วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2562

Isolation ด้วยวาล์วกันการไหลย้อนกลับเพียงตัวเดียว MO Memoir : Sunday 10 March 2562

un-or-tho-dox adj. not in accordance with what is orthodox conventional, traditional

ดิกชันนารี Oxford Advanced Learner's Dictionary of Current English ฉบับจัดพิมพ์เมื่อปีค.ศ. ๑๙๘๘ ให้นิยามของคำว่า unortodox ไว้ในย่อหน้าข้างต้น ถ้าแปลเป็นไทยก็คงจะออกมาทำนอง "ไม่เป็นไปตามธรรมเนียมปฏิบัติ"
 
ในการทำ isolation ระบบเพื่อการซ่อมบำรุงนั้นมักจะย้ำกันนักหนาว่าอย่าไว้วางใจใช้เพียงแต่วาล์วตัวเดียวว่าจะปิดได้สนิท เพราะมันก็เคยมีกรณีที่ใช้วาล์ว ๓ ตัวต่ออนุกรมกัน (Memoi rฉบับวันอาทิตย์ที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๒) หรือใช้ระบบ double block and bleed (Memoir ฉบับวันพฤหัสบดีที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๒) ที่มีการรั่วไหลจากด้าน process ย้อนออกมาทางด้าน equipment ได้ ยิ่งเป็นกรณีของวาล์วกันการไหลย้อนกลับ (เรียกแบบอังกฤษก็คือ non-return valve หรือแบบอเมริกันก็คือ check valve) ที่มักจะมีชื่อเสียงในทางลบด้วยแล้วว่า "มักจะเปิดเมื่อควรจะปิด และมักจะปิดเมื่อควรจะเปิด" ก็ยิ่งอย่าไปคาดหวังอะไร
 
แต่กรณีที่นำมาเล่าในวันนี้ เป็นกรณีพิเศษที่ใช้เพียงแค่วาล์วกันการไหลย้อนกลับเพียงตัวเดียว ป้องกันไม่ให้ process fluid รั่วไหลออกมานอกระบบในขณะที่ทำการเปลี่ยนวาล์วที่อยู่ทางด้าน upstream ของวาล์วกันการไหลย้อนกลับ กรณีแบบนี้เห็นว่าถ้าไม่มีความจำเป็นอย่างยิ่งแล้ว อย่าเสี่ยงทำแบบนี้ดีกว่า และคงเหมาะสำหรับกรณีของท่อขนาดเล็กที่ถ้าต้องหยุดเดินเครื่องโรงงานทั้งโรงเพื่อเปลี่ยนวาล์วเพียงตัวเดียวก็ไม่น่าจะคุ้ม
 
การแก้ปัญหานี้ทาง Prof. Kletz เห็นว่าเป็นการใช้วิธีการ "lateral thinking" ที่ถ้าแปลตรงตัวก็คงจะได้ว่า "การคิดทางคู่ขนาน" แต่ก็มีคนแปลว่า "คิดนอกกรอบ" แต่ไม่ว่าจะแปลออกมาอย่างไรก็ตามมันก็นำไปสู่การทำงานแบบที่เรียกว่า unorthodox ก็คือ ถ้ายึดเอาวิธีการเป็นหลักในการพิจารณา มันเป็นสิ่งที่สอนกันต่อมาว่าไม่ควรทำเพราะมันก็ไม่เหมาะสมหรือไม่ถูกต้อง แต่ถ้ายึดเอาหลักการหรือวัตถุประสงค์เป็นหลักในการพิจารณา มันก็ไม่ผิดอะไร

รูปที่ ๑ ระบบที่ต้องการเปลี่ยนวาล์ว เป็นท่อขนาด 1" ที่วาล์วตัวหนึ่งติดค้างอยู่ในตำแหน่งเปิดและต้องการเปลี่ยน ด้าน process เป็นแก๊สที่ติดไฟได้ที่ความดัน 260 psig (ประมาณ 17.5 bar.g) โดยมีวาล์วกันการไหลย้อนกลับเพียงตัวเดียวขวางกั้นระหว่าง process fluid กับวาล์วที่ต้องการเปลี่ยน (วาดขึ้นใหม่โดยอิงจากรูปใน ICI Safety Newsletter ฉบับที่ ๔๙ เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. ๑๙๗๓ (พ.ศ. ๒๕๑๖) เรื่องที่ 49/2)
 
ระบบที่เป็นปัญหานั้นแสดงไว้ในรูปที่ ๑ ที่เป็นท่อขนาด 1 นิ้ว โดยวาล์วตัวหนึ่งติดค้างอยู่ในตำแหน่งเปิด (คือไม่สามารถหมุนปิดได้) ด้าน process เป็นแก๊สที่ติดไฟได้ที่ความดัน 260 psig (ประมาณ 17.5 bar.g) โดยมีวาล์วกันการไหลย้อนกลับเพียงตัวเดียวขวางกั้นระหว่าง process fluid กับวาล์วที่ต้องการเปลี่ยน พูดง่าย ๆ ก็คือถ้าจะเปลี่ยนวาล์วตัวที่มีปัญหา ก็ต้องพึ่งวาล์วกันการไหลย้อนกลับในการป้องกันไม่ให้แก๊สด้าน process fluid รั่วไหลออกมา

