วันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2562

เพื่อความปลอดภัยและความรวดเร็ว กรุณายืนทั้งสองฝั่งของบันไดเลื่อน MO Memoir : Wednesday 16 January 2562

ปีหน้า (พ.ศ. ๒๕๖๓) ประเทศญี่ปุ่นจะเป็นเจ้าภาพจัดงานโอลิมปิคฤดูร้อน ณ กรุงโตเกียว และสิ่งหนึ่งที่ทางผู้ให้บริการรถไฟของญี่ปุ่นพยายามทำก็คือ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้บันไดเลื่อน จากยืนฝั่งเดินฝั่ง มาเป็นให้ยืนทั้งสองฝั่ง



ภาพข่าวแรกที่นำมาเอามาจาก NHK world Japan ส่วนภาพข่าวที่สองนำมาจากสำนักข่าว Japan Times ข่าวทั้งสองนำมาจากหน้าเว็บแต่นำมาตัดแต่งเล็กน้อย (เฉพาะส่วนขอบที่ว่าง เนื้อหาไม่ถูกตัดแต่ง) เพื่อให้ทั้งภาพข่าวอยู่พอดีในหน้ากระดาษเดียว เดิมนั้นการใช้บันไดเลื่อนจะให้ผู้ที่ต้องการยืน ให้ยืนทางฟากใดฟากหนึ่ง และใครต้องการเดิน (เพื่อต้องการความรวดเร็ว) ก็ให้ใช้อีกฟากหนึ่ง แต่มันก็มีปัญหาเรื่องอุบัติเหตุ รวมไปทั้งปัญหากับผู้โดยสารที่มีสัมภาระที่ต้องวางเต็มพื้นที่บันไดเลื่อน 

 
ด้วยเหตุนี้จึงเกิดความต้องการที่จะปรับพฤติกรรมการใช้บันไดเลื่อนเพื่อลดอุบัติเหตุที่เกิดขณะใช้บันไดเลื่อน (ไม่ว่าขึ้นหรือลง) ด้วยการให้งดเดินบนบันไดเลื่อน แต่ให้ยืนทั้งสองฝั่งและจับราวบันไดเอาไว้ แต่สิ่งหนึ่งที่พบในการทดลองในสถานีรถไฟแห่งหนึ่งในกรุงลอนดอน (ดูภาพข่าวของ Japan Times) ที่ให้ผู้โดยสารยืนทั้งสองฝั่งของบันไดเลื่อนคือ สามารถระบายคนได้ "รวดเร็วขึ้น" ถึง 30%
 
ปัญหาหนึ่งของผู้ให้บริการเห็นจะได้แก่การตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการ โดยเฉพาะผู้ให้บริการระบบสาธารณะที่ต้องให้บริการคนจำนวนมากในเวลาเดียวกัน (เช่นในกรณีของรถไฟใต้ดิน) ซึ่งแน่นอนว่าไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการได้ทุกคนในเวลาเดียวกัน แต่สิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งที่ต้องมาก่อนความสะดวกในการรับบริการก็คือ "ความปลอดภัย" ในการให้บริการ เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นกับผู้รับบริการรายหนึ่ง มันมักจะส่งผลกระทบต่อผู้รับบริการรายอื่น (ที่อาจมีจำนวนมากด้วย) และระบบการทำงานโดยรวมก็ได้ การที่สถานีรถไฟใต้ดินในกรุงโตเกียวมีการรณรงค์ให้ยืนทั้งสองฝั่งของบันได้เลื่อนก็คงด้วยเหตุนี้ ส่วนใครรีบร้อนเขาก็มีบันไดจัดไว้ให้เดินขึ้นเองได้อยู่แล้ว

แต่สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจก็คือทำไมพอห้ามเดินบนบันไดเลื่อน พบว่าสามารถระบายผู้โดยสารได้รวดเร็วขึ้น

ตรงนี้ถ้าเรามาพิจารณาสัดส่วนระหว่างคนที่ไม่ประสงค์ที่จะเดินบนบันไดเลื่อนกับคนที่ประสงค์ที่จะเดินบนบันไดเลื่อน (เป็นประจำด้วย) ก็น่าจะพอหาคำอธิบายได้
 
ถ้ามองว่ามีบันไดเลื่อนเพียงแต่บันไดเดียว ผู้โดยสาร 90% ไม่ประสงค์จะเดินบนบันไดเลื่อน มีเพียงแค่ 10% เท่านั้นที่ต้องการเดิน การไปให้ยืนเพียงแค่ฝั่งเดียวเหลืออีกฝั่งไว้เดิน ทำให้ผู้โดยสาร 90% ต้องรอต่อคิวกันใช้บันไดที่มีพื้นที่ใช้ได้เพียงแค่ครึ่งเดียว ในขณะพื้นที่อีกครึ่งของบันได้มีไว้ให้ผู้โดยสารส่วนน้อย (คือ 10%) ใช้เท่านั้น
 
แต่ถ้าให้ยืนได้ทั้งสองฝั่งของบันไดเลื่อน ก็จะทำให้ผู้โดยสาร 90% ได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้น คือสามารถเดินทางได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องมาออหน้าบันได
 
การอ้างเหตุผลเรื่องความปลอดภัยมันก็ใช่ว่าจะไม่มีปัญหา เพราะการกระทำบางอย่างนั้นมันใช่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุทุกครั้งที่กระทำ เขาก็ใช้เป็นข้ออ้างได้ว่าที่ผ่านมาก็ทำแบบนี้มาตลอด ไม่เห็นจะเป็นอะไร ทำไมต้องห้ามไม่ให้เขาทำ (เช่นขี่มอเตอร์ไซค์โดยไม่สวมหมวกนิรภัย นั่งรถยนต์โดยไม่คาดเข็มขัดนิรภัย) แต่ประเด็นก็คือถ้าเกิดเรื่องขึ้น แม้ว่าเพียงครั้งเดียวก็ตาม จะเกิดความเสียหายมากเท่าใด และใครต้องรับผิดชอบความเสียหายทั้งหมดที่เกิด ไม่ว่าจะเป็นของระหว่างคู่กรณี หรือกับผู้อื่นที่ได้รับผลกระทบจากเหตุที่เกิด (เช่นการที่ต้องปิดการจราจร ต้องหยุดการให้บริการชั่วขณะ)
 
การออกข้อบังคับโดยอิงเรื่องความปลอดภัยเป็นสิ่งที่ควรกระทำ แต่กระนั้นก็ควรอยู่บนพื้นฐานของความเหมาะสมและปรับให้เหมาะสมกับสถานการณ์ คนยืนอยู่บนชานชาลาสถานีรถไฟฟ้า พอพลาดตกชานชาลาทีก็มีเสียงโวยวายกันใหญ่ว่าทำไมถึงไม่มีที่กั้น แต่สำหรับคนที่ยืนรอรถเมล์อยู่ที่ป้าย กลับไม่ยักเคยได้ยินปัญหาทำนองเดียวกัน ตรงนี้เราอาจต้องไปพิจารณาว่าความแตกต่างของสถานที่นั้น ทำให้คนนั้นมีพฤติกรรมแตกต่างกันหรือไม่ เช่นการยืนรอรถเมล์นั้นทำให้คนมีความตื่นตัวและระมัดระวังมากกว่าการยืนรอรถไฟฟ้าหรือไม่ เพราะสถานีรถไฟฟ้านั้นเป็นที่ปิด ไม่ต้องกังวลเรื่องฉกชิงวิ่งราว และมั่นใจว่าเมื่อรถไฟมาถึงมันต้องจอด ในขณะที่ริมถนนนั้นเป็นที่สาธารณะ รถเมล์อาจวิ่งเลยไม่จอดก็ได้ และยังต้องระวังเรื่องการฉกชิงวิ่งราวอีก

ท้ายสุดนี้ต้องขอบคุณท่านผู้ติดตามอ่าน blog "Tamagozzilla" จากบริษัทโยโกกาวา ประเทศไทย ที่นำของที่ระลึกมามอบให้ถึงที่ทำงานเมื่อเช้าวันวาน หวังว่าอีกไม่นานทางบริษัทคงจะมีเรื่องราวความรู้เผยแพร่ที่สามารถใช้เป็นฐานอ้างอิงในการทำงานให้กับนิสิตนักศึกษาและคนทำงานทั่วไปนะครับ จะคอยเอาใจช่วยครับ :) :) :)

 

ไม่มีความคิดเห็น: