วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ถั่วแขก MO Memoir : Sunday 26 July 2558

บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับหลังที่คุณพ่อคุณแม่ผมมาซื้อเมื่อปี ๒๕๒๑ (จำได้ว่าย้ายเข้ามาเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๒๑) บ้านผมกับบ้านหลังนี้อยู่สุดซอยทั้งคู่ แต่ต่อมาเข้าของเขาย้ายออก คุณพ่อคุณแม่ก็เลยไปซื้อต่อมา ตอนผมกลับจากอังกฤษในปี ๒๕๓๗ ก็ได้ย้ายมานอนที่บ้านหลังนี้จนกระทั่งย้ายขึ้นบ้านใหม่ที่สร้างบนที่ดินผืนติดกันก่อนน้ำท่วมใหญ่ในปี ๒๕๕๔ เพียงแค่สัปดาห์เดียว
  
เดิมบ้านนี้มีน้องชายผมเขามานอนอยู่ก่อนแล้ว แต่ก็แทบจะไม่ได้เจอหน้ากันทั้ง ๆ ที่อยู่ห้องนอนติดกัน เพราะผมทำงานตอนกลางวัน กลางคืนก็เข้านอน ส่วนเขาเข้าเวรตอนกลางคืน กลางวันกลับมานอน มันก็เลยเหมือนกับว่าบ้านนี้มีคนอยู่คนเดียว ตอนมาอยู่บ้านนี้ใหม่ ๆ คุณแม่ก็เคยมาถามว่าจะให้มานอนอยู่เป็นเพื่อนเอาไหม ผมตอบกลับไปว่าไม่เป็นไร แต่ก็แปลกใจกับคำถามดังกล่าวว่าบ้านนี้มันมีอะไรหรือเปล่า ซักถามไปมาก็เลยทำให้ทราบว่าคนอื่นที่เขามานอนก่อนหน้านี้เขาเคยเจอกันมาบ้าง (ทำนองเป็นแบบมาให้เห็นหรือให้รู้แต่ไม่ได้ทำอะไร) ส่วนผมเองนั้นตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่เคยเจออะไร
  
รูปที่ ๑ ซุ้มถั่วแขกที่สร้างจากราวตากผ้าที่พังแล้ว เดิมมันเป็นซุ้มไม้เลื้อยสารพัดอย่าง ทั้งถั่วฝักยาวและอัญชัน แต่หลัง ๆ เหลือเพียงแค่อัญชัน ตอนนี้ถั่วแขกขึ้นปกคลุมไปหมด ทำเอาอัญชันไม่ได้รับแดดและกำลังจะเหี่ยวตาย
  
รูปที่ ๒ ใบของต้นถั่วแขก จะเห็นว่าเป็นไม้เลื้อยที่มีใบใหญ่มาก จากกิ่งย่อยจะมีใบแยกออกมา ๓ ใบ ขนาดของใบที่โตเต็มที่แต่ละใบก็ประมาณครึ่งหน้ากระดาษ A4

ต้นมะม่วงหน้าบ้านนี้เจ้าของเดิมเขาปลูกเอาไว้ นับอายุจนถึงปัจจุบันก็น่าจะกว่า ๓๐ ปีแล้ว แต่ก็ยังมีผลออกให้สอยกินเกือบทุกปี มันรอดจากน้ำท่วมใหญ่ที่ท่วมอยู่กว่า ๓ สัปดาห์มาได้ แต่เมื่อสักสองปีที่แล้วมีลมพัดกรรโชกแรง ดูเผิน ๆ ก็เหมือนกับว่ามันไม่เป็นอะไร แต่พอดูที่โคนต้นรู้สึกว่าดินด้านหนึ่งจะโปนขึ้นมาเล็กน้อย ก็เลยตัดสินใจหาคนมาตัดแต่งกิ่งให้กับมัน เรียกว่าตัดออกไปเยอะเหมือนกัน เพราะของเดิมมันพุ่มใหญ่มากจนเรียกได้ว่าหน้าบ้านนี่ร่มตลอดทั้งวัน แต่นั่นก็ทำให้ไม้เล็ก ๆ ที่อยู่รอบ ๆ โคนต้นนั้นขาดแสงแดดไปด้วย แม้แต่หญ้าก็ยังตาย
  
พอตัดแต่งกิ่งเสร็จก็มีแดดส่องลงมายังพื้น (แต่ถึงกระนั้นทุกวันนี้ก็ยังต้องคอยตัดแต่งกิ่งมะม่วงและมะเฟืองที่มันงอกออกมาบังแดดมากเกินไป เพื่อให้แดดส่องถึงแปลงผักแปลงนี้บ้าง) ตอนนั้นก็เลยถือโอกาสเอามุมหนึ่งทำแปลงปลูกผักเล่นเสียเลย เริ่มจากแปลงปลูกผักก่อน จากนั้นก็เอาราวตากผ้าอะลูมิเนียมที่มันเสียแล้วมาตั้งแทน ใช้เป็นนั่งร้านสำหรับไม้เลื้อย ส่วนใหญ่ก็เป็นประเภทถั่วต่าง ๆ ถั่วฝักยาวก็เคยปลูก แต่ผมไม่ชอบมันอยู่อย่างก็คือที่บ้านมักจะมีงูเขียวหางไหม้เข้ามาเป็นประจำ และมันก็ชอบอยู่บนต้นไม้ซะด้วย เวลาไปดูถั่วฝักยาวที่มันงอกก็ต้องดูให้ดีว่ามันเป็นถั่วฝักยาวหรือเขียวหางไหม้  อันที่จริงแปลงนี้ผมก็ไม่ได้ไปปลูกอะไรหรอก ภรรยาและลูกสาวคนเล็กมันจะเป็นคนหาอะไรไปปลูกมากกว่า ผมทำเพียงแค่รดน้ำให้เท่านั้นเอง (ปรกติก็เอาน้ำซักผ้าที่ระบายออกจากเครื่องซักผ้าไปราด) แม้ว่ามันจะเป็นซุ้มเล็ก ๆ แต่ก็พอมีผักสดให้เก็บกินทุกสัปดาห์ รอบบ้านผมเองตอนนี้ทั้งตำลึงและชะพลูขึ้นเต็มไปหมด เมื่อสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาเลยต้องมีการกวาดล้างครั้งใหญ่ เพราะมีงูเขียวหางไหม้ (แขกเจ้าประจำ) มานอนยิ้มทักทายถึงใกล้ประตูห้องครัว
  
รูปที่ ๓ ก่อนที่จะกลายเป็นดอก

ก่อนหน้านี้ก็เห็นมีแต่อัญชันเลื้อยเต็มไปหมด ต่อมาก็เห็นมีไม้เลื้อยพันธุ์ใหม่มีใบใหญ่ ๆ เริ่มโผล่ขึ้นมา ตอนแรกก็คิดว่าเป็นวัชพืชหรือเปล่า แต่พอถามภรรยาแล้วเขาบอกว่าเป็นถั่วแขก ก็เลยรอดูว่าเมื่อมันโตขึ้นหน้าตามันจะเป็นอย่างไร ปรากฏว่ามันโตซะคลุมนั่งร้านหมดเลย ทำเอาอัญชันเจ้าถิ่นเดิมค่อย ๆ ตายไป แต่ผมไม่ได้เดือดร้อนเรื่องอัญชันจะตาย เพราะรอบบ้านยังมีอีกหลายพุ่มที่มันเที่ยวไปพันต้นไม้มั่วไปหมด (ร่วมกับตำลึง) จนต้องคอยรื้อทิ้งออกเป็นระยะ เพราะมันทำให้ต้นไม้ที่มันไปอาศัยยืดกิ่งขึ้นสูงไม่ได้ น้ำหนักของไม้เลื้อยมันกดเอาไว้ และยังไปบังแดดซะเกือบหมดอีก ทำเอาต้นไม้ที่มันไปอาศัยนั้นเกือบตายเพราะขาดแสงแดด
  
ส่วนเจ้าถั่วแขกนี้ ประมาณปลายเดือนที่แล้วมันก็เริ่มออกดอก ก็เลยไปถ่ายรูปเก็บเอาไว้ ตอนนี้มันเป็นฝักแล้ว คิดว่าสัปดาห์หน้าก็คงจะเก็บได้แล้ว (คงเอาไว้ปลูกใหม่มั้ง เพราะมีไม่กี่ฝัก ไม่พอทำอาหารกิน) ก็คิดว่าได้เวลานำมันรูปที่ถ่ายเอาไว้มาลง blog สักที เผื่อมีเด็กนักเรียนอยากได้รูปใช้ทำงาน (ค้น google ดูเห็นมีแต่รูปฝักถั่ว แทบไม่มีรูปใบและดอกเลย)
  

รูปที่ ๔ (บน) ดอกของถั่วแขก (ล่าง) ฝักถั่วแขกที่ได้จากพุ่มดอกทางซ้าย

ดอกที่ออกตอนแรกกก็เป็นสีขาว ตอนนี้จากดอกก็กลายเป็นฝักแล้วหน้าตาของดอกและฝักเป็นอย่างไรก็ดูในรูปเอาเองก็แล้วกัน ตอนที่ยังเป็นดอกอยู่ก็มีแมลงมาตอมเยอะเหมือนกัน พอมีแมลงมาก็จะมีนกกินแมลงตามมาอีก นกที่มาเฝ้าประจำเห็นจะได้แก่นกกางเขน ตรงไหนมีดอกไม้ ก็จะมีแมลงมากินเกสร และก็จะมีนกกินแมลงมาจับแมลงเหล่านั้นกินอีกที ที่บ้านก็เลยไม่จำเป็นต้องเลี้ยงนก เพราะมีทั้งไม้ดอกที่ล่อแมลงมาเป็นอาหารนก และไม้ผลเล็ก ๆ เช่นตะขบ ที่นกพวกกินผลไม้นั้นกินได้ ที่แปลกก็เห็นจะได้แก่มะเฟือง ที่มีแต่นกแก้วเท่านั้นมาเก็บกิน ไม่เห็นนกชนิดอื่นหรือกระรอกมาเก็บกินบ้างเลย

เมื่อคืนก่อนตีสี่มีฝนตกลงมาหน่อย ทำให้โชคดีที่วันนี้ไม่ต้องรดน้ำต้นไม้ แต่ก็ทำเอาอากาศยามเช้ามันครึ้ม ๆ ไม่ชวนให้ลุกจากที่นอนมาทำโน่นทำนี่เลย แม้ว่าปีนี้จะแล้งมากแต่ต้นไม้ใหญ่ที่บ้านก็ดูไม่เดือดร้อน คงเป็นเพราะรอบบ้านที่เป็นพื้นดินเปิดโล่ง ทำให้น้ำฝนที่ตกลงมาไม่ว่าครั้งไหน ๆ จะซึมลงไปในพื้นดินก่อนจนกว่าจะซึมไม่ทันนั่นแหละ จึงค่อยล้นไหลลงสู่ท่อระบายน้ำ ไม้ใหญ่จึงไม่เดือดร้อนเพราะน้ำที่สมสมไว้ในชั้นดินยังมีอยู่อีกเยอะพอใช้ได้ทั้งปี พวกที่เดือดร้อนมากกว่าจากภัยแล้งเห็นจะได้แก่พวกที่รากตื้นเช่นพวกไม้เล็กต่าง ๆ หรือพวกพืชไร่แปลงผัก พวกนี้ดูดซับได้แต่น้ำที่อยู่ผิวดินชั้นบนที่แห้งได้ง่ายเวลาโดนแดดส่อง สาเหตุหนึ่งที่ผมเชื่อว่ามีส่วนทำให้ระบบระบายน้ำของกรุงเทพมีปัญหาคือเราพยายามที่จะผลักน้ำฝนทั้งหมดที่ตกลงมานั้นลงสู่ท่อระบาย ทำให้เกินความสามารถของท่อระบายน้ำที่จะรับได้ ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงแล้วพื้นดินมันสามารถดูดซับน้ำฝนที่ตกลงมานั้นได้ในระดับหนึ่ง ส่วนจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับว่าพื้นดินตรงนั้นเป็นอะไร ดินรอบบ้านผมที่โคนต้นไม้บางต้นเอาน้ำทิ้งจากเครื่องซักผ้าร่วมเกือบ ๒๐๐ ลิตรเทลงไปก็ซึมหายลงไปหมด

ปิดท้ายนี้ก็ไม่มีอะไร ก็ขอเอารูปลูกสาวคนเล็กกำลังสนุกกับชิงช้าที่ผูกไว้กับกิ่งมะม่วงมาลงปิดท้ายก็แล้วกัน

รูปที่ ๕ ลูกสาวคนเล็กขณะกำลังสนุกกับชิงช้าที่ผูกไว้กับกิ่งมะม่วงข้างซุ้มถั่วแขก

ไม่มีความคิดเห็น: