วันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2557

หิ่งห้อย ณ บางพลัด MO Memoir 2557 Mar 23 Sun


คลิปหิ่งห้อยกระพริบแสง

ผมย้ายกลับมาอยู่ที่นี่ในปี ๒๕๒๑ ที่บอกว่าย้ายกลับมาก็เพราะตอนผมเกิดนั้นคุณพ่อคุณแม่บอกว่ามาเช่าบ้านอยู่แถวนี้พักหนึ่ง ก่อนย้ายออกไปอยู่ท้องที่อื่น และกลับมาอยู่ที่นี่อีกครั้ง ตอนนั้นชุมชนที่อยู่ในซอยแถวนี้เป็นอย่างไร ปัจจุบันก็ไม่ค่อยแตกต่างไปเท่าไรนัก จะมีเปลี่ยนไปบ้างก็แถวริมถนนจรัญสนิทวงศ์ ที่มีห้างสรรพสินค้าเกิดขึ้น มีโรงแรมเกิดขึ้น มีโรงพยาบาลเอกชนเกิดขึ้น และกำลังจะมีรถไฟลอยฟ้า ส่วนด้านหลังที่โดนล้อมไว้ด้วยทางรถไฟสายใต้นั้นก็กำลังจะมีระบบรถไฟขนส่งมวลชน และทางด่วนสำหรับรถยนต์
   
แต่ชุมชนที่อยู่ในซอยนั้น ในขณะนี้ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม มีเปลี่ยนไปบ้างก็มีการรื้อบ้านเก่าเพื่อสร้างหลังใหม่
  
บ้านที่อยู่นั้นเป็นบ้านจัดสรร ซอยที่มาอยู่เป็นซอยตันมีบ้านอยู่ ๘ หลัง (แถวละ ๔ หลัง) เป็นบ้านชั้นเดียวกันทั้งหมด บ้านที่มาอยู่ก็เป็นบ้านสุดซอย ด้านหลังบ้านเป็นสวนผลไม้ที่ไม่ค่อยมีใครมาดูแลเท่าใดนัก เหมือนกับเป็นสวนรก ๆ มากกว่า มาอยู่ใหม่ ๆ ยังได้เห็นนกหัวขวานมาบินมาเจาะต้นหมากในสวนหลังบ้าน แต่ก็ไม่เห็นนานแล้ว ปัจจุบันที่พอจะมีแวะมาเยี่ยมเยียนบ้างบางครั้งเห็นจะได้แก่นกแซงแซว ส่วนดุเหว่านี่ไม่เห็นตัวถนัดสักที แต่ได้ยินเสียงร้องตอนเช้ามืดเป็นประจำ เรียกว่าไม่ต้องพึ่งนาฬิกาปลุกก็ได้ ฟังเสียงดุเหว่าร้องบอกเวลาแทน


ธรรมชาติไม่ได้มีเพียงต้นไม้ และความงดงามของธรรมชาติก็ไม่ได้แปลว่าต้นไม้ต้องขึ้นเรียงเป็นแถวเป็นระเบียบเรียบร้อย แยกกันตามชนิด ผมเชื่อว่าชาวสวนทางฝั่งธนเข้าใจในข้อนี้ดี การทำสวนของเขาจึงเต็มไปด้วยการปลูกต้นไม้หลายหลายสายพันธุ์ผสมกัน บรรยากาศจึงมีทั้งต้นไม้หลายหลายชนิดขึ้นรวมกัน ทั้งไม้ดอกและไม้ผล ด้วยเหตุนี้จึงทำให้สวนดั้งเดิมนั้นมีทั้งแมลงและนกหลากหลายสายพันธุ์อยู่รวมกันเต็มไปหมด
    
ถ้ากลางวันเป็นความงดงามของสีสัน กลางคือก็เป็นความงดงามของเสียงแสง ช่วงเย็นใกล้ค่ำจนถึงหัวค่ำนั้นมักจะเป็นช่วงเวลาที่สัตว์อีกกลุ่มหนึ่งออกมาใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นสัตว์หากินตอนกลางคืน หรือแมลงที่ออกมาส่งเสียงร้องเรียกเพื่อนฝูง หรือบินออกมาเล่นลม 
   
และสิ่งหนึ่งที่ทำให้ชอบและผูกพันกับที่นี่เป็นพิเศษ รู้สึกตื่นเต้นตั้งแต่ย้ายมาอยู่ตอนเด็ก ๆ และปัจจุบันก็ยังมีให้เห็นแทบทุกคืนที่โผล่มองออกไปนอกหน้าต่างก็คือ "หิ่งห้อย" ที่บินล่องลอยอยู่ในสวนหลังบ้านตอนกลางคืน
   
หิ่งห้อยเป็นแมลงที่ส่องแสงออกมาได้จากบริเวณส่วนท้องของมัน สำหรับคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองแล้ว เพื่อจะได้เห็นหิ่งห้อยสักครั้งอาจหมายถึงการต้องเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวที่เขาโฆษณาว่ามีการนั่งเรือชมหิ่งห้อย แต่สำหรับคนที่มีบ้านอยู่ในซอยแถวบางพลัดแล้ว การมีหิ่งห้อยให้ชมก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ก็เพียงแค่พยายามอย่าให้มีแสงจากตัวบ้านออกไปรบกวนการใช้ชีวิตในเวลากลางคืนของหิ่งห้อยเท่านั้นเอง
   
ผมสร้างบ้านใหม่เป็นบ้านสองชั้น ชั้นบนของบ้านนั้นจะสูงกว่ารั้ว ทำให้มองเห็นบรรยากาศในสวนหลังบ้านตอนกลางคืนได้ชัด แต่ก็จะพยายามไม่เปิดไฟในห้องทิ้งไว้ เพราะแสงจากหน้าต่างจะส่องสว่างเข้าไปในสวน แต่ถ้าต้องเปิดก็มักจะปิดม่านเพื่อไม่ให้แสงจากห้องออกไปส่องออกไป เพราะถ้ามีแสงส่องสว่างในสวนเมื่อใด หิ่งห้อยมักจะหลบซ่อนตัวด้วยการไม่กระพริบแสง หรือไม่ก็บินหนีไป และปรกติมันก็จะบินอยู่ในสวน ไม่บินข้ามรั้วเข้ามาในบริเวณบ้าน เว้นแต่ว่าจะปิดไฟบริเวณรอบบ้านโดยเฉพาะด้านที่ติดสวนเพื่อให้บริเวณดังกล่าวมืด ก็อาจจะมีหิ่งห้อยบินเล่นเข้ามาในบ้าน รูปที่เอามาให้ดูในหน้าที่แล้วเป็นรูปที่ถ่ายเมื่อกว่าสองปีที่แล้ว ส่วนคลิปวิดิโอนั้นถ่ายเอาไว้เมื่อคืนด้วยกล้องมือถือ คือมันมาส่งแสงกระพริบอยู่ตัวเดียวข้างหน้าต่างห้องครัว ก็เลยออกไปยืนถ่ายคลิปหิ่งห้อยกระพริบแสง แต่พอเปลี่ยนเป็นจะถ่ายรูป พอแสงแฟลชกระพริบขึ้น หิ่งห้อยก็บินหนีทันที
   
สวนหลังบ้านนี้ไม่ได้มีหิ่งห้อยเกาะเต็มต้นไม้ มีแต่บินไปมาให้ดูเล่นในตอนกลางคืน นับได้มากที่สุดในเวลาเดียวกันก็เกือบสิบตัว ตอนลูกเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ที่โรงเรียนพอคุณครูถามว่ามีเด็กคนไหนเคยเห็นหิ่งห้อยบ้าง ก็มีเด็กนักเรียนยกมือกันไม่กี่คน ลูกผมก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่พอถามต่อว่าได้ไปเป็นกันที่ไหน เด็กคนอื่น ๆ ก็จะบอกว่าไปเห็นตามแหล่งท่องเที่ยว จะมีลูกผมก็นี่แหละที่บอกว่าเห็นที่บ้าน เพราะที่บ้านมีหิ่งห้อยให้ดู
    
สวนที่ผมเล่าถึงอยู่ตรงไหนก็ดูในภาพถ่ายดาวเทียมข้างล่างเองก็แล้วกัน กากบาทแดงในรูปคือตำแหน่งที่มองออกมาจากหน้าต่างห้องนอนลูกสาวเพื่อถ่ายรูปสวนที่มีหิ่งห้อยบินไปมาตอนกลางคืน มีกระรอกกระโดดตามต้นไม้ในตอนกลางวัน มีงูเขียวกับงูเหลือมเลื้อยไปมา และตัวเงินตัวทองวิ่งเล่นเป็นบางเวลา รูปถ่ายที่ถ่ายมาให้ดู ๓ รูปก็ถือว่าเป็นการบันทึกบรรยากาศรอบ ๆ ตัวบ้านว่าในขณะนี้มันเป็นอย่างไร ส่วนอนาคตมันจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะแต่ก่อนบ้านที่อยู่นี้ก็ถือว่าอยู่ในซอยลึกห่างถนนใหญ่ ใกล้ทางรถไฟสายใต้ แต่ตอนนี้มันกำลังจะมีทั้งทางด่วน ถนนเลียบทางรถไฟ และรถไฟขนส่งมวลชน ทำให้สุดซอยกลายเป็นปากซอยไปแล้ว




     
     
ฝากท้ายด้วยรูปแขกผู้มาเยือนเมื่อคืนที่ผ่านมา เขามาตะโกนร้องทักแต่พอโผล่ออกไปดูก็ไม่เห็น มาเช้าวันนี้เขามาตะโกนร้องทักอีกทีก็เลยโผล่ออกไปดูใหม่ ปรากฏว่าเล่นไปแอบอยู่ตรงซอกชายคา ซอกนี้ตอนเช้าวันก็ร่มดีหรอก แต่พอตกบ่ายมันรับแดดตรง ๆ หลังคาที่เป็น metal sheet มันจะร้อนจัดนะครับ

 

ไม่มีความคิดเห็น: