวุธนิวเคลียร์แล้ว
สำนักนายกฯยังเตรียมหมายเลขพัสดุให้กับอาวุธเคมีและชีวภาพด้วย
ในส่วนอาวุธเคมีนั้นผมเคยได้ยินจากนายทหารจากหน่วยงานหนึ่งพูดในที่ประชุมที่จัดโดยกระทรวงอุตสาหกรรมเมื่อเกือบ
๒๐ ปีที่แล้วว่าประเทศไทยเราก็เคยมีอาวุธเคมี
แต่นำไปทิ้งทะเลตั้งนานแล้ว
ตั้งแต่สมัยสงครามเวียดนาม
แต่จะว่าไปถ้าไทยจะมีอาวุธเคมีก็ไม่น่าแปลก
เพราะแก๊สคลอรีนที่ใช้ฆ่าเชื้อโรคในน้ำประปาก็จัดเป็นอาวุธเคมีเหมือนกัน
แผ่นดิสก์ที่ผมเคยเอามาเปิดดูนั้นหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
แต่ที่เอามาให้ดูในที่นี้เอามาจากเว็บระบบบัญชีสามมิติของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ดังนี้
https://acc3d.ku.ac.th/web_procurement/fsn_edit/pm_fsn_t.php?g=11
https://acc3d.ku.ac.th/web_procurement/fsn_edit/pm_fsn_t.php?g=13