รูปที่ ๒ การเปลี่ยนวาล์วที่อยู่ทางด้าน upstream ของวาล์วกันการไหลย้อนกลับ โดยใช้เพียงแค่วาล์วกันการไหลย้อนกลับป้องกันไม่ให้ process fluid รั่วออกมา นำมาจากบทความที่ ๔๙/๓ ใน ICI Safety Newsletter ฉบับที่ ๔๙ เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. ๑๙๗๓ (พ.ศ. ๒๕๑๖)

ที่นี้ลองมาดูว่าเขาทำกันอย่างไร ต้นฉบับภาษาอังกฤษแสดงไว้ในรูปที่ ๒ แต่ส่วนนี้ขอแปลเป็นภาษาไทยไปทีละข้อให้กับผู้ที่ไม่ถนัดกับศัพท์ภาษาอังกฤษ

๑. ก่อนที่จะเริ่มการทำงาน มีการเขียนข้อควรระวังต่าง ๆ เป็นลายลักษณ์อักษรโดยละเอียดโดยใช้ line diagram และวิธีปฏิบัติต่าง ๆ ได้รับการกลั่นกรองและเห็นชอบจากระดับเบื้องบนเหนือขึ้นไป (ในที่นี้คือ technical safety manager และ assistant work manager ที่ไม่ว่าจะเรียกว่าอะไรก็ตาม ก็ควรต้องเป็นผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ในงาน)
 
ประเด็นนี้ในบทความให้ความสำคัญกับเรื่องการเขียนเป็น "ลายลักษณ์อักษร" เพราะจะเป็นการย้ำเตือนว่าต้องทำอะไรกันบ้าง เพราะถ้าไม่มีการบันทึกเอาไว้อย่างชัดเจน พอถึงเวลาทำงานจริงก็อาจมีการหลงลืมข้ามขั้นตอนกันได้ โดยเฉพาะกับงานที่ต้องทำแข่งกับเวลาเช่นในกรณีนี้

๒. มีการเอ็กซ์เรย์ (ในที่นี้ใช้คำว่า radiographed) วาล์วกันการไหลย้อนกลับ เพื่อตรวจว่าวาล์วกันการไหลย้อนกลับดังกล่าวอยู่ในสภาพที่ดีและสามารป้องกันการรั่วไหลได้
 
ประเด็นนี้บทความไม่ได้มีการระบุไว้ชัดเจนว่าทำการเอ็กซ์เรย์เมื่อใด แต่เดาว่าควรที่จะมีการเอ็กซ์เรย์อย่างน้อยสองครั้ง คือครั้งแรกกระทำก่อนที่จะวางแผน คือถ้าพบว่าวาล์วกันการไหลย้อนกลับมันรั่ว มันก็ทำอะไรต่อไม่ได้ และครั้งที่สองคือก่อนที่จะถอดวาล์ว เพื่อเป็นการยืนยันว่าตลอดระยะเวลาที่วางแผนการทำงานจนกระทั่งก่อนถึงเวลาลงมือนั้น วาล์วกันการไหลย้อนกลับยังคงอยู่ในสภาพที่ดีเหมือนเดิม

๓. ใช้ความระมัดระวังไม่ให้ความดันด้าน upstream มีการแกว่งไปมาในระหว่างช่วงเวลาทำการเอ็กซ์เรย์และลงมือปฏิบัติงาน
 
คำว่า "upstream" ในที่นี้เห็นว่าความหมายไม่ชัดเจนเท่าใด เพราะถ้าพิจารณาการทำงานปรกติ ด้านวาล์วที่ต้องการเปลี่ยนจะอยู่ทางด้าน upstream ของวาล์วกันการไหลย้อนกลับ แต่ถ้าเป็นการถอดเปลี่ยนวาล์ว ด้านวาล์วกันการไหลย้อนกลับจะเป็นด้าน upstream แต่ดูจากเนื้อหาแล้วเดาว่าควรจะเป็นแบบหลังคือด้านวาล์วกันการไหลย้อนกลับเป็นด้าน upstream
 
การที่ต้องระวังไม่ให้ความดันด้าน upstream มีการแกว่งไปมาเดาว่าคงเป็นเพราะเพื่อป้องกันไม่ให้ชิ้นส่วนปิดกั้นการไหลของวาล์วกันการไหลย้อนกลับมีการขยับตัว เพราะถ้ามีการขยับเมื่อใดก็จะเกิดการรั่วไหลเกิดขึ้น

๔. vent valve ถูกล็อคให้อยู่ในตำแหน่งเปิด เพื่อเป็นการยืนยันว่าไม่มีการรั่วไหลผ่านวาล์วกันการไหลย้อนกลับ ในขณะที่วาล์วตัวอื่นนั้นถูกล็อคให้อยู่ในตำแหน่งปิด
 
