บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับหลังที่คุณพ่อคุณแม่ผมมาซื้อเมื่อปี
๒๕๒๑ (จำได้ว่าย้ายเข้ามาเมื่อวันอาทิตย์ที่
๑๓ สิงหาคม ๒๕๒๑)
บ้านผมกับบ้านหลังนี้อยู่สุดซอยทั้งคู่
แต่ต่อมาเข้าของเขาย้ายออก
คุณพ่อคุณแม่ก็เลยไปซื้อต่อมา
ตอนผมกลับจากอังกฤษในปี
๒๕๓๗
ก็ได้ย้ายมานอนที่บ้านหลังนี้จนกระทั่งย้ายขึ้นบ้านใหม่ที่สร้างบนที่ดินผืนติดกันก่อนน้ำท่วมใหญ่ในปี
๒๕๕๔ เพียงแค่สัปดาห์เดียว
เดิมบ้านนี้มีน้องชายผมเขามานอนอยู่ก่อนแล้ว
แต่ก็แทบจะไม่ได้เจอหน้ากันทั้ง
ๆ ที่อยู่ห้องนอนติดกัน
เพราะผมทำงานตอนกลางวัน
กลางคืนก็เข้านอน
ส่วนเขาเข้าเวรตอนกลางคืน
กลางวันกลับมานอน
มันก็เลยเหมือนกับว่าบ้านนี้มีคนอยู่คนเดียว
ตอนมาอยู่บ้านนี้ใหม่ ๆ
คุณแม่ก็เคยมาถามว่าจะให้มานอนอยู่เป็นเพื่อนเอาไหม
ผมตอบกลับไปว่าไม่เป็นไร
แต่ก็แปลกใจกับคำถามดังกล่าวว่าบ้านนี้มันมีอะไรหรือเปล่า
ซักถามไปมาก็เลยทำให้ทราบว่าคนอื่นที่เขามานอนก่อนหน้านี้เขาเคยเจอกันมาบ้าง
(ทำนองเป็นแบบมาให้เห็นหรือให้รู้แต่ไม่ได้ทำอะไร)
ส่วนผมเองนั้นตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่เคยเจออะไร
รูปที่
๑ ซุ้มถั่วแขกที่สร้างจากราวตากผ้าที่พังแล้ว
เดิมมันเป็นซุ้มไม้เลื้อยสารพัดอย่าง
ทั้งถั่วฝักยาวและอัญชัน
แต่หลัง ๆ เหลือเพียงแค่อัญชัน
ตอนนี้ถั่วแขกขึ้นปกคลุมไปหมด
ทำเอาอัญชันไม่ได้รับแดดและกำลังจะเหี่ยวตาย
รูปที่
๒ ใบของต้นถั่วแขก
จะเห็นว่าเป็นไม้เลื้อยที่มีใบใหญ่มาก
จากกิ่งย่อยจะมีใบแยกออกมา
๓ ใบ ขนาดของใบที่โตเต็มที่แต่ละใบก็ประมาณครึ่งหน้ากระดาษ
A4
ต้นมะม่วงหน้าบ้านนี้เจ้าของเดิมเขาปลูกเอาไว้
นับอายุจนถึงปัจจุบันก็น่าจะกว่า
๓๐ ปีแล้ว แต่ก็ยังมีผลออกให้สอยกินเกือบทุกปี
มันรอดจากน้ำท่วมใหญ่ที่ท่วมอยู่กว่า
๓ สัปดาห์มาได้
แต่เมื่อสักสองปีที่แล้วมีลมพัดกรรโชกแรง
ดูเผิน ๆ ก็เหมือนกับว่ามันไม่เป็นอะไร
แต่พอดูที่โคนต้นรู้สึกว่าดินด้านหนึ่งจะโปนขึ้นมาเล็กน้อย
ก็เลยตัดสินใจหาคนมาตัดแต่งกิ่งให้กับมัน
เรียกว่าตัดออกไปเยอะเหมือนกัน
เพราะของเดิมมันพุ่มใหญ่มากจนเรียกได้ว่าหน้าบ้านนี่ร่มตลอดทั้งวัน
แต่นั่นก็ทำให้ไม้เล็ก ๆ
ที่อยู่รอบ ๆ โคนต้นนั้นขาดแสงแดดไปด้วย
แม้แต่หญ้าก็ยังตาย
พอตัดแต่งกิ่งเสร็จก็มีแดดส่องลงมายังพื้น
(แต่ถึงกระนั้นทุกวันนี้ก็ยังต้องคอยตัดแต่งกิ่งมะม่วงและมะเฟืองที่มันงอกออกมาบังแดดมากเกินไป
เพื่อให้แดดส่องถึงแปลงผักแปลงนี้บ้าง)
ตอนนั้นก็เลยถือโอกาสเอามุมหนึ่งทำแปลงปลูกผักเล่นเสียเลย
เริ่มจากแปลงปลูกผักก่อน
จากนั้นก็เอาราวตากผ้าอะลูมิเนียมที่มันเสียแล้วมาตั้งแทน
ใช้เป็นนั่งร้านสำหรับไม้เลื้อย
ส่วนใหญ่ก็เป็นประเภทถั่วต่าง
ๆ ถั่วฝักยาวก็เคยปลูก
แต่ผมไม่ชอบมันอยู่อย่างก็คือที่บ้านมักจะมีงูเขียวหางไหม้เข้ามาเป็นประจำ
และมันก็ชอบอยู่บนต้นไม้ซะด้วย
เวลาไปดูถั่วฝักยาวที่มันงอกก็ต้องดูให้ดีว่ามันเป็นถั่วฝักยาวหรือเขียวหางไหม้ อันที่จริงแปลงนี้ผมก็ไม่ได้ไปปลูกอะไรหรอก
ภรรยาและลูกสาวคนเล็กมันจะเป็นคนหาอะไรไปปลูกมากกว่า
ผมทำเพียงแค่รดน้ำให้เท่านั้นเอง
(ปรกติก็เอาน้ำซักผ้าที่ระบายออกจากเครื่องซักผ้าไปราด)
แม้ว่ามันจะเป็นซุ้มเล็ก
ๆ แต่ก็พอมีผักสดให้เก็บกินทุกสัปดาห์
รอบบ้านผมเองตอนนี้ทั้งตำลึงและชะพลูขึ้นเต็มไปหมด
เมื่อสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาเลยต้องมีการกวาดล้างครั้งใหญ่
เพราะมีงูเขียวหางไหม้
(แขกเจ้าประจำ)
มานอนยิ้มทักทายถึงใกล้ประตูห้องครัว
รูปที่
๓ ก่อนที่จะกลายเป็นดอก
ก่อนหน้านี้ก็เห็นมีแต่อัญชันเลื้อยเต็มไปหมด
ต่อมาก็เห็นมีไม้เลื้อยพันธุ์ใหม่มีใบใหญ่
ๆ เริ่มโผล่ขึ้นมา
ตอนแรกก็คิดว่าเป็นวัชพืชหรือเปล่า
แต่พอถามภรรยาแล้วเขาบอกว่าเป็นถั่วแขก
ก็เลยรอดูว่าเมื่อมันโตขึ้นหน้าตามันจะเป็นอย่างไร
ปรากฏว่ามันโตซะคลุมนั่งร้านหมดเลย
ทำเอาอัญชันเจ้าถิ่นเดิมค่อย
ๆ ตายไป แต่ผมไม่ได้เดือดร้อนเรื่องอัญชันจะตาย
เพราะรอบบ้านยังมีอีกหลายพุ่มที่มันเที่ยวไปพันต้นไม้มั่วไปหมด
(ร่วมกับตำลึง)
จนต้องคอยรื้อทิ้งออกเป็นระยะ
เพราะมันทำให้ต้นไม้ที่มันไปอาศัยยืดกิ่งขึ้นสูงไม่ได้
น้ำหนักของไม้เลื้อยมันกดเอาไว้
และยังไปบังแดดซะเกือบหมดอีก
ทำเอาต้นไม้ที่มันไปอาศัยนั้นเกือบตายเพราะขาดแสงแดด
ส่วนเจ้าถั่วแขกนี้
ประมาณปลายเดือนที่แล้วมันก็เริ่มออกดอก
ก็เลยไปถ่ายรูปเก็บเอาไว้
ตอนนี้มันเป็นฝักแล้ว
คิดว่าสัปดาห์หน้าก็คงจะเก็บได้แล้ว
(คงเอาไว้ปลูกใหม่มั้ง
เพราะมีไม่กี่ฝัก ไม่พอทำอาหารกิน)
ก็คิดว่าได้เวลานำมันรูปที่ถ่ายเอาไว้มาลง
blog
สักที
เผื่อมีเด็กนักเรียนอยากได้รูปใช้ทำงาน
(ค้น
google
ดูเห็นมีแต่รูปฝักถั่ว
แทบไม่มีรูปใบและดอกเลย)
รูปที่
๔ (บน)
ดอกของถั่วแขก
(ล่าง)
ฝักถั่วแขกที่ได้จากพุ่มดอกทางซ้าย
ดอกที่ออกตอนแรกกก็เป็นสีขาว
ตอนนี้จากดอกก็กลายเป็นฝักแล้วหน้าตาของดอกและฝักเป็นอย่างไรก็ดูในรูปเอาเองก็แล้วกัน
ตอนที่ยังเป็นดอกอยู่ก็มีแมลงมาตอมเยอะเหมือนกัน
พอมีแมลงมาก็จะมีนกกินแมลงตามมาอีก
นกที่มาเฝ้าประจำเห็นจะได้แก่นกกางเขน
ตรงไหนมีดอกไม้ ก็จะมีแมลงมากินเกสร
และก็จะมีนกกินแมลงมาจับแมลงเหล่านั้นกินอีกที
ที่บ้านก็เลยไม่จำเป็นต้องเลี้ยงนก
เพราะมีทั้งไม้ดอกที่ล่อแมลงมาเป็นอาหารนก
และไม้ผลเล็ก ๆ เช่นตะขบ
ที่นกพวกกินผลไม้นั้นกินได้
ที่แปลกก็เห็นจะได้แก่มะเฟือง
ที่มีแต่นกแก้วเท่านั้นมาเก็บกิน
ไม่เห็นนกชนิดอื่นหรือกระรอกมาเก็บกินบ้างเลย
เมื่อคืนก่อนตีสี่มีฝนตกลงมาหน่อย
ทำให้โชคดีที่วันนี้ไม่ต้องรดน้ำต้นไม้
แต่ก็ทำเอาอากาศยามเช้ามันครึ้ม
ๆ ไม่ชวนให้ลุกจากที่นอนมาทำโน่นทำนี่เลย
แม้ว่าปีนี้จะแล้งมากแต่ต้นไม้ใหญ่ที่บ้านก็ดูไม่เดือดร้อน
คงเป็นเพราะรอบบ้านที่เป็นพื้นดินเปิดโล่ง
ทำให้น้ำฝนที่ตกลงมาไม่ว่าครั้งไหน
ๆ จะซึมลงไปในพื้นดินก่อนจนกว่าจะซึมไม่ทันนั่นแหละ
จึงค่อยล้นไหลลงสู่ท่อระบายน้ำ
ไม้ใหญ่จึงไม่เดือดร้อนเพราะน้ำที่สมสมไว้ในชั้นดินยังมีอยู่อีกเยอะพอใช้ได้ทั้งปี
พวกที่เดือดร้อนมากกว่าจากภัยแล้งเห็นจะได้แก่พวกที่รากตื้นเช่นพวกไม้เล็กต่าง
ๆ หรือพวกพืชไร่แปลงผัก
พวกนี้ดูดซับได้แต่น้ำที่อยู่ผิวดินชั้นบนที่แห้งได้ง่ายเวลาโดนแดดส่อง
สาเหตุหนึ่งที่ผมเชื่อว่ามีส่วนทำให้ระบบระบายน้ำของกรุงเทพมีปัญหาคือเราพยายามที่จะผลักน้ำฝนทั้งหมดที่ตกลงมานั้นลงสู่ท่อระบาย
ทำให้เกินความสามารถของท่อระบายน้ำที่จะรับได้
ทั้ง ๆ
ที่ในความเป็นจริงแล้วพื้นดินมันสามารถดูดซับน้ำฝนที่ตกลงมานั้นได้ในระดับหนึ่ง
ส่วนจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับว่าพื้นดินตรงนั้นเป็นอะไร
ดินรอบบ้านผมที่โคนต้นไม้บางต้นเอาน้ำทิ้งจากเครื่องซักผ้าร่วมเกือบ
๒๐๐ ลิตรเทลงไปก็ซึมหายลงไปหมด
ปิดท้ายนี้ก็ไม่มีอะไร
ก็ขอเอารูปลูกสาวคนเล็กกำลังสนุกกับชิงช้าที่ผูกไว้กับกิ่งมะม่วงมาลงปิดท้ายก็แล้วกัน
รูปที่
๕
ลูกสาวคนเล็กขณะกำลังสนุกกับชิงช้าที่ผูกไว้กับกิ่งมะม่วงข้างซุ้มถั่วแขก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น