เมื่อวานตอนเกือบ
๔ โมงเย็น สาวน้อยเมืองโอ่งโทรมาหาผมเรื่องมีคนอยากถอด
detector
เครื่อง
GC
ของเราออกมาทำความสะอาด
ผมก็แปลกใจเพราะผมไม่เห็นว่ามันมีปัญหาอะไร
แล้วเขานึกอย่างไรจึงจะมารื้อเครื่องมือเล่น
เรื่องมันเริ่มจากตอนที่สาวน้อยเมืองโอ่งและสาวน้อยเมืองขุนแผนทดลองฉีดสารละลายฟีนอลเจือจางในน้ำ
แล้วพบพีคประหลาดที่ไม่ควรจะเป็นพีคฟีนอล
เครื่อง GC
ที่เราใช้คือ
Shimadzu
8A ติดตั้งตัวตรวจวัดชนิด
FID
(Flame ionisation detector) ซึ่งตรวจวัดเฉพาะสารอินทรีย์เท่านั้น
ลักษณะการออกมาของพีคดังกล่าวจะออกมาที่เวลาคงที่หลังการฉีดตัวอย่างแต่ละครั้ง
คือออกมาที่เวลาประมาณ 1
นาที
และถ้าไม่มีการฉีดสารตัวอย่างก็จะไม่มีพีคออกมา
ด้วยข้อมูลนี้ทำให้ผมสงสัยว่าสารละลายที่เขาเตรียมนั้นมีการปนเปื้อน
ก็เลยแนะนำให้เขาไปเอาน้ำกลั่นมาฉีด
ซึ่งมันไม่ควรมีพีคใดปรากฏ
แต่ปรากฏว่ามันมีพีคออกมาที่เวลาประมาณ
1
นาทีเช่นเดิม
ผมก็เลยบอกให้เขาไปเอาน้ำ
DI
ในอีกถังมาลองฉีดดู
ก็พบว่ามันก็มีพีคออกมาที่เวลาประมาณ
1
นาทีอีก
(รูปที่
๑)
ตรงนี้ผมอธิบายให้เขาฟังว่าจุดที่อาจเกิดการปนเปื้อนนั้นมันมีอยู่ด้วยกัน
๓ ที่ คือ
(๑)
ตัวน้ำกลั่นและน้ำ
DI
มีการปนเปื้อน
(๒)
บีกเกอร์ที่เราไปเอาน้ำมามีการปนเปื้อน
และ
(๓)
Syringe ที่ใช้ฉีดตัวอย่างนั้นมีการปนเปื้อน
ในกรณีที่การปนเปื้อนเกิดที่
syringe
นั้น
สิ่งที่เราควรจะเห็นก็คือเมื่อฉีดตัวอย่างไปเรื่อย
ๆ พีคที่แปลกปลอมที่เห็นควรจะเล็กลง
เนื่องจากมันถูกตัวอย่างชะล้างเอาออกไป
แต่เนื่องจากสิ่งที่เห็นคือขนาดของพีคค่อนข้างคงที่
ดังนั้นจึงอาจเป็นไปได้ว่าสารปนเปื้อนนั้นอยู่ในน้ำตัวอย่างที่เราเอามาฉีด
ซึ่งสารปนเปื้อนนั้นอาจเปื้อนบีกเกอร์ที่ไปรองน้ำมา
หรือละลายอยู่ในน้ำแต่แรกแล้ว
ตรงนี้เราทดสอบได้ด้วยการนำบีกเกอร์ใบใหม่ไปรองน้ำมาใหม่
แล้วทดลองฉีดดูใหม่
ถ้าพีคมันหายไปก็แสดงว่าสารปนเปื้อนนั้นอยู่ที่บีกเกอร์
แต่ถ้ามันอยู่เหมือนเดิมก็แสดงว่ามันอยู่ในน้ำมาแต่แรก
และหลังจากที่เขาได้ทดสอบโดยการเปลี่ยนบีกเกอร์แล้วก็พบว่าพีคยังคงมีอยู่เหมือนเดิม
นั่นแสดงว่าทั้งน้ำกลั่นและน้ำ
DI
ที่ใช้อยู่ในแลปเรานั้นมีการปนเปื้อนทั้งสองถัง
นั่นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่จะมีคนมาขอทำความสะอาด
FID
เมื่อวานตอนเย็นผมก็ได้คุยกับสาวน้อยเมืองโอ่ง
(ทราบว่ามีสาวน้อยเมืองขุนแผนนั่งฟังอยู่ด้วย)
ว่าเราอาจทดสอบเพิ่มเติมเพื่อยืนยันได้อีกด้วยการทดลองฉีดโทลูอีนเข้าไป
(โทลูอีนจะออกมาที่เวลาประมาณ
4
นาที)
ถ้าไม่ปรากฏว่ามีพีคที่เวลา
1
นาทีก็แสดงว่าการปนเปื้อนนั้นอยู่ที่น้ำ
แต่เนื่องจากเขาได้ปิดเครื่อง
GC
ไปแล้วก็เลยได้มาทดลองทำกันเช้าวันนี้
รูปที่
๑ เส้นบนคือโครมาโทแกรมที่ได้จากการฉีดน้ำกลั่น
เส้นล่างคือโครมาโทแกรมที่ได้จากการฉีดน้ำ
DI
ผลที่ได้แสดงไว้ในรูปที่
๒ ในหน้าถัดไป จะเห็นว่าพีคที่เวลา
๑ นาทีหายไป นั่นแสดงว่าทั้งน้ำกลั่นและน้ำ
DI
ที่ใช้ในแลปเราในขณะนี้มีปัญหาปนเปื้อน
จากนั้นผมก็ได้ให้สาวน้อยเมืองขุนแผนไปขอน้ำกลั่นจากห้องปฏิบัติการเคมีพื้นฐานมาทดลองฉีด
ผลออกมาก็คือไม่มีพีคที่เวลา
1
นาทีปรากฏ
แต่มีพีคของโทลูอีนปรากฏ
กรณีนี้สรุปได้ว่าเป็นการปนเปื้อนที่
syringe
ที่ใช้ฉีด
เพราะ syringe
ที่ใช้ฉีดน้ำกลั่นเป็นตัวเดียวกันกับที่ใช้ฉีดโทลูอีนก่อนหน้า
พีคที่เห็นจึงมีลักษณะที่ค่อย
ๆ เล็กลงเมื่อทำการฉีดซ้ำ
เพราะโทลูอีนถูกน้ำชะไปจาก
syringe
อย่างช้า
ๆ สาเหตุก็เพราะโทลูอีนละลายน้ำได้น้อยมาก
การแก้ปัญหาดังกล่าวทำได้โดยการล้าง
syringe
ให้มากครั้งขึ้น
แต่อาจใช้ acetone
หรือเอทานอลเป็นตัวล้าง
เพราะโทลูอีนละลายใน acetone
และเอทานอลได้ดีกว่าน้ำ
จากนั้นจึงค่อยใช้น้ำ
(หรือตัวอย่างของเราที่เป็นสารละลายในน้ำ)ล้างเอา
acetone
หรือเอทานอลออก
ก่อนที่จะทำการฉีดตัวอย่าง
รูปที่ ๒ โครมาโทแกรมที่ได้จากการฉีดโทลูอีนสองครั้งเมื่อช่วงเช้าวันนี้ จะเห็นว่าพีคที่เวลาประมาณ 1 นาทีนั้นหายไป
รูปที่ ๒ โครมาโทแกรมที่ได้จากการฉีดโทลูอีนสองครั้งเมื่อช่วงเช้าวันนี้ จะเห็นว่าพีคที่เวลาประมาณ 1 นาทีนั้นหายไป
การปนเปื้อนที่
detector
หรือที่ปนมากับแก๊สที่ใช้จุดเปลวไฟของ
FID
นั้นจะมีสัญญาณออกมาตลอดเวลา
มีลักษณะที่เป็นสัญญาณรบกวน
(noise)
มากกว่าที่จะเป็นพีค
และไม่ขึ้นกับการเกิดพีค
อุณหภูมิคอลัมน์
การฉีดสารตัวอย่างหรือการเคลื่อนตัวของเส้น
base
line กล่าวคือระดับเส้น
base
line อาจคงที่
แต่สัญญาณมีการเต้นไปมารอบ
ๆ ค่าเฉลี่ยค่าหนึ่งค่อนข้างมาก
ถ้าเป็นการปนเปื้อนที่คอลัมน์
มักจะมีพีคปรากฏในเวลาที่เอาแน่เอานอนไม่ได้
และมักขึ้นกับอุณหภูมิ
พวกนี้เรามักเห็นเมื่อเพิ่มอุณหภูมิคอลัมน์ให้สูงขึ้น
(เช่นตอนทำ
temperature
programmed)
เพราะมันมักเป็นองค์ประกอบที่ฉีดเข้าไปแล้วไม่หลุดออกมาจากคอลัมน์เนื่องจากตั้งอุณหภูมิคอลัมน์ไม่สูงมากพอหรือไม่ให้เวลานานพอ
ก่อนที่จะลดอุณหภูมิคอลัมน์ให้ต่ำลง
นี่คือสิ่งที่พวกคุณได้เห็นกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ผมให้คุณตั้งอุณหภูมิคอลัมน์ค้างไว้ที่
230ºC
แล้วก็ได้เห็นอะไรต่อมิอะไรออกมาเยอะแยะไปหมด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น