ตรงนี้ควรคำนึงด้วยว่าท่อ vent นี้ควรที่จะระบายแก๊สออกสู่บริเวณที่ปลอดภัยถ้าหากมีการรั่วไหล ไม่ใช่ปล่อยให้รั่ว ไหลออกมาใกล้กับบริเวณที่ทำงาน

๕. การถอดข้อต่อต้องค่อย ๆ ถอดด้วยความระมัดระวัง เผื่อว่าถ้าเกิดการรั่วไหลจะได้ขันปิดได้ดังเดิม

นอกจากนี้ยังมีประเด็นอื่นที่มีการนำมาพิจารณาอีกดังนี้

๖. จะไม่มีการใส่ slip plate เนื่องจากเห็นว่าสามารถเปลี่ยนวาล์วได้รวดเร็ว (วาล์วสำหรับท่อ 1 นิ้ว ตัวหน้าแปลนก็น่าจะมีนอตยึดเพียงแค่ 4 ตัว) แต่ถ้าเป็นท่อขนาดใหญ่ก็ควรพิจารณาการใส่ slip plate
ตรงนี้เดาว่าในกรณีของท่อขนาดใหญ่นั้นควรพิจารณาใส่ slip plate ทางด้านวาล์วกันการไหลย้อนกลับ (รูปที่ ๓) กล่าวคือทำการถอดนอตวาล์วที่ต้องการเปลี่ยนทางด้านวาล์วกันการไหลย้อนกลับก่อน แต่ไม่จำเป็นต้องถอดหมด เอาเพียงแค่สอด slip plate ได้ก็พอ จากนั้นจึงค่อยไปถอดนอตฝั่งทางด้าน vent ให้เสร็จ (ซึ่งคงเป็นงานที่ต้องใช้เวลาเพราะวาล์วตัวใหญ่ขึ้นก็มีนอตที่ต้องถอดมากขึ้น การมี slip plate จะช่วยป้องกันการรั่วไหลถ้าหากมีการรั่วไหลผ่านวาล์วกันการไหลย้อนกลับ) แล้วจึงค่อยมาถอดนอตฝั่ง slip plateออกเพื่อนำวาล์วตัวเก่าออกและรีบใส่ตัวใหม่เข้าไปแทน
 
ผมเองคิดว่าในขณะเดียวกันก็ควรต้องระวังไม่ให้มีการสั่นสะเทือนไปถึงตัววาล์วกันการไหลย้อนกลับด้วย เพราะอาจทำให้กลไกที่ปิดกั้นการไหลอยู่นั้นเกิดการขยับตัวเนื่องจากการสั่น ทำให้เกิดการรั่วไหลออกมาได้ (บทความไม่ได้มีการระบุว่าเป็นวาล์วกันการไหลย้อนกลับเป็นแบบ swing หรือ lift)

รูปที่ ๓ ตำแหน่งที่คาดว่าเป็นตำแหน่งที่จะใส่ slip plate ถ้าหากวาล์วมีขนาดใหญ่

๗. มีการทดลองปฏิบัติกับระบบเสมือนจริง แต่ใช้ fluid ที่ไม่มีอันตราย (ถ้า process fluid เป็นแก๊สก็อาจใช้อากาศหรือแก๊สไนโตรเจน แต่ถ้า process fluid เป็นของเหลวก็อาจใช้น้ำ)

๘. มีแผนรองรับในกรณีที่หากมีการรั่วไหลผ่านวาล์วกันการไหลย้อนกลับในขณะทำงาน (ซึ่งคงเป็นกรณีที่เกิดขึ้นระหว่างการถอดนอตหรือใส่นอต) ด้วยการใช้น้ำหรือน้ำมันหนัก (คือพวกที่มีจุดวาบไฟสูง) อัดสวนทางเข้าไปเพื่อลดการรั่วไหลผ่านวาล์วกันการไหลย้อนกลับ แต่ทั้งนี้ของเหลวที่อัดสวนทางเข้าไปนั้นควรที่จะมีอุณหภูมิจุดเดือดสูงกว่าอุณหภูมิของ process fluid ที่รั่วออกมา ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ของเหลวที่อัดสวนทางเข้าไปนั้นเดือดกลายเป็นไอเมื่อพบกับ process fluid ที่มีอุณหภูมิสูงกว่าจุดเดือดของมัน

เรื่องนี้ยังไม่จบสมบูรณ์ ยังมีตอนต่ออีกเล็กน้อย เพราะยังมีอีกบางประเด็นที่ควรค่าแก่การพิจารณา แต่ Prof. Kletz ไปเขียนรวมอยู่กับเรื่อง "ลอยเรือสำรวจภายในถังลูกโลก" ที่วางแผนไว้ว่าจะเขียนเป็นเรื่องต่อไป สำหรับฉบับนี้ก็คงจะขอจบลงเพียงแค่นี้

ไม่มีความคิดเห็น: