วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ก่อนจะเลือนหายไปจากความทรงจำ ตอนที่ ๒๗ รถไฟหัตถกรรม (ลากไม้) เอื้อวิทยาพาณิชย์ MO Memoir : Saturday 20 October 2555

พระราชบัญญัติ จัดวางการรถไฟแลทางหลวง พ.. ๒๔๖๔ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่ม ๓๘ น่า ๑๒๓ วันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๔๖๔ (สะกดคำตามภาษาเก่านะ) ส่วนที่ ๗ ว่าด้วรถไฟหัตถกรรม

มาตรา ๑๔๐ รถไฟหัตถกรรมนั้นคือรถไฟที่ห้างหรือบริษัทซึ่งประกอบหัตถกรรม หรือพาณิชย์กรรมได้สร้างขึ้นไว้ใช้เฉพาะแต่รับส่งคนงานและบรรทุกสิ่งของที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ หรือสิ่งที่ประดิษฐ์ขึ้น กับสิ่งอื่น ๆ ที่จำเป็นจะต้องใช้สำหรับกิจการนั้นๆ 
 
ห้ามมิให้เรียกหรือรับค่าโดยสารหรือค่าระวางบรรทุกสินค้าแต่อย่างหนึ่งอย่างใด เป็นอันขาด

มาตรา ๑๔๑ รถไฟหัตถกรรมนั้นมี ๒ อย่างคือ 
 
(๑) รถไฟหัตถกรรมที่เดินเฉพาะแต่ภายในบริเวณที่ดินอันเปนที่ประกอบการของ ห้างหรือบริษัทเท่านั้นอย่างหนึ่ง แล

() รถไฟหัตถกรรมที่เดินอยู่ทั้งภายในแลภายนอกบริเวณที่ดินอันเป็นที่ประกอบการของห้างหรือบริษัทนั้นอีกอย่างหนึ่ง

ในอดีตนั้นในบ้านเรามีเอกชนหลายรายขออนุญาตสร้างและเดินรถไฟเพื่อใช้ในกิจการของบริษัทที่ไม่ใช่การรับส่งผู้โดยสาร รถไฟเหล่านี้เรียกว่า "รถไฟหัตถกรรม" ซึ่งเท่าที่ค้นจากราชกิจจานุเบกษาพบว่ามักจะสร้างเพื่อการชักลากไม้ (สำหรับบริษัทที่ได้รับสัมปทานป่าไม้) และการขนสินแร่ (สำหรับบริษัทที่ได้รับสัมปทานทำเหมืองแร่) เมื่อสิ้นสุดการทำป่าไม้หรือเหมืองแร่ ทางรถไฟเหล่านี้ก็มักจะถูกรื้อถอนออกไป หรือไม่ก็นำไปใช้ในกิจการอื่น (เช่นขนอ้อยเข้าโรงงานน้ำตาล) ก่อนที่จะถูกรื้อถอนออกไป

ในบรรดารถไฟประเภทนี้ รถไฟเล็กลากไม้ของบริษัทศรีมหาราชาที่ทำการชักลากไม้ในป่าภาคตะวันออกดูเหมือนจะเป็นระบบรถไฟที่มีความยาวมากที่สุด เพราะมีปรากฏชัดเจนในแผนที่ประเทศไทยทั้งที่จัดทำโดยคนไทยเองและชาวต่างชาติ โดยเส้นทางรถไฟสายนี้จะครอบคลุมการทำไม้ป่าภาคตะวันออกตอนกลางและตอนล่าง

ป่าภาคตะวันออกตอนเหนือด้านจังหวัดฉะเชิงเทรานั้นก็มีการทำไม้เช่นเดียวกัน โดยบริษัทเอื้อวิทยาพาณิชย์จำกัด ราชกิจจานุเบกษาเล่ม ๔๘ หน้า ๑๓๘๑ วันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๔ ได้อนุญาตให้นายใช้ อื้อวิทยา สร้างและเดินรถไฟจากป่าที่ได้รับสัมปทานมายังโรงเลื่อยที่ตำบลเกาะขนุน เป็นระยะทางยาวประมาณ ๓๖ กิโลเมตร แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดว่าปลายทางรถไฟอีกด้านหนึ่งนั้นอยู่ที่ใด

แต่ในราชกิจจานุเบกษาเล่ม ๕๒ หน้า ๑๑๗๔ วันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ได้ให้สัปทานนายใช้ อื้อวิทยา สร้างและเดินรถไฟจากป่าที่ได้รับสัมปทานมายังโรงเลื่อยที่ตำบลเกาะขนุน แต่คราวนี้ระยะทางเหลือเพียงแค่ประมาณ ๑๗ กิโลเมตรครึ่ง (รูปที่ ๑) ซึ่งเมื่อเทียบกับแผนที่ที่ค้นได้จากแผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดินในท้องที่ตำบลหนองแหน และตำบลสำโรง อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ศ. ๒๔๘๕ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๕๙ ตอนที่ ๘๑ วันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๕ (รูปที่ ๒) ปลายทางอีกด้านน่าจะเป็นที่บ้านลาดกระทิง

รูปที่ ๑ ราชกิจจานุเบกษาที่อนุญาตให้ในนายใช้ อื้อวิทยา สร้างและเดินรถไฟหัตถกรรม

รูปที่ ๒ แผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดินในท้องที่ตำบลหนองแหน และตำบลสำโรง อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ศ. ๒๔๘๕ ปรากฏเส้นทางรถไฟของบริษัทเอื้อวิทยาพาณิชย์ (ตามเส้นสีแดง) จากบ้านเกาะขนุนไปยังสถานีปลายทางลาดกระทิง และยังดูเหมือนว่ามีทางรถไฟอีกเส้นทางหนึ่ง (เส้นสีเขียว) ด้วย ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นของใคร
 
ในหนังสือ "The Railway Atlas of Thailand, Laos and Cambodia" เขียนโดย B.R. Whyte Plate 13 แสดงแผนที่ทางรถไฟที่ระบุว่าเป็นเส้นทางรถไฟขนฟืนใกล้เขตกบินทร์บุรี โดยกล่าวว่าเป็นเส้นทางรถไฟที่ไม่ทราบเจ้าของ (รูปที่ ๓) แผนที่ดังกล่าวพิมพ์เผยแพร่ในปีค.ศ. ๑๙๔๑ (พ.ศ. ๒๔๘๔) แต่ไม่ได้ระบุว่าแผนที่ฉบับดังกล่าวจัดทำขึ้นเมื่อใด เมื่อเทียบกับพิกัดในแผนที่ (ให้ตำแหน่งเส้นรุ้งและเส้นแวงไว้ที่มุมขวาบน) และตำแหน่งที่แผนที่นี้ระบุว่าเป็นแม่น้ำปราจีนบุรีแล้ว สรุปได้ว่าเส้นทางที่ปรากฏคือเส้นทางรถไฟหัตถกรรมของบริษัทเอื้อวิทยาพาณิชย์นั่นเอง

รูปที่ ๓ เส้นทางรถไฟที่ระบุว่าเป็นรถไฟขนฟืน ไม่ทราบเจ้าของ (ในวงเส้นประสีน้ำเงิน) อยู่ในเขตกบินทร์บุรี ในรูปที่ ๑๓ ในหนังสือ "The Railway Atlas of Thailand, Laos and Cambodia" เขียนโดย B.R. Whyte แต่เมื่อเทียบกับพิกัดในแผนที่และตำแหน่งที่แผนที่นี้ระบุว่าเป็นแม่น้ำปราจีนบุรีแล้ว สรุปได้ว่าเส้นทางที่ปรากฏคือเส้นทางรถไฟหัตถกรรมของบริษัทเอื้อวิทยาพาณิชย์นั่นเอง


เส้นทางดังกล่าวสูญหายไปเมื่อใดก็ไม่ทราบเหมือนกัน ในหนังสือของ Whyte นั้น (หัวข้อ ๑.๓.๑.๘ หน้า ๑๑๓) Whyte กล่าวว่าเส้นทางดังกล่าวยังมีอยู่ในช่วงทศวรรษปีค.ศ. ๑๙๓๐ (ช่วงปีพ.ศ. ๒๔๗๓ - พ.ศ. ๒๔๘๓) แต่ไม่มีหลักฐานปรากฏว่าเส้นทางดังกล่าวอยู่รอดพ้นสงคราม (คือสงครามโลกครั้งที่สองที่สิ้นสุดในปีพ.ศ. ๒๔๘๘) 
 
แต่ก็มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเส้นทางดังกล่าวอยู่รอดพ้นสงครามโลกครั้งที่สอง อย่างน้อยก็อยู่จนถึงปีพ.ศ. ๒๕๐๖ เพราะแผนที่แนบท้ายประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง จัดตั้งสุขาภิบาลเกาะขนุน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๘๐ ตอนที่ ๒๖ วันที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๐๖ นั้นยังปรากฏว่ามีเส้นทางดังกล่าวที่เป็นสถานปลายทางที่โรงเลื่อยจักร์เอื้อวิทยา (รูปที่ ๔) และในประกาศกำหนดเขตสุขาภิบาลก็มีการกล่าวถึงเขตสุขาภิบาลที่ลากผ่านแนวทางรถไฟของบริษัทเอื้อวิทยาจำกัด


รูปที่ ๔

ผมลองเทียบกับแผนที่ดาวเทียมปัจจุบันแล้วทำให้คาดว่าแนวเส้นทางดังกล่าวน่าจะอยู่แถว ๆ ถนนสาย 3245 ในปัจจุบัน (รูปที่ ๕)

ไปงานสัปดาห์หนังสือมาวันนี้ได้หนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์รถไฟในประเทศไทย เขียนโดยอาจารย์ชาวญี่ปุ่นอีก ๑ เล่ม รวมที่มีอยู่เดิมก็เป็น ๓ เล่มแล้ว คงจะไม่ทำการแปลออกมาตรง ๆ แต่จะนำเอาข้อมูลในหนังสือเหล่านั้นกับข้อมูลที่ค้นมาได้จากที่ต่าง ๆ มาเล่าสู่กันฟัง เผื่อว่าใครมีโอกาสแวะไปตามสถานที่ต่าง ๆ เหล่านั้น จะได้รู้ว่าในอดีตนั้นสถานที่เหล่านั้นเคยมีสิ่งใด
 


รูปที่ ๕ เทียบกับแผนที่ดาวเทียม เกาะขนุนอยู่ในกรอบสีเขียว ลาดกระทิงอยู่ในกรอบสีเหลือง แนวทางรถไฟเดิมน่าจะอยู่แถว ๆ ถนนสาย 3245 ในปัจจุบัน ปลายทางด้านเกาะขนุนน่าจะอยู่ก่อนถึงโรงพยาบาลในปัจจุบัน