วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2559

รถโยกตรวจทางที่สถานีกาญจนบุรี ป้ายหยุดรถไฟทุ่งบัวที่กำแพงแสน MO Memoir 2559 Mar 12 Sat

รูปเหล่านี้ถ่ายเก็บเอาไว้เกือบ ๓ ปีจนแทบลืมไปแล้ว เพิ่งจะมาเจอตอนค้นรูปเก่า ๆ จะเอาไปประกอบ Memoir ชุดรวมบทความ มาวันนี้ก็เลยถือโอกาสเขียนบันทึกภาพสิ่งที่ได้เป็นเห็นมาเอาไว้ซะหน่อย หลังจากที่เขียนแต่เรื่องวิชาการหนัก ๆ ติดต่อกันหลายฉบับ

วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ มีนัดประชุมสภาวิชาการที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งแถวเขาชนไก่ บังเอิญเขาเลื่อนการประชุมจากช่วงบ่ายมาเป็นช่วงสาย ทำให้เลิกประชุมกันเร็ว ขากลับก็เลยมีโอกาสแวะถ่ายรูปตามทาง สถานที่แห่งหนึ่งที่แวะก็คือสถานีรถไฟกาญจนบุรี เข้าไปถ่ายรูปรถโยกตรวจทางรถไฟที่เขาเอามาตั้งแสดงไว้หน้าสถานี เป็นสิ่งที่เหมือนกับว่าในปัจจุบันแทบไม่มีใครให้ความสนใจ ทำนองเดียวกับรถยนต์รางตรวจทางหมายเลข ๒๕๑๒ ที่ตั้งแสดงไว้ที่สถานีวังโพ (Memoir ปีที่ ๔ ฉบับที่ ๔๓๓ วันอาทิตย์ที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๕ เรื่อง "ก่อนจะเลือนหายไปจากความทรงจำตอนที่ ๑๖ รถยนต์รางเลขที่๒๕๑๒") ดูจากสภาพรถในตอนนั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าวันนี้กลับไปเยี่ยมอีกที มันจะมีสภาพเป็นเช่นไร เส้นทางสายกาญจนบุรีนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะสงครามโลกครั้งที่ ๒ ทำให้เกิดสะพานมรณะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว สงสัยว่าการรถไฟก็คงไม่มีเหตุผลใดที่จะเดินรถไฟในเส้นทางนี้
 
รูปที่ ๑ รถโยกตรวจทางรถไฟที่นำตั้งแสดงไว้หน้าสถานีรถไฟกาญจนบุรี เก้าอี้นั่งใช้ระบบสปริงแหนบรองรับการกระแทก

รูปที่ ๒ อีกมุมหนึ่งของรถโยกตรวจทางรถไฟ
 
รูปที่ ๓ ขยายให้เห็นระบบห้ามล้อ ใช้เท้าเหยียบตรงแป้นสีเหลือง ก็จะส่งแรงมากดห้ามล้อ

รูปที่ ๔ ระบบส่งกำลังจากคันโยกลงไปยังเฟือง ตอนนั้นก็อยู่ในสภาพที่เกือบจะไม่เป็นชิ้นเป็นอันแล้ว

พักหลังเวลาไปกาญจนบุรี ผมมักเลี่ยงไปใช้เส้นทางสาย ๓๔๖ บางเลน-กำแพงแสน-พนมทวน แทนเส้นทางที่ผ่านบ้านโป่ง-ท่ามะกา เพราะเส้นทางสาย ๓๔๖ มันมีรถวิ่งน้อยกว่า เส้นทางสายนี้จะไปข้ามทางรถไฟ ๑ จุดที่ด้านหลังมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ตรงนั้นจะมีป้ายหยุดรถไฟชื่อ "ทุ่งบัว" วันนั้นพอออกจากสถานีกาญจนบุรีแล้วผมก็ขับรถกลับกรุงเทพทางเส้นทางนี้ ก็เลยถือโอกาสแวะเยี่ยมชมป้ายหยุดรถไฟที่สภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยความเป็น "ธรรมชาติ" ส่วนที่ว่ามันเต็มไปด้วยความเป็นธรรมชาติมากแค่ไหนก็ขอให้พิจารณาจากรูปเอาเองก็แล้วกัน ปัจจุบันเส้นทางสายนี้ก็ยังมีขบวนรถไฟวิ่งอยู่ คือตอนเช้าจะออกจากสุพรรณบุรีมายังกรุงเทพ และตอนบ่าย (ก็ขบวนรถเดิมนั่นแหละ) วิ่งออกจากกรุงเทพกลับไปยังสุพรรณบุรี เห็นเวลามหาวิทยาลัยเริ่มปีการศึกษาใหม่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เขาก็มีงานรับน้องรถไฟกันทุกปี แต่เกษตรศาสตร์กำแพงแสนไม่ยักทำบ้าง ทั้ง ๆ ที่มีทางรถไฟวิ่งผ่านริมรั้วหลังวิทยาเขต
 
น่าเสียดายที่ตอนนั้นรัฐบาลเปลี่ยนแนวทางการพัฒนาการคมนาคม เปลี่ยนจากรถไฟมาใช้ถนนเป็นหลัก ทำให้เส้นทางที่อยู่ในโครงการจะก่อสร้างถูกยกเลิกไป แถมเส้นทางรถไฟที่เริ่มสร้างไปแล้วจึงถูกยุติการก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นสายสุพรรณบุรีที่จะทำให้การเดินทางระหว่างเหนือ-ใต้ นั้นไม่ต้องอ้อมเข้ากรุงเทพมหานคร เส้นทางจากสุราษฏร์ธานีไปยังภูเก็ตที่ไปสิ้นสุดเพียงแค่คีรีรัฐนิคม เส้นทางจากเด่นชัยไปยังเชียงราย เส้นทางจากสวรรคโลกไปยังแม่สอด รวมทั้งเส้นทางจากตลิ่งชันไปยังมหาชัยที่กลายเป็นถนนกาญจนาภิเษก และเส้นทางเชื่อมระหว่างแม่กลองกับทางรถไฟสายใต้ที่บ้านโป่ง เส้นทางบางสายที่เคยมีรถไฟวิ่งเป็นประจำก็ต้องปิดตัวลง เช่นเส้นทางสายสงขลา-หาดใหญ่ ที่ตอนนี้เหลือแต่แค่ความทรงจำ

Memoir ฉบับนี้ก็เป็นเพียงแค่บันทึกอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ได้ไปพบเห็นมาในชีวิต :) :) :)

รูปที่ ๕ ที่พักสำหรับรอรถไฟที่ป้ายหยุดรถทุ่งบัว ไม่รู้ว่าจะมีงูไปนอนรออยู่ด้วยหรือเปล่า
  
รูปที่ ๖ มองออกมายังถนนสาย ๓๔๖ ด้านซ้ายคือมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน


รูปที่ ๗ มองไปยังเส้นทางมุ่งหน้าไปสุพรรณบุรี ด้านขวาคือมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน
 
รูปที่ ๘ น่าจะเรียกได้ว่าเป็นเส้นทางรถไฟสายธรรมชาติ

ไม่มีความคิดเห็น: