"บ่อน้ำร้อนอยู่เหนืออำเภอศรีราชาขึ้นมาประมาณ
๓ กิโลเมตร มีทางแยกจากถนนสุขุมวิทย์เข้าไปอีกประมาณ
๓ กิโลเมตร ถ้าท่านไปพักที่ศรีราชาแล้ว
สามารถจะเดินไปเที่ยวบ่อน้ำร้อนได้
เพราะระยะทางไม่ไกลเกินไปนัก
ภูมิประเทศในบริเวณบ่อน้ำร้อนสวยงามน่าชมยิ่ง
คือมีภูเขาทั้งสามด้าน
บนภูเขาในบริเวณนี้โดยมากมักจะถูกชาวบ้านถากถางทำเป็นไร่ปลูกมันสัมปหลัง
และกล้วยเต็มไปหมด
ทางทิศใต้และทิศตะวันออกของบ่อน้ำร้อน
ก็เต็มไปด้วยไร่สัปรดและสวนเงาะ
ถ้าไปเที่ยวในฤดูที่เงาะออกผลแล้ว
จะพบลูกเงาะสีเหลืองบ้าง
สีแดงบ้าง ห้อยเป็นพวงระย้าเต็มต้นไปหมด
บางต้นเตี้ยพอเขย่งเก็บถึงก็มี
และถ้าหากว่าท่านอยากจะรับประทาน
จะขอเขารับประทานสักอิ่นหนึ่งก็คงจะได้
เจ้าของสวนคงจะไม่หวงห้ามท่านเลย"
รูปที่
๑ ปีพ.ศ.
๒๕๕๘
เป็นปีที่แล้งจัดปีหนึ่ง
จนน้ำในอ่างเก็บน้ำบางพระลดต่ำลงจนปากปล่องบ่อน้ำพุร้อนโผล่จากใต้น้ำ
"ส่วนบ่อน้ำร้อนนั้นเป็นน้ำพุที่ไหลมาจากภูเขาซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้
ๆ นั้น
ที่เกิดความร้อนขึ้นก็เพราะน้ำไหลผ่านปฐพีที่มีความร้อนสูง
แล้วก็พุขึ้นมาบนผิวดิน
น้ำที่พุมานั้นมีความร้อนสูงกว่าความร้อนในร่างกายคน
คือร้อนเกินกว่า ๓๗ องศาเซ็นติเกรด
และมีกัมมะถันเจือปนอยู่ด้วย
มีผู้ทำบ่อซิเมนต์กั้นขังน้ำไว้และทำที่อาบน้ำไว้ข้าง
ๆ บ่อน้ำพุนี้มีมาแต่ครั้งรัชกาลที่
๖
แต่เนื่องจากบ่อและที่อาบน้ำแต่เดิมเป็นของล้าสมัยและชำรุดทรุดโทรมลง
ท่านจอมพล ป.
พิบูลสงคราม
นายกรัฐมนตรี
จึงสั่งให้กรมโยธาเทศบาลจัดสร้างบ่อน้ำและที่อาบน้ำขึ้นใหม่อย่างทันสมัย
เมื่อ พ.ศ.
๒๔๙๖
...
"
ข้อความข้างต้นนำมาจากหนังสือ
"ทัศนาสารไทย
จังหวัดชลบุรี"
ฉบับของสำนักวัฒนธรรมทางศิลปกรรม
สภาวัฒนธรรมแห่งชาติ
(น่าจะจัดทำในปีพ.ศ.
๒๔๙๙)
ผมพิมพ์ตามตัวสะกดและเว้นวรรคตามที่หนังสือพิมพ์ไว้
ไม่ได้ทำการแก้ไขอะไร
หนังสือนี้บรรยายสภาพทั่วไปของบ่อน้ำร้อนในสมัยนั้น
ที่ปัจจุบันจมอยู่ใต้ผืนน้ำของอ่างเก็บน้ำบางพระ
รูปที่
๒ แผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกา
จัดทำในปีพ.ศ.
๒๔๙๗
แสดงตำแหน่งของบ่อน้ำร้อนก่อนมีการสร้างเขื่อน
"ต่อจากพุน้ำร้อนไปทางทิศตะวันออกประมาณสัก
๑๐๐ เมตร มีพุอีกพุหนึ่งแต่น้ำไม่ร้อนเหมือนอย่างพุแรก
กลับเย็นดีเหมือนอย่างเช่นน้ำในห้วยหนองคลองบึง
ปลาต่าง ๆ
สามารถจะแหวกว่ายอยู่ในบ่อน้ำพุนี้ได้อย่างสบาย
..."
ข้อมูลนี้ทำให้ทราบว่า
บริเวณดังกล่าวมีพุน้ำอยู่สองแห่ง
แห่งหนึ่งเป็นน้ำร้อน
อีกแห่งหนึ่งนั้นเย็นกว่า
รูปที่
๓ ภาพบริเวณบ่อน้ำร้อน
จากหนังสือทัศนาสารไทย
จังหวัดชลบุรี
รูปนี้น่าเป็นภาพก่อนการก่อสร้างเขื่อนกักเก็บน้ำ
(ที่กลายเป็นอ่างเก็บน้ำบางพระในปัจจุบัน)
แต่น่าจะหลังจากที่ได้ทำการปรับปรุงในปี
พ.ศ.
๒๔๙๖
แล้ว
เพราะเมื่อเทียบกับภาพที่ปรากฏในคลิปภาพยนต์ที่ระบุว่าบันทึกไว้ในปี
พ.ศ.
๒๔๙๕
นั้น อาคารในรูปนี้ดูใหม่กว่า
"ต่อมารัฐบาลได้พิจารณาถึงประโยชน์ในอันที่จะกักกันน้ำจืดไว้สำหรับให้ชาวเมืองชลบุรีได้อาศัยบริโภค
เพราะปรากฏว่าในฤดูแล้วจังหวัดชลบุรีขาดแคลนน้ำจืดสำหรับบริโภคอย่างยิ่ง
เมื่อกรมชลประทานได้ตรวจดูภูมิประเทศของจังหวัดนี้หมดแล้วเห็นว่าไม่มีที่ไหนเหมาะกว่าพื้นแผ่นดินในบริเวณบ่อน้ำร้อน
เนื่องจากเป็นที่ราบภายในหุบเขา
สามารถจะกักกันน้ำไว้ดีกว่าแห่งอื่น
จึงได้สร้างเขื่อนคอนกรีตกั้นเทือกเขาที่ต่อกัน
ทำเป็นอ่างเก็บน้ำ
และสำเร็จเมื่อต้นปี พ.ศ.
๒๔๙๙
อ่างนี้สามารถเก็บน้ำไว้ได้หลายล้านลูกบาตรเมตร"
...
"เมื่อได้สร้างอ่างเก็บน้ำขึ้นแล้ว
น้ำได้ท่วมบ่อน้ำร้อนนี้หมด
ไม่สามารถจะใช่บ่อน้ำพุของเดิมได้
ทางการจึงได้รื้อที่อาบน้ำร้อนไปสร้างใหม่นอกเขื่อนกั้นน้ำ
ซึ่งอยู่ห่างจากที่เดิมปริมาณ
๓ กิโลเมตร
แล้วทำการสร้างท่อไขน้ำจากบ่อเดิมเข้าไปยังที่อาบน้ำใหม่นี้
ส่วนบ่อเดิมนั้นได้ทำเสาซิเมนต์ทาสีขาวตั้งไว้เป็นเครื่องหมาย
น้ำร้อนซึ่งไหลตามท่อจากพุเดิมไปยังที่ใหม่นี้
ไม่ร้อนจัดเหมือนอย่างเดิม
คงอุ่นนิด ๆ
พอให้รู้สึกว่าผิดกว่าน้ำเย็นธรรมดาเล็กน้อยเท่านั้น
..."
เสาซิเมนต์สีขาวต้นนั้นก็น่าจะเป็นเสาซิเมนต์ที่โผล่พ้นน้ำครั้งสุดท้ายในปี
พ.ศ.
๒๕๕๘
(รูปที่
๑)
ที่เป็นปีที่แล้งจัดปีหนึ่งจนระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำลดต่ำลงมาก
ส่วนตำแหน่งบ่อน้ำใหม่ที่สร้างขึ้น
ในหนังสือสยามานุสรณ์
(ตอนท้ายของเรื่อง)
ระบุไว้ว่าห่างจากที่เดิมประมาณ
๕๐๐ เมตร ต่างไปจากตัวเลข
๓ กิโลเมตรที่หนังสือทัศนาสารกล่าวเอาไว้
การสร้างเขื่อนกั้นลำน้ำเพื่อให้เกิดอ่างเก็บน้ำบางพระมีการสร้างสองครั้ง
ที่หนังสือกล่าวเอาไว้คือการสร้างครั้งแรก
เขื่อนนี้ยังพอเห็นได้เวลาที่ระดับน้ำในอ่างลดต่ำลง
ต่อมาได้มีการสร้างเขื่อนดินท้ายเขื่อนคอนกรีตเดิมในปี
พ.ศ.
๒๕๑๔
เพื่อเพิ่มความจุของอ่างเก็บน้ำ
ผลจากการสร้างเขื่อนครั้งที่สองนี้ทำให้ที่อาบน้ำร้อนใหม่นั้นหายไป
รูปที่
๔ แผนที่แสดงเขตสุขาภิบาลบางพระปี
พ.ศ.
๒๕๐๖
หลังมีการสร้างเขื่อนกักเก็บน้ำ
ทำให้บ่อน้ำร้อนเดิมจมอยู่ใต้น้ำ
เลยต้องมีการต่อท่อออกมายังตำแหน่งใหม่ในกรอบสี่เหลี่ยมสีแดงในภาพ
ถ้าเทียบตำแหน่งกับแผนที่ในรูปที่
๒ จะเห็นว่า
บ่อน้ำร้อนเดิมนั้นอยู่ทางทิศตะวันออกของเขาซากขมิ้น
แต่บ่อน้ำร้อนใหม่นั้นอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเขาซากขมิ้น
(เขาที่อยู่มุมล่างขวาของแผนที่อยู่ข้างเครื่องหมายบอกทิศ)
รูปที่
๕ ป้ายบอกทางแยกไปยังบ่อน้ำร้อน
รูปที่
๗ โรงอาบน้ำ
รูปที่
๘ บรรยากาศการอาบน้ำ
รูปที่
๕ -
๘
นำมาจากคลิปวิดิโอที่ผู้เผยแพร่ทาง
YouTube
เรื่อง
"บางละมุง-ศรีราชา-ชลบุรี
ปี 2495"
โดยผู้โพสที่ใช้ชื่อ
"ชุมทางหนังไทยในอดีต"
ในคลิปดังกล่าวมีทั้งภาพการเดินทางซึ่งมีทั้ง
การข้ามแม่น้ำบางปะกงโดยใช้สะพานเทพหัสดิน
การเข้าไปยังบ่อน้ำร้อนบางพระ
รถไฟลากไม้ศรีราชา ฯลฯ
แต่น่าเสียดายที่คลิปวิดิโอดังกล่าวถูกนำออกไปนานแล้วและไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้เห็นอีกทีเมื่อไร
รูปที่
๙ หนังสือ "สยามานุสรณ์"
และ
"ทัศนาสารไทย"
บันทึกเกี่ยวกับบ่อน้ำร้อนที่บางพระนี้พบในหนังสืออีกเล่มคือ
"สยามานุสรณ์"
(รูปที่
๙)
ในหน้า
๖๒๐ -
๖๒๒
แต่เสียดายที่ภาพที่ปรากฏในหนังสือเล่มนี้ไม่ชัดเจน
หนังสือเล่มนี้ที่ยืมมาจากห้องสมุดไม่มีการระบุปีที่พิมพ์
รู้แต่ว่าห้องสมุดได้รับมาในปี
พ.ศ.
๒๕๒๖
มีการระบุไว้ที่ท้ายเล่มว่า
"พิมพ์ที่สัตยการพิมพ์
889/1
ถนนอรุณอัมรินทร์
บางกอกน้อย กรุงเทพ ฯ นายประสงค์
ตระการสัตยกุล ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา
โทร.
4665251, 4655312"
โดยได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับบ่อน้ำร้อนนี้ไว้ว่า
"อ่างเก็บน้ำร้อน
จะมีอ่างเก็บน้ำเป็นลักษณะบ่อน้ำธรรมชาติเกิดขึ้นเอง
3
บ่ออยู่ใกล้เคียง
บ่อแรกเป็นบ่อน้ำร้อน
มีความร้อนถึง 100
องศาฟาเรนไฮต์
อีกบ่อเป็นบ่อน้ำอุ่น
และอีกบ่อเป็นบ่อน้ำเย็น
บ่อน้ำร้อนเป็นน้ำพุ
ที่เกิดจากใต้ดินไหลผ่านแร่ธาตุบางชนิด
เช่นแร่กำมะถัน
จะมีผู้ไปเที่ยวและอาบน้ำร้อนกันเสมอ
เพราะเชื่อว่าเมื่ออาบน้ำร้อนแล้วจะรักษาโรคผิวหนัง
และอาการปวดเมื่อยตามตัวให้หายไปได้
ปัจจุบันมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ปิดบังบ่อน้ำร้อน
ทางราชการได้ต่อท่อให้น้ำในอ่างไหลเป็นน้ำประปาไปใช้ในตัวเมือง
และได้ต่อท่อจากพุน้ำร้อนเดิมให้พุ่งขึ้นอีกทางหนึ่ง
ห่างจากที่เดิมประมาณ 500
เมตร
สถานที่ใหม่นี้ทำเป็นอ่างกลมใหญ่
มีรูปพญานาคพ่นน้ำร้อนลงในอ่างตลอดเวลา
แล้วต่อให้ไหลเข้าห้องน้ำทำเป็นที่อาบน้ำร้อนภายในห้อง
การไหลของน้ำใช้แรงดันของน้ำพุ
โดยไม่ต้องอาศัยเครื่องจักรกลใด
ๆ"